ยอมรับมาตรการเข้มเพื่อสกัดไวรัสมรณะ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันเสาร์ที่ 4 เมษายน 2563..
“ธนูเทพ” เข้าประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน ...สถานการณ์ระบาดของไวรัสมรณะ โควิด-19 ที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ยังอยู่ในภาวะวิกฤติรุนแรง เมื่อวันที่ 2 เม.ย. มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใน 200 กว่าประเทศทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นรวมแล้ว 949,750 คน มีผู้เสียชีวิต 48,259 ราย หลายประเทศ จึงต้องประกาศใช้มาตรการเข้มข้นสั่งล็อกดาวน์ ปิดเมือง ปิดพรมแดน ปิดประเทศ ห้ามประชาชนของตัวเองและชาวต่างชาติ เดินทางเข้าออกทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ เพื่อควบคุมสถานการณ์วิกฤติจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลาม ยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง
...
ล่าสุด นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกมีความกังวลอย่างมากต่อการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น มากกว่า 1 ล้านคน และจะมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด เกินกว่า 50,000 ราย ในเวลาไม่กี่วันข้างหน้า...
ขณะที่ นพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการ บริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินของ WHO ระบุ มาตรการ ล็อกดาวน์ ของรัฐบาลประเทศต่างๆ ยังไม่เพียงพอในการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และแม้การล็อกดาวน์จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและสังคม แต่หากไม่มีการดำเนินการดังกล่าวก็จะทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายกว่า...ถือเป็นคำเตือนที่ทุกประเทศต้องวิเคราะห์และรับฟัง
ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแนะนำให้ชาวอเมริกันใช้ผ้าพันคอปิดจมูกแทน เพื่อเก็บหน้ากากอนามัยไว้สำหรับแพทย์ และพยาบาล พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด...ทางด้าน ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาย้ำว่า การรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากาก อนามัยเป็นวิธีที่ประเทศอื่นๆปรับใช้ และได้ผลพอสมควร โดย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา กำลังพิจารณาแนวทางดังกล่าวอย่างจริงจัง...
พูดง่ายๆว่าถึงเวลาที่อเมริกันชน ต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มองว่า ผู้ป่วยเท่านั้นที่ต้องสวมหน้ากากอนามัย มาเป็นธรรมเนียมใหม่ขอให้ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วย ก็ต้อง สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อและสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายด้วยเช่นกัน.
...
แต่ที่แรงจัดมาเลยก็คงไม่พ้น ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต ของ ฟิลิปปินส์ ที่ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ หลังประกาศล็อกดาวน์ประเทศ แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนออกมาชุมนุมประท้วงไม่พอใจมาตรการของรัฐบาลเนื่องจากขาดแคลนอาหารและสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยย้ำเตือนชาวฟิลิปปินส์ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาลในสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด พร้อมออกคำสั่งหากพบใครทำร้าย เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ จะถือเป็นการก่ออาชญากรรมรุนแรง ขอให้ ตำรวจและทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ยิงคนเหล่านั้น ได้ทันที...สั่งใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพื่อควบคุมสถานการณ์ที่อาจบานปลายถึงขั้นจลาจล.
สำหรับสถานการณ์ใน ประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจสั่งยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกข้อกำหนดเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ประกาศเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ห้ามประชาชนออกจากเคหสถาน ตั้งแต่ เวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
...
เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง พัสดุภัณฑ์ สินค้านำเข้าหรือส่งออก และการขนย้ายประชาชนสู่พื้นที่ควบคุม เป็นต้น เพื่อป้องกันสกัดยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ที่แพร่ขยายไปเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ผู้ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ...ถือเป็นภาวะจำเป็นที่ประชาชนต้องให้ความร่วมมือเพื่อฟันฝ่าวิกฤติไวรัสมรณะ.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ณ วันที่ 2 เม.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 104 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,875 คน รักษาหาย 505 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 15 ราย...หากไม่ใช้มาตรการเข้มในการควบคุม ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตอาจจะพุ่งกระฉูดจนหยุดไม่อยู่..
...
ผ่างๆ...สำหรับผู้ที่รอลุ้นการช่วยเหลือเยียวยาจากการขอคืน ค่าประกันการใช้ไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สุชาติ เครือแก้ว รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระบุว่าหลังจากเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่ 25 มี.ค. ถึงวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา มีข้อมูลการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิผ่านแล้ว ประมาณ 3.1 ล้านราย โดยแยกเป็นการลงทะเบียนรับสิทธิผ่านพร้อมเพย์ 8.2 แสนราย วงเงิน 1,250 ล้านบาท รับสิทธิ ผ่านธนาคาร 1.4 ล้านราย วงเงิน 2,270 ล้านบาท และรับสิทธิผ่านเคาน์เตอร์ เซอร์วิสในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 8.7 แสนราย วงเงิน 857 ล้านบาท โดยเริ่มจ่ายเงิน ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. วงเงิน 350 ล้านบาท สำหรับผู้ได้รับสิทธิผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เมื่อได้รับการแจ้งเตือนรหัส PIN 6 หลัก สามารถไปรับเงิน ได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขา โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาในการจ่ายเงิน ทั้งนี้จะทยอยจ่ายจนกว่าผู้ที่มีสิทธิทุกคนจะได้รับเงินครบถ้วน...ยามยากลำบากเงินทุกบาทมีค่า ต้องเร่งช่วยให้ถึงมือชาวบ้านโดยเร็วที่สุด.
อืม...ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดลดลงตามไปด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาล และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงควรพิจารณาปรับลดอัตราค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะและสินค้าอุปโภคบริโภคตามภาวะราคาค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง...ยามวิกฤติประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าควรต้องปรับลดราคาให้เป็นธรรม
สังคมทั่วไป
ศพ ประจวบ ไชยสาส์น อดีต รมว.ต่างประเทศ ตั้งสวดศาลา 14 วัดเทพศิรินทราวาส 18.00 น. 4 เม.ย. คืนสุดท้ายและบรรจุศพ.
ศพ พ.อ.ศิระ จุลานนท์ ตั้งสวดศาลา 2 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน 18.00 น. ถึง 5 เม.ย. (6 เม.ย.งดสวด) พระราชทานเพลิง 7 เม.ย. 16.00 น.
"ธนูเทพ"