“22 กันยาฯ วันมหาภัย”...วานนี้ 22 กันยายน เป็นวันที่โลกในซีกเหนือมีเวลากลางวันกับกลางคืนเท่ากันพอดี คือแบ่งกันไปข้างละ 12 ชั่วโมง นับจากวันนี้เป็นต้นไป เวลากลางคืนจะค่อยๆยาวกว่ากลางวันขึ้นทีละนิดจนถึงเดือนธันวาคม ไม่ถึงหกโมงเย็นก็มืดแล้ว จะว่าเป็นวันสำคัญต่อมนุษย์ก็ไม่เชิง จะบอกว่าไม่สำคัญก็ไม่ใช่

ในเมืองหนาวอย่างในอเมริกาและยุโรป วันนี้คือวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง นอกจากกลางคืนจะยาวนานแล้ว ใบไม้ก็จะเริ่มเปลี่ยนสี และร่วง ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เป็นช่วงที่สภาพบรรยากาศออกจะโรแมนติกปนเศร้า มองไปรอบๆเห็นต้นไม้เป็นสีส้ม สวย แต่ทุกคนก็รู้ว่า อีกไม่นานใบจะร่วงและหิมะจะตก ความหนาวกำลังมาเยือน

กลิ่นใบไม้ที่ทับถมตามริมทางในป่า ออกหอมหวาน เป็นกลิ่นที่ผมชอบ ตอนเรียนหนังสือ หอพักผมอยู่บนเนินเขา เดินไปเรียนต้องผ่านป่าไปราวกิโลกว่าๆ ได้ทั้งภาพสวยและกลิ่นหอม

วันที่ 22 กันยายน เป็นวันที่หลายคนประสบเหตุแปลกๆ บางคนเจอเหตุร้ายแรงถึงชีวิต บางคนเจอเหตุร้าย ไม่ตาย แต่ส่งผลติดตัวไปตลอดชีวิต เหตุเหล่านี้ไม่ได้ทำให้คนเราแข็งแกร่งขึ้น แต่ทำให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อไปในโลกที่โหดร้าย ชีวิตไม่ได้มีความปรานี เท่าที่เคยพบเจอ คนที่อ่อนแอ กลับประสบเหตุร้ายแรง คนเข้มแข็งบางคนไม่เคยเจอเรื่องร้ายอะไรเลย บางคน ทำอะไรผิดพลาดร้ายแรง แม้ร่างกายยังคงสภาพปกติ หัวใจยังเต้น...

...

แต่จิตวิญญาณตายไปแล้ว บางคนจึงคิดว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์

ผมยังไม่เคยศึกษาลงลึกว่าในทางโหราศาสตร์ วันที่กลางวันกับกลางคืนมีเวลาเท่ากันนี่ ทำไมจึงส่งผลต่อบางคนอย่างรุนแรง แน่ๆคือเป็นวันที่ฤดูร้อนมาถึงที่สิ้นสุด และฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้น

อะไรบางอย่างคงต้องถึงที่สิ้นสุด และอะไรบางอย่างอาจเริ่มต้นในวันนี้

และก็ไม่ได้เริ่มต้นไปสู่การเจริญงอกเงย แต่เริ่มต้นไปสู่ใบไม้ร่วงสูญเสียไปสู่ดินแดนที่มีความมืดมากกว่าความสว่าง บางคนบอกว่าการสูญเสีย บางทีก็มีอะไรดี อย่างคนเป็นเนื้องอก มะเร็ง เสียมะเร็งไปก็ดี แต่เรื่องดีจากการสูญเสีย มันก็มีน้อยมาก และมีเงื่อนไขมาก

เท่าที่สังเกต ส่วนใหญ่ก็จะเจอครั้งเดียว เช่นสมมติว่าใครสักคนโดนรถชนในวันที่ 22 กันยายน ปี 2545 ขาแขนหักไป ต้องเริ่มชีวิตใหม่บนรถเข็น หลังจากนั้นแล้วปีต่อๆมา ถึงผ่านวันนี้ก็ไม่มีเหตุร้ายอะไรอีก

ผมเองไม่ประมาท จึงไม่เขียนล่วงหน้ามาเขียนคืนวันที่ 22 เพื่อความแน่ใจว่าจะลืมตามาโพสต์ในเช้าวันที่ 23....ตามวิชาโหร วันที่ 22 จะหมดก็ต่อเมื่ออาทิตย์ขึ้นในเช้าวันที่ 23 ถ้ายังไม่สว่างก็ยังไม่หมดความเสี่ยง

ทุกปีผมจะระวังตัวเป็นพิเศษในวันที่ 22 กันยายน ไม่เริ่ม ไม่ทำอะไรเสี่ยงๆในวันนี้

ความเชื่อส่วนตัว จากประสบการณ์ส่วนตัว เล่าสู่กันฟัง ใช้วิจารณญาณในการอ่านก็แล้วกัน ตอนท่าน fc ส่วนใหญ่อ่านนี่ มันก็พ้นวันที่ 22 ไปแล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ต้องกังวล

ข้างต้นนี้ ม.ล.สิทธิไชย ไชยันต์ เขียนเผยแพร่ไว้ในเฟซบุ๊ก วันที่ 23 กันยายน เวลา 04.21 น.

O O O

เคล็ดวิชา...ศาสตร์ “โหราพยากรณ์” ทำนายทายทัก ฤกษ์พานาที...อีกศรัทธาความเชื่อที่คนไทยมีมานับแต่ครั้งโบราณนานมา ยุคนี้มรสุมการระบาดไวรัสร้าย “โควิด-19” ย่างกรายสร้างความเสียหายไปทั่วทุกมุมโลก...คิดกันไปต่างๆนานา หลายๆเรื่องประเดประดัง ยิ่งเรื่องปากท้อง ทำมาค้าขาย เศรษฐกิจฝืดเคืองด้วยแล้ว

ยิ่งสร้าง “ความเครียด” กันไปตามๆกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

ศรัทธา ความเชื่อ เป็นเรื่องที่ดี ม.ล.สิทธิไชย มองว่า “ศาสตร์วิชาโหราศาสตร์เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์” “สมมติว่าดวงบอกว่าปีหน้าจะถังแตกก็จะไม่แนะนำให้ไปทำบุญทำทาน แต่จะบอกว่าให้รีบเก็บเงินไว้เยอะๆ ถึงเวลาถังแตกจริงๆตามดวงจะได้มีอะไรขึ้นมาแบ็กอัป ไม่สร้างปัญหาให้ชีวิตสะดุดติดขัด”

...

นี่คือสิ่งยึดเหนี่ยวได้ของจริง จับต้องได้จริงๆ

อีกเรื่องสมมติว่า “ดวง” สะท้อนว่าปีหน้าจะป่วยก็ควรที่จะต้องเตรียมเงินไว้เลยเก็บออมไว้เพื่อจะนำมาใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลหรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเล็กๆน้อยๆก็ให้รีบไปรักษาจะได้ไม่ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ต่อไป

แต่...ไม่ได้แนะนำให้ไปบูชาอะไร

พูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะลบหลู่ ใครจะทำอะไร ปฏิบัติ ศรัทธาอะไรก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล

O O O

“22 กันยาฯ วันมหาภัย” คำถามมีว่า...เป็นดวงที่เกิดขึ้นทุกๆปีหรือเปล่า?

วันนี้จะเป็นวันที่กลางคืนกับกลางวันเท่ากัน พอดีเป๊ะๆ อาจจะเคลื่อนวันไปบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะตกในวันที่ 22 กันยายน ถ้าจะบอกว่าเป๊ะคงไม่ใช่ เพราะบางปีก็ตกวันที่ 21 กันยายน

ถามว่าศึกษามาจากไหน? “ผมเรียนมาจากคุณย่าครับ” ม.ล.สิทธิไชย ว่า “แต่ก่อนก็ไม่เชื่ออะไรเลย แต่เมื่อตอนที่คุณย่าป่วยนอนรักษาตัว ผมอายุ 20 คุณย่าต้องนอนอยู่เฉยๆ คุณย่าเป็นคนชอบดูดวง เวลาไปหาคุณย่าก็พูดเดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะมีคนเอาของมาให้เธอนะ เราก็คิดเอาอะไรมาพูดจะเป็นไปได้อย่างไร....”

...

แต่...ถึงเวลาก็มีคนเอาของมาให้จริงๆ

น่าสงสัย ใคร่รู้...ของที่ได้ก็ไม่ใช่ของใหญ่โตอะไร เป็นของฝาก และเป็นจริงอย่างที่คุณย่ากล่าวไว้ อีกครั้งหนึ่งคุณย่าก็ทัก เดี๋ยวเดือนหน้าเธอจะปวดฟัน...แล้วก็ปวดจริงๆ พอได้สัมผัส ได้เห็นก็เริ่มสนใจอยากที่จะเรียนรู้ว่าที่มาที่ไปที่คุณย่าได้พูดถึงนั้นจะต้องมีอะไรบางอย่าง แล้วเราก็อยากจะรู้ อยากจะเรียนรู้จริงๆเข้าให้แล้ว

...ได้เรียน ได้ศึกษาจากคุณย่ามาเรื่อยๆ พอเริ่มมีวิชามากขึ้นก็เริ่มเสาะหาหนังสือมาอ่านเรียนรู้ด้วยตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากนั้นก็เริ่มไปหาหมอดูจริงๆหลายๆคนก็ให้เขาดูดวงให้ คุยกัน แต่เหตุผลสำคัญไม่ได้เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปดูดวง แต่จะคุยกันถึงดาวโน้นดาวนี้เข้าแล้วจะเป็นอย่างไร ดาวโน้นออกอย่างนี้เป็นยังไง เท่ากับเสียค่าเรียนแบบอ้อมๆจากหมอที่มีประสบการณ์จริง สร้างเสริมประสบการณ์จริง

...พอมีวิชาแล้ว ก็เริ่มมาดูดวงให้กับเพื่อนฝูงบ้าง ไม่ได้บ่อย ตอนนี้ด้วยวัยอายุ 67 ปีแล้ว ขอย้ำว่า เรื่องของ “โหราศาสตร์” เชื่อในมุมวิทยาศาสตร์ว่าเป็น...“จริง” สามารถทำนายได้บ้างสัก 80-90 เปอร์เซ็นต์

...

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อ ไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม