ดร.ศุภชัย

วิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำเอามนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องตกงาน ถูกลดเงินเดือน การหาหนทางอยู่รอด ให้พ้นวิกฤติในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Disruption และผู้ก่อตั้งหลักสูตรไฟว์เวล Fivewhale สำหรับผู้บริหารระดับสูง ได้แนะสิ่งที่ต้องทำ โดยบอกว่า “New Normal หรือฐานวิถีชีวิตใหม่ หมายถึงกิจกรรมต่างๆที่เกิดจากสิ่งที่เราไม่เคยทำในชีวิตประจำวัน แต่ต้องมาทำในชีวิตประจำวัน อย่างการเว้นระยะห่าง ทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ การเช็กอินและวัดอุณหภูมิก่อนเข้าไปในสถานที่ต่างๆ สิ่งเหล่านี้ คือฐานวิถีชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อเกิดวิกฤติดังกล่าว ห้างร้าน องค์กรธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและสามารถดำเนินกิจการ ต่อไป เช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือนซึ่งเป็นฟันเฟืองหนึ่งในองค์กร ก็จำเป็นที่จะต้องมีการปรับตัวด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้สามารถอยู่รอด ซึ่งมี 3 สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนต้องรีบลงมือปฏิบัติ

...

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวต่อไปว่า อันดับแรกต้องเรียนรู้พัฒนาทักษะใหม่ๆให้เพิ่มพูน สละเวลาอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมงเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ สิ่งที่ต้องทำคือการ Unlearn ลืมความรู้เก่าๆเดิมๆ ที่เคยมีมา แล้วมาเริ่มต้นใหม่ด้วยการ Relearn เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยจะต้องมองหาทิศทางภายหน้าว่า สิ่งใดจะมาแรงและเป็นที่ต้องการในสถานการณ์เช่นนี้ เช่น อี–คอมเมิร์ซ ขายของออนไลน์ ร้านอาหาร แบบดีลิเวอรี รวมถึง ต้องมีการพัฒนาทักษะ Reskill อีกด้วย สิ่งต่อมาคือ ในยุคนิวนอร์มอลนี้ เราควรจะมีรายได้จากงานที่ทำทั้งหมด ด้วยกันถึง 3 ทาง แบ่งเป็นรายได้จากงานประจำ หางานเสริมที่สามารถทำได้ในเวลากลางคืน อย่างการไลฟ์ขายของทางออนไลน์ โดยจะต้องหาแหล่งสินค้าราคาถูกที่สุดเพื่อมาขาย และงานที่ทำได้ในวันหยุด คือเสาร์และอาทิตย์ เช่น การเป็นฟรีแลนซ์ออนไลน์ต่างๆ อย่างการทำบัญชีออนไลน์ หรือครูสอนพิเศษทางออนไลน์

และเมื่อเรามีรายได้จากหลายทางแล้ว อันดับถัดมาคือ เรื่องของการเก็บออมบริหารการเงิน เพื่อให้เราสามารถอยู่ดำรงชีวิตรอดในสถานการณ์ ที่ไม่แน่นอน ในอดีตเราอาจถูกปลูกฝังต้องแบ่งเงินจากรายได้ทั้งหมด 10-20% ไว้สำหรับการเก็บออม แต่เวลานี้ที่ดิสรัปชันเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว การแบ่งเงินจากรายได้ แบบในอดีตอาจไม่เพียงพอ จึงมองว่าควรแบ่งเงินจากรายได้ทั้งหมด 40% ไว้สำหรับการเก็บออม และแบ่งอีก 10% สำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยจะเหลือใช้ส่วนตัว 50% หรือหากอยากนำไปใช้สำหรับการลงทุน ให้หักเพิ่ม 10% แล้วเหลือใช้ส่วนตัวเพียงแค่ 40% เท่านั้น ซึ่งหลักการนี้เหมาะสำหรับคนโสดที่ยังไม่มีครอบครัว โดยสำหรับบุคคล ในสถานะอื่นๆ อาจปรับเปลี่ยนแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม.