การใช้...“เครื่องรางของขลัง” แฝงอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยในสังคมดั้งเดิม ที่ยังหวาดกลัวภัยธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บ โจรผู้ร้าย ศัตรู และศึกสงคราม
คอลัมน์ “คัมภีร์จากแผ่นดิน” นสพ.ไทยรัฐ เขียนโดย “บาราย” วันที่ 23 ก.พ. 2557 ระบุว่า
ราศี บุรุษรัตนพันธุ์ เขียนไว้ นานานุกรมขนบประเพณีไทย หมวดประเพณีราษฎร์ เล่ม 3 (คติความเชื่อ กรมศิลปากร พิมพ์ พ.ศ.2552) ว่า...การคิดสร้างเครื่องรางของขลัง เกิดขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ ป้องกันตัวเอง สร้างเสริม หรืออำนวยประโยชน์ในอาชีพการงาน
ผู้ออกรบจะพกพาพระเครื่อง และสวมเสื้อยันต์เพื่อป้องกันอันตราย ผู้ทำอาชีพเกษตรกรรม ทำนา จะหาวัวธนู ควายธนู เพื่อป้องกันอาเพศไม่ให้มาสู่ไร่นาพืชผลของตนเอง...นักแสดงจะสรรหาสาลิกาลิ้นทองมาพกขณะทำงาน เพื่อให้ผู้คนรักใคร่เมตตาปรานี เครื่องรางของขลังเหล่านี้ ถูกส่งต่อให้คนในสังคมเดียวกัน
ครู...อาจารย์...มอบให้ศิษย์ พ่อแม่...มอบให้ลูกหลาน อีกทั้งผู้ใดมีความรู้ความสามารถ สร้างเครื่องรางของขลัง จะต้องเป็นผู้มีความสำคัญ มีวัตรปฏิบัติดีงาม เป็นที่ยอมรับในสังคม
...
วัตถุที่นิยมนำมาใช้สร้างเครื่องรางของขลัง มักเป็นวัตถุหายาก และสิ่งของผิดธรรมชาติ เช่น เขี้ยวสัตว์ เขี้ยวหมูตัน หอยเบี้ย กระดูกช้าง สะเก็ดดาว เขาสัตว์บางประเภท แร่เหล็กไหล ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้...เชื่อกันว่ามีคุณพิเศษในตัวเอง จะเข้าพิธีปลุกเสกหรือไม่ก็ใช้ได้
เครื่องรางที่ตั้งใจประดิษฐ์ต้องมีการปลุกเสกลงคาถาอาคม เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ เช่น ผ้ายันต์ ตะกรุด ปลัดขิก มีดหมอ วัวธนู ควายธนู สาลิกาลิ้นทอง รวมถึงพระเครื่อง เหรียญพระ
ในทางพุทธศาสนา มีการกล่าวถึงพระพุทธคุณและการบูชาพระพุทธเจ้า อาจเป็นเครื่องป้องกันอันตราย บรรเทาความหวาดกลัว และการปองร้ายของภูตผี มีความเชื่อว่าพระพุทธรูป พระพิมพ์ที่สร้างเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
รวมถึงการสร้างระบบเลขยันต์ มนตรา คาถาอาคม ซึ่งนิยมในพุทธศาสนาลัทธิตันตระ
@ @ @ @
ประเภทเครื่องรางของขลัง...มีตั้งแต่คัมภีร์พระปถมัง “คัมภีร์” นี้ถือเป็นปฐมบทเรื่อง “เวทมนตร์” ที่คนศึกษาต้องเริ่มเรียนรู้ ถือกันว่าเป็นคัมภีร์ที่บรรจุพระคาถาพุทธบริสุทธิ์ที่มีอานุภาพสูงสุด
ธงชัยเฉลิมพล ใช้ในการนำทัพ เป็นธงที่จะประจุอาคมอาถรรพณ์ไว้จำนวนมาก เพื่อให้กองทัพมีอำนาจเหนือคู่ต่อสู้ พระชัยหลังช้าง คือพระพุทธรูปที่จะอัญเชิญไปออกศึก โดยจะประทับอยู่บนหลังช้าง เชื่อว่าจะทำให้ชนะศึก พระเครื่อง หรือพระพิมพ์ ที่จัดเป็นเครื่องราง ตัวอย่าง พระลีลาเม็ดขนุน พระพิมพ์นี้สร้างในสมัยสุโขทัย พระโคนสมอ พระเครื่องที่สร้างในสมัยอยุธยา พบในกรุตามวัดโบราณ เป็นพระที่เชื่อว่า...
...มีอิทธิฤทธิ์ พลานุภาพ ด้าน... “คงกระพันชาตรี”
เรื่องที่ร่ำลือกันมาก คือเรื่องพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นำพระแสงปืนยิงใส่พระโคนสมอ แต่เกิดเรื่องอภินิหาร ยิงไม่เข้า
มีดหมอเทพศาสตราวุธ นิยมกันมากในสมัยอยุธยา ใช้ถอนอาถรรพณ์ป้องกันภูตผีปิศาจ...เสื้อยันต์ ใช้ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาด เช่น เสื้อยันต์ที่ลงด้วยคาถานะโมพุทธายะ ไตรสรณคมน์ และหัวใจคาถามหาอุด หรือลงด้วยพระนวโลกุตรธรรม คาถาพระเจ้าห้ามอาวุธ...ผ้าซิ่นแม่ เป็นเครื่องรางที่ทหารไทย นำติดตัวไปรบ ผ้าซิ่นแม่คือชายผ้าถุงของแม่ ผืนที่คลอดครั้งแรก ที่ลูกชายจะนำไปใส่ไว้ในหมวก
...
หำยนต์ คือยันต์ที่ติดไว้บนบานประตู ป้องกันคุณไสย เพราะเชื่อกันว่า ขณะนอนหลับ มนต์ถาคาจะเสื่อมลง...เขี้ยวเสือโปร่งฟ้า เป็นเขี้ยวเสือกลวง (ปกติเขี้ยวเสือจะตัน)...เพชรตาแมว เป็นดวงตาแมวที่ตาย หรือยังมีชีวิตอยู่ ลักษณะกลายเป็นหิน...งากำจัด งากำจาย เป็นงาช้างที่ชนต้นไม้หักคาทิ้งไว้ เป็นสิ่งที่พบได้ยาก คด...วัสดุธรรมชาติที่กลายเป็นหิน เช่น เม็ดมะขาม เม็ดขนุน
เครื่องรางเหล่านี้ ใครมีติดตัวจะมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกันภัย อันตราย ภูตผีปิศาจ...ในอดีตเครื่องรางของขลังถือเป็นของมีค่าทางจิตใจ บุคคลที่มีอยู่ในครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับ มีความประพฤติดี และจะมีได้เมื่อถึงโอกาสอันควร
แต่ปัจจุบัน เครื่องรางของขลังมีขายเกลื่อนกลาด ทำง่าย ซื้อง่าย คุณค่าจึงวิปลาสคลาดเคลื่อนไปจากแนวทางของบรรพบุรุษไป จนไม่อาจเทียบกันได้เลย
@ @ @ @
ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดไวรัส “โควิด-19” เป็นวงกว้าง เช่นปัจจุบันนี้ ศรัทธาบวกกับความเชื่อของคนไทยที่มีต่อเครื่องรางของขลังก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ไม่ขาด
...
ยกตัวอย่างการเช่าหาบูชาจนเป็นกระแส “หัวนะโม” ที่มีความเชื่อกันอย่างแน่นหนักว่า จะช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้...จริงไม่จริงอย่างไรก็เป็นที่พึ่งทางใจ ลดความวิตกกังวลในยามวิกฤติไปได้บ้าง
ข้อมูลเปิดเผยเกี่ยวกับ “หัวนะโม” ระบุว่า เป็นเครื่องรางของขลังที่คนจังหวัดนครศรีธรรมราชรู้จักกันดี มีบันทึกประวัติความเป็นมานานนับกว่า 700 ปีแล้วก็ว่าได้ กล่าวกันว่า...ในราวก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 หัวนะโมคือ เม็ดโลหะที่เป็นเบี้ยใช้แทนเงินตราไว้แลกเปลี่ยนสินค้าภายในอาณาจักรตามพรลิงค์ และเหตุที่เรียกว่า “หัวนะโม” นั้น เนื่องจากว่ามีลักษณะเป็นเม็ดกลม มีอักษรปัลลวะ หรืออักษรอินเดียโบราณจารึกไว้
ต่อมา...เมื่อเกิด “โรคห่า” หรือ “อหิวาตกโรค” ระบาดหนัก กษัตริย์แห่งอาณาจักร ได้ทรงทำพิธีปลุกเสกหัวนะโมขึ้นด้วยพิธีกรรมแบบพราหมณ์ โดยอัญเชิญเทพเจ้าทั้งสาม...พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม มาสถิตในหัวนะโม เสมอเหมือนเป็นตัวแทนองค์เทพเจ้าทั้งสามองค์ แล้ว...เอาไปหว่านรอบๆ เมืองและในสถานที่เกิดโรคระบาด ปรากฏว่า... โรคห่าได้หายไปจากอาณาจักรไปจนสิ้น
อีกครั้ง...เกิดขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เกิด “โรคห่า” ระบาดขึ้นมาอีก พระองค์จึงมีรับสั่งให้สร้างหัวนะโมขึ้นแล้วประจุผงพระพุทธคุณอันวิเศษที่สำเร็จขึ้นจากพระอาจารย์ผู้มีกฤตยาคมสูงลงในหัวนะโมแล้วโปรดเกล้าฯให้นำไปหว่านโปรยรอบเมือง
...
จากนั้น...ต่อมาโรคห่าก็สงบลง เรื่องราวทั้งสองนี้ทำให้เกิดความเชื่อศรัทธากันเป็นอย่างมากว่า “หัวนะโม” คือของมงคล มีความศักดิ์สิทธิ์... มีพุทธคุณครอบจักรวาล ทั้งด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ป้องกันภัยแคล้วคลาด ถือเป็นของดีของคนนครฯที่นิยมมีไว้ติดตัว...เป็นของมงคลประจำตัว
“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.
รัก–ยม