"ชีวิตก็เหมือนเทียน ถูกจุดขึ้นมาเพื่อรอวันดับ"
เฉกเช่นเดียวกับประวัติศาสตร์การสร้าง...สะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะอนุสรณ์ความบอบช้ำจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีทหารฝ่ายพันธมิตรมาสังเวยชีวิต และอีกหนึ่งความเชื่อและศรัทธา “เจ้าแม่แห่งความรัก” เล่าลือกันถึงความเชื่อและศรัทธาที่ว่า...ใครไม่มีแฟน ครอบครัวร้าวฉาน ต้องมาบนบานกับเจ้าแม่กาหลงซึ่งเรื่องราวน่าสนใจนี้ส่งต่อมาจากผู้ดูแลเฟซบุ๊กเพจ “running salon”
สองตำนานที่ชวนสะพรึง ณ สะพานข้ามแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี เริ่มกันที่ความเชื่อ ความศรัทธาในจังหวัดกาญจนบุรี นอกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควที่มีความเป็นมาที่โลกต้องจดจำความเจ็บปวดของสงครามที่ต้องสูญเสียชีวิตนับหมื่นนับแสน จนเป็นที่มาของเส้นทางรถไฟสายมรณะแล้ว ณ ที่แห่งนี้ ว่ากันว่ายังมี “ศาลเจ้าแม่กาหลง” ถือว่ามีความสำคัญมาก ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และเปี่ยมไปด้วยฤทธานุภาพแห่งพลังเมตตาจิตของท่าน...
ที่ส่งผลทำให้ไม่ว่าใครที่พบรักแล้วผิดหวัง เจ้าแม่กาหลงท่านจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ขจัดปัดเป่าความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคลให้หมดไปได้
...
ตำนานที่มาของ “เจ้าแม่กาหลง” นั้นเกิดจากพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินทางออกจาริกมาถึงบริเวณใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแควซึ่งวันหนึ่งท่านได้นั่งสมาธิและได้นิมิตพบว่ามีต้นกาหลงอยู่ในบริเวณที่แห่งนั้น ซึ่งมีหญิงสาวผมยาวผิวเหลืองดุจขมิ้น แต่งกายเหมือนสาวชาววังสมัยโบราณด้วยผ้าสีเขียวอร่ามสิงสถิตอยู่
เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องจึงเกิดความศรัทธาและพากันจัดสร้างศาลเจ้าแม่กาหลงขึ้นมา โดยบริเวณที่ตั้งศาลเจ้าแม่กาหลงนั้นอยู่ใกล้กับศาลข้ามแม่น้ำแคว เดินทางไปจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ใครที่สักการะด้วยของหอม แม่กาหลงท่านโปรดของหอม เช่น น้ำปรุง น้ำอบ จัดใส่โหลแก้วถวายท่านได้เลย
วิธีการบูชา จุดธูปหอมสักการะ 7 ดอก ตามด้วยพระคาถาบูชาดังนี้ “มะอะอุ ศิวังพรหมมา จิตตัง วิญญานังพระแม่กาหลงรัง พระแม่ทองคำ พระแม่ทองเปลว พระแม่กาหลง และองค์พระพุทธนารายณ์มานิมา มานิมา มานิมา”...บอกกล่าวเล่าเรื่องราวที่จะขอได้เลยทุกปัญหาความรัก ผิดหวังความรัก สามีไปมีภรรยาน้อย ภรรยานอกใจ ขอให้ธุรกิจการค้ารุ่งเรือง ขอเข้ารับราชการ หน้าที่การงาน
หรือ...แม้แต่มาขอหวย มาบอกกล่าวให้เจ้าแม่ช่วยเหลือได้ ซึ่งท่านก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
OOOO
“ทางรถไฟสายมรณะ”...สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นขอยืมเงินจากรัฐบาลไทย จำนวน 4 ล้านบาท การก่อสร้างใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี...ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2485 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2486 เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า
หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกรื้อทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้อ่างเก็บ น้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ทางรถไฟสายนี้ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้น เนื่องจากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้างเป็นของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา
เหตุที่ทางรถไฟสายนี้ได้ชื่อว่า ทางรถไฟสายมรณะ ก็เพราะว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดาและนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู พม่า อินเดีย อีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์
เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า เพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลังพล เพื่อจะไปโจมตีพม่าและอินเดียต่อไป ซึ่งขณะนั้นเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ เส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้นการสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก
ความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลงทางรถไฟสายนี้สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2486 และเปิดใช้เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมปีนั้นเอง
ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีได้รับการยกย่องให้เป็น “สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ”...สะพานข้ามแม่น้ำแควและทางรถไฟสายมรณะ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกที่มีคุณค่าทางจิตใจ เป็นสัญลักษณ์ของสงครามมหาเอเชียบูรพา
...
OOOO
“...มีเรื่องเล่ากันว่า ในอดีตจะมีหนุ่มสาวที่ผิดหวังในความรัก มาจุดธูปให้เจ้าแม่กาหลงช่วยให้สมหวังในความรัก เจ้าแม่กาหลง...ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นนางไม้ที่อยู่ในต้นกาหลงจะชอบยื่นมือมาช่วยคนที่ผิดหวังในความรัก ท่านมีความสามารถชักจูงและหว่านล้อมให้คนรักกัน ต่อให้เลิกรักกันไปหลายปีก็จะกลับมารักกันได้อีก”
อีกหนึ่งเรื่องราวเล่าขานความเป็นมา “ศาลเจ้าแม่กาหลง” มีว่า...ไม้กาหลงรัง ที่มีนก-กา พากันมาลุ่มหลงตายเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของศาลแห่งนี้ เมื่อ บูรพา สุพรรณอ่อง ได้ติดตามมาพบ ณ ในบริเวณสถานีรถไฟของจังหวัดกาญจนบุรีตรงนี้แล้ว จึงมีเหตุให้มานั่งสมาธิด้วยความจำเป็นนาน 7 วัน 7 คืน
ระหว่างที่กำลังมอบไม้กาหลงรังให้กับทุกคน เวลานั้นก็เกิดอัศจรรย์อันเหลือเชื่อ เป็นนกสาลิกาลิ้นทองบินลงมาจับต้องตามตัว ตั้งแต่สายยันใกล้เย็น ให้ทุกคนเห็นจริง แล้วจึงสร้างศาลไว้ตรงนี้
เช่นเดียวกับผู้ที่เข้ามากราบไหว้ขอพรยังศาลเจ้าแม่กาหลงเป็นครั้งแรก เมตตา เผือกอ่อน เจ้าของธุรกิจอุปกรณ์เสริมความงาม จ.กาญจนบุรี บอกเล่าถึงความรู้สึกถึงสัมผัสแรกที่เข้ามากราบไหว้ศาลเจ้าแม่กาหลงว่า...
...
“รู้สึกขนลุกตลอดเวลา เหมือนสัมผัสได้ถึงบารมี เข้ามาก็ร่มเย็น ทำให้เกิดความสบายใจ สิ่งที่ขอก็เรื่องของครอบครัวเรื่องสุขภาพ และทำมาค้าขายขอให้เศรษฐกิจดีในเร็ววัน”
แขกผู้มาเยือนเจ้าของสัมผัสพิเศษ ยังเล่าต่ออีกว่า โดยส่วนตัวเชื่อในเรื่องบุญเรื่องกรรม อยู่ในดินแดนทหารที่มีประวัติศาสตร์ ก็จะรู้สึกถึงความปลอดภัย “เคยเจอเรื่องด้วยตัวเอง ซึ่งเกิดกับคุณแม่ ตอนนั้นปลูกบ้านหลังใหม่ โดยตั้งศาลไม่ถูกจุดกับที่เคยตั้งศาลเก่าอยู่ ทำให้แม่ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล หาสาเหตุไม่พบ เลยต้องพึ่งทางไสยศาสตร์ โดยให้ตั้งศาลใหม่เดินออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 47 ก้าว...
ปรากฏว่าเจอศาลเก่าที่เคยมีก่อนหน้านี้ จึงต้องทำพิธีให้ถูกต้อง แม่ก็หายเป็นปกติ”
นอกจากเรื่องราวของความรักแล้ว “เจ้าแม่กาหลง” ก็ยังช่วยเหลือในเรื่องค้าๆขายๆ ผู้ใดมีไม้กาหลงที่ผ่านจากการปลุกเสกจากอาจารย์ที่เรืองเวท ก็จะมีลูกค้ามาอุดหนุนไม่มีขาด ค้าขายร่ำรวย
และอย่าได้ลืมว่า...เมื่อมีสมหวังก็ต้องเข้าถึงเรื่องราวที่สะเทือนขวัญ ความสูญเสียจากสงครามที่กลายเป็นตำนานเล่าขานของโลกถึงความโหดร้ายชัดเจนที่สุดคือ...เส้นทาง “ทางรถไฟสายมรณะ” นี่เอง
“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.
รัก-ยม