“ชีวิตเรา”...จะมีเวลาเป็นช่วงๆที่จิตเข้าเขตอกุศลธรรมดำมืด เป็นทุกข์ โมโหหิว อึดอัดขัดใจทำอะไรไม่ได้ อยากด่าคน ไม่สนธรรมะ คำพูดดีๆไม่อยากฟัง...

เมื่อเข้าเขตอกุศลธรรม แต่ละคนเกิดปฏิกิริยาต่างๆกันไปตามเสบียงทางวิญญาณที่สั่งสมมา คนจำนวนหนึ่ง...ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะคุ้นเคยกับเขตอกุศลธรรมอยู่แล้ว คนจำนวนหนึ่ง...ฉุกใจเตือนตัวเองว่านี่เรากำลังเข้าเขตอกุศลธรรมอันน่าสะดุ้งกลัวอยู่หรือเปล่า?

คนจำนวนหนึ่ง...ปล่อยเลยตามเลย ไหนๆก็ไหนๆ ให้โลกแตก จิตแตกยังไงก็ช่างหัว คนจำนวนหนึ่ง...คิดแก้ปัญหาภายนอกก่อน แม้แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงให้คิด กัดฟันทำตามสำนึกแบบผู้ใหญ่ไปงั้นๆ คนจำนวนหนึ่ง...คิดแก้ปัญหาภายในก่อน เพื่อสร้างเรี่ยวแรงใหม่ให้พร้อมคิดแก้ปัญหาภายนอกได้จริง

คนจำนวนหนึ่ง...มีต้นทุนพอจะรู้ว่าถ้าคิดอะไรดีๆไม่ออกก็เลิกคิด ออกจากโหมดคิด เข้าโหมดรู้เพื่อตั้งหลักกันใหม่ จากหัวโล่งๆ และเนื้อตัวเบาๆ คล้ายเรียกตัวอีกคนที่เก่งกว่ามาผลัดเวร

เร่งถามตัวเอง เราเป็นคนจำนวนหนึ่งแบบไหน? เราเห็นธรรมะเป็นสิ่งขาดไม่ได้แล้วหรือยัง? ธรรมะเป็นเสบียง...ที่ต้องเตรียมกันล่วงหน้านานๆไม่ใช่ตาลีตาเหลือกควานหากัน ตอนที่จิตดีๆกำลังจะตายไปจากตัวเพราะไม่มีใครบอกล่วงหน้าได้หรอกว่า...โลกจะมืดลงวันไหน หาใครรับผิดชอบโลกและประเทศไม่ได้วันใด...

...

ต้นทุนทางธรรมเฉพาะตัวเท่านั้น ที่ช่วยให้รอดเฉพาะตนได้จริง ทำกับคนอื่นอย่างไร คือสะสมธรรมะให้กับตัวเองอย่างนั้น...ให้ทานแก่คนอื่น เห็นใจคนอื่น...เพื่อความชุ่มชื่นเย็นใจแก่ตนเอง

รักษาศีล ไม่ทำร้ายใคร...เพื่อความสว่างใสแก่ใจตน สุดท้าย ทำสมาธิ เจริญสติ ทำความสว่าง ความรู้กระจ่างแจ้ง เพื่อสร้าง “จิตก่อนคิด” ขึ้นมาเตรียมเอาไว้แทนที่ จิต “คิดอะไรดีๆไม่ออก” กัน

ตัดตอนคัดลอกมาจากเฟซบุ๊ก เพจ “Dungtrin”...จะเกี่ยวมากเกี่ยวน้อยก็น่าจะถือว่าเกี่ยวโดยเฉพาะเรื่อง “ศรัทธา” กับ “ความรวย” ดังตฤณ กล่าวไว้ว่า ถ้าทำสมาธิแล้วรวยขึ้นเป็นร้อยล้านทันตา...คนทั้งโลกคงหันมาทำสมาธิกันหมด ข้อเท็จจริงคือ หากทำสมาธิได้...ดวงจิตที่ได้มามีค่าสูงกว่าร้อยล้าน เพราะเป็นเหตุให้อยู่เย็นเป็นสุขแสนสุขแสนสบายทางใจ ชนิดที่ไม่ค่อยมีกันในบรรดาเศรษฐีร้อยล้าน

“ตลอดจนเป็นเหตุให้คิดดี น้อมศรัทธาไปในธรรมแห่งความพ้นไป”

O O O

พลิกปูมประวัติ “เซียนแปะโรงสี” หรืออีกชื่อที่รู้จักกันก็คือ “อาจารย์โง้ว กิมโคย” ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นมีชื่อจริงว่า “นที ทองศิริ” และ “กิมเคย แซ่โง้ว” ชาวจีนโพ้นทะเลที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพิธีกรรมตามศาสตร์ความเชื่อของจีนและในเรื่องเกี่ยวกับ “ฮวงจุ้ย”

กล่าวกันว่า ท่านได้ประกอบธุรกิจโรงสี อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี กระทั่งหลังเสียชีวิตลงแล้วได้รับการเคารพนับถือในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ปทุมธานี กรุงเทพฯ...

ยกให้ท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับการทำมาค้าขาย ปลดหนี้ ป้องกันภัย

อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างเกี่ยวกับ “ยันต์ฟ้าประทานพร” ยันต์ประจำตัว “เซียนแปะโรงสี” ที่มีความเชื่อศรัทธากันอย่างมากล้นว่าใครที่นำมาบูชาจะค้าขายรุ่งเรือง ทำธุรกิจประสบผลสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องนี้มีที่มาที่ไปให้เป็นเช่นนั้น

ย้อนไปดูบันทึกประวัติ “เซียนแปะโรงสี” เกิดที่ตำบลเท้งไฮ้ ราวปี 2440 อายุได้เพียง 10 ปี ได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย แรกเริ่มได้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ค้าข้าวเปลือก กระทั่งเริ่มตั้งตัวได้จึงร่วมหุ้นก่อตั้งโรงสีข้าวขึ้นมา ตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางโพธิ์ล่าง...ปัจจุบันคือพื้นที่ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมืองปทุมธานี

...

ครั้นอายุได้ 22 ปี “เซียนแปะโรงสี” ได้สมรสกับนางนวลศรี เอี่ยมเข่ง มีบุตรธิดา 10 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก 4 คน จากนั้นท่านก็ได้ตั้งกิจการโรงสีของตนเองขึ้นมาบริเวณคลองเชียงรากใกล้กับวัดศาลเจ้า

พร้อมทั้งได้รับสัญชาติไทยและได้เปลี่ยนชื่อเป็น “นายนที ทองศิริ”

ฉากชีวิตท่านมีคุณูปการอย่างยิ่งยวดในการดำเนินงานของวัดศาลเจ้าแห่งนี้ ทั้งบูรณะซ่อมแซม จัดพิธีกรรมต่างๆในงานสำคัญต่างๆนับตั้งแต่ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นเพียงอาคารไม้เก่าๆ จนเล่าลือกันอย่างหนาหูว่า...ท่านเป็นบุคคลที่มี “องค์” ของเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าประทับในตน ด้วยมีอยู่หลายๆครั้งด้วยกันที่ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ในพิธีกรรมต่างๆจนปรากฏให้เห็นและก็ทำให้ผู้คนต่างเชื่อกันอย่างนั้นนั่นเอง

นอกจากนี้แล้ว “เซียนแปะโรงสี” ท่านยังเป็นบุคคลที่มีความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง หยิบยื่นช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาด้านความเชื่อจีน จึงยิ่งผนวกความศรัทธาที่มีอยู่สั่งสมให้มีมากขึ้นเรื่อยๆเป็นเท่าทวีคูณ

จนกระทั่งในปี 2526 “เซียนแปะโรงสี” ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 85 ปี

O O O

...

ผมบูชา “เซียนแปะโรงสี” มาตั้งแต่ 10 กว่าปีล่วงมาแล้วครับ ตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ ชีวิตโอเคมาตลอด ค้าขายทำอะไรก็เจริญรุ่งเรือง ราบรื่นมาตลอด

อาจจะเรียกได้ว่า...ไม่เคยมีสะดุดหรือมีปัญหาอะไรหนักหนาเลยแม้แต่น้อย

ประโยคข้างต้นมาจาก บ็อบ อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน “เพื่อนคอมพิวเตอร์” ชั้น 3 ห้างเซียร์รังสิต ถามว่า นึกยังไงถึงบูชา ด้วยว่าได้อ่านประวัติ เห็นว่าเป็นคนที่ชำนาญเรื่องค้าขาย ก็เลยบูชาตั้งแต่นั้นมา

“บ็อบ” เป็นคนบุรีรัมย์ จับพลัดจับผลูมาเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ ก่อร่างสร้างครอบครัวอยู่ที่เซียร์รังสิต นับจากเรียนอาชีวะจบสาขาอิเล็กทรอนิกส์ แล้วก็เรียนคอมพิวเตอร์เพิ่มอีกสองปีเพื่อเพิ่มพูนความรู้ติดอาวุธให้ตัวเอง จนกระทั่งมีโอกาสได้เข้ามาฝึกงานที่นี่ก็เลยมีช่องทาง แล้วก็ต่อยอดเรื่อยมาจนถึงวันนี้

10 กว่าปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็น “เจ้าของธุรกิจ” เต็มตัว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เส้นทางชีวิตดีวันดีคืนได้จริงๆ...“เงินทอง รายได้ไม่เคยขาดมือ ลูกค้าก็เข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งลูกค้าใหม่ ขาจร ขาประจำ มีมาตลอด ราบรื่นมากๆ ไม่เคยติดขัด”...ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความตั้งใจดี นิสัยส่วนตัว แต่อีกส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะสิ่งที่มองไม่เห็น มาจากศรัทธาที่มีต่อ “เซียนแปะโรงสี” นั่นเอง

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก–ยม