ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กก.ผจก.ใหญ่ บริษัท ช.การช่าง มอบเงินบริจาคจำนวน 5,000,000 บาท ให้มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ เพื่อสร้างการแพทย์ไทยพิชิตภัยโควิด-19 โดยมี วัลลภ ยุติธรรมดำรง เป็นผู้แทนรับมอบ ที่วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ วันก่อน.
ร่วมใจไปฉีดวัคซีนโควิดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564
“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...สถานการณ์แพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ที่มีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น และมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อสูงถึงวันละ 20-30 ราย สะท้อนถึงความรุนแรงของ โรคไวรัส มรณะ ทางรอดเดียวในวิกฤติครั้งนี้ก็คือ วัคซีนป้องกัน...วันก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 กรุงเทพฯ และปริมณฑล ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยม ศูนย์วัคซีนเอกชน ที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยระบุถึงการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่ประชาชน ว่ามีความพร้อมเต็มที่ในการบริการ เดินทางสะดวก ปลอดภัย ไม่แออัด จัดระบบการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว พร้อมเอ่ยปากขอขอบคุณ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และ สมาคมธนาคารไทย ที่เสนอตัวมาช่วยให้การกระจายวัคซีนสู่ประชาชนได้รวดเร็วและทั่วถึง โดยตามเป้าหมาย เดือน มิ.ย. นี้ จะปูพรมระดม ฉีดวัคซีน เข็มแรก ให้แก่กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง คือ ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และ กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม เพราะเพียงเข็มแรก ก็ช่วยลดโอกาสติดเชื้อและความรุนแรงของอาการได้มาก จากนั้น จะเร่งฉีดให้กับประชาชนทั่วไป ขณะนี้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ได้ฉีดเกือบครบทุกคนแล้ว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้บุคลากรด่านหน้า รวมทั้งยังระดมฉีดให้ กลุ่มเฉพาะกิจ ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง...นอกจากนี้ตั้งแต่ เดือน มิ.ย. จะเริ่มฉีดให้แก่ผู้มีความเสี่ยงสูง หรือกลุ่มคนทำงานที่มีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย พบปะคนมาก เช่น พนักงานส่งของ คนขับรถสาธารณะ พนักงานภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หรืออยู่ในภาคธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจของประเทศ หากได้ฉีดวัคซีนเร็ว จะช่วยลดการแพร่ระบาดและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจเร็วขึ้นด้วย
...
...
นายกฯประยุทธ์ ยังเน้นย้ำ ปัจจุบันมี ศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน 14 ศูนย์ ที่พร้อมให้บริการ และจะเพิ่มเป็น 25 ศูนย์ ในเร็วๆนี้ และจะขยายโมเดลไปในจังหวัดอื่นต่อไป ขอให้ทุกคนไม่ต้องกังวลใจ รัฐบาล ยืนยันหาวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงคนไทยทุกคน รวมทั้งชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย โดยจะจัดหาเพิ่มจาก 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส สำหรับ 100 ล้านโดสแรก รัฐบาลได้เจรจากับผู้ผลิตแล้ว ทั้งนี้ วัคซีนลอตใหญ่ของ แอสตราเซเนกา ที่ผลิตในประเทศไทย จะส่งมอบได้ในสิ้น เดือน พ.ค. ส่วนผู้ผลิตรายอื่นๆจะทยอยจัดส่งมา รัฐบาล จะร่วมมือกับทุกฝ่าย ทำงานแข่งกับ เวลา เพื่อปกป้องคนไทยทุกคนให้พ้นจากโควิดโดยเร็วที่สุด ตามเป้าหมายใน เดือน มิ.ย. จะปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก จึงขอเชิญชวนทุกคนมาฉีดวัคซีน ป้องกันโควิดเพื่อให้ ประเทศไทยพ้นวิกฤติและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เข้มแข็งอีกครั้ง
...
...
ทางด้าน อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในที่ประชุม ครม.นัดล่าสุด นายกฯประยุทธ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าอยากให้การฉีดวัคซีนโควิดเป็น วาระแห่งชาติ ขณะนี้มีการลงทะเบียนฉีดในส่วน ผู้สูงอายุ และ มีโรคประจำตัว และเตรียมฉีดวัคซีนเพิ่มเติมให้กับคนที่จำเป็น คนทำงานที่มีความเสี่ยงได้รับวัคซีนเพิ่มเติม อาทิ พนักงานส่งของ ผู้ขับ รถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ พนักงานในร้านอาหาร ในเดือน มิ.ย. นอกจากนี้จะเปิดให้องค์กรต่างๆจัดให้พนักงานที่มีความเสี่ยงทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีน...เมื่อ รัฐบาล พยายามทุ่มเท เร่งระดมจัดหาวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ทุกคนก็ควรให้ความร่วมมือไปฉีดวัคซีนโดยพร้อมเพรียง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ครอบครัว และสังคมส่วนรวม
เฮ้อ...อย่างที่บอกสถานการณ์โควิดยังปะทุรุนแรง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน มีผู้ติดเชื้อ รายใหม่ 4,887 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,036 ราย มาจากการคัดกรองเชิงรุกในเรือนจำ 2,835 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 16 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 93,794 ราย หายป่วยสะสม 60,615 ราย อยู่ระหว่างรักษา 32,661 ราย อาการหนัก 1,209 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 406 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 518 ราย ...ถ้าประชาชนยังกังวลและลังเล ไม่กล้า ตัดสินใจไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด คงได้เห็นยอดคนป่วยหนัก และคนตาย เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จบข่าว
ฮัดชิ้ว...แม้สถานการณ์โควิดยังรุนแรง แต่การเมืองไม่เคยหยุดนิ่ง ล่าสุด พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นร้อง ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวน นายกฯประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 มีพฤติการณ์ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงในการบริหารสถานการณ์โควิด...ชกเข้าเป้า หรือจั่วลม ต้องรอลุ้นกัน
ส่วน สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ไปลงพื้นที่โคราช ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด เจอเรื่องน่าเศร้า หัวหน้าวงดนตรี เดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจโควิด ต้องยกเครื่องดนตรีไปขาย ปิดวงไปโดยปริยาย เลยควักกระเป๋าให้ทุนไปซื้อเครื่องดนตรีคืนมา เพื่อเป็นอุปกรณ์เลี้ยงชีพต่อไป...ปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า รัฐควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพทุกสาขา เพื่อรักษาพื้นฐานอาชีพเอาไว้
สังคมมีน้ำใจ วันก่อน คณะผู้บริหาร กฟผ. และ บริษัทในกลุ่ม กฟผ. นำโดย ณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง รองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ร่วมมอบเงินบริจาคสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รวม 5,800,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ให้ปลอดภัยจากโควิด ...ยามวิกฤติคนไทยไม่ทิ้งกัน
“ธนูเทพ”