ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เราได้เห็น "มิ้นท์ ภัทรศยา ยงรัตนมงคล" ในหลายบทบาท ตั้งแต่นักร้อง นักแสดง เจ้าแม่มิวสิกวิดีโอ ไปจนถึงนางแบบที่ดีไซเนอร์ไทยหลายๆ คนมีเธอเป็นแรงบันดาลใจของแบรนด์ มองเผินๆ เราอาจจะเห็นเธอเป็นไฮโซสาวที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่เมื่อได้นั่งพูดคุยกับเธอจริงๆ ภาพที่เราเห็นจากสื่อ กับตัวตนและความคิดของมิ้นท์ ดูเหมือนจะเป็นภาพที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"มิ้นท์" มีนัดกับ MIRROR ในบ่ายวันหนึ่งเพื่อถ่ายภาพในฐานะ Lady MIRROR คนแรก เธอมาในลุคเสื้อยืดสีขาวทางหลวมกับกางเกงยีนส์ขาสั้น และใบหน้าปราศจากเครื่องสำอาง มิ้นท์เพิ่งขึ้นคอนเสิร์ตไปเมื่อวันก่อนและได้พักผ่อนเต็มที่หนึ่งวันก่อนที่จะมาทำงานกับ MIRROR “มิ้นท์เป็นคนที่ต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงจะสามารถทำงานในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เราเปิดบทสนทนากันขณะที่มิ้นท์แต่งหน้าทำผม เธอขอกาแฟดำแค่แก้วเดียวเป็นอาหารมื้อเที่ยง “จริงๆ มิ้นท์ไม่ค่อยทานอาหารเช้า มิ้นท์จะเลือกทานมากๆ จะไม่ทานเนื้อสัตว์เท่าไรค่ะ เพราะมิ้นท์อ่านหนังสือเยอะ เราจะรู้ว่าสัตว์ก็จะมีพวกสารตกค้างเยอะ ก็จะไม่กินเลย แต่จะกินชีส กินนมเนยแทน หรือบางครั้งก็ทานปลา เรื่องการกิน มิ้นท์จะไม่คุม แต่จะเน้นการ Balance มากกว่า อย่างถ้าช่วงไหนมิ้นท์ซ้อมเต้นเยอะ มิ้นท์ก็จะไม่กังวลเรื่องกินเลย ถ้าเวลาปกติมิ้นท์ก็จะ Balance เช่น ถ้าวันนี้เราทานเค้กไปเยอะแล้ว พรุ่งนี้เราก็จะทานสลัดแทน” สิ่งสำคัญเรื่องเดียวสำหรับการกินของมิ้นท์คือ “มิ้นท์เป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะมาก มิ้นท์ว่ามันจริงเลยนะคะ เรื่องเคล็ดลับการดูแลผิวที่บอกว่าให้นอน ดื่มน้ำเยอะๆ มันช่วยได้จริงๆ”
...
"นางแบบ" ที่ในชีวิตจริงไม่ค่อยแต่งตัวสักเท่าไร
ในช่วงหลังๆ มานี้เราเห็นมิ้นท์บ่อยขึ้นในฐานะนางแบบ หรือ Muse ของแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ แต่ชีวิตจริงของเธอแทบจะไม่ได้แต่งตัวหวือหวาเหมือนภาพที่เห็น ยูนิฟอร์มของมิ้นท์คือชุดออกกำลังกาย “จริงๆ มิ้นท์เป็นคนขี้เกียจแต่งตัวมากๆ ตอนซ้อมเต้นก็จะใส่ชุดเต้น ถ้ามิ้นท์ไม่ทำงานก็จะอยู่ในชุดออกกำลังกาย บางวันว่างตอนเย็นก็จะได้แต่งตัวช่วงที่ออกไปทานข้าวเย็น ที่เหลือก็จะเป็นชุดสบายๆมากกว่าค่ะ” มิ้นท์คิดสักครู่เมื่อ MIRROR ถามว่าถ้าเปรียบตัวเองเป็นแบรนด์เสื้อผ้า เธอจะนึกถึงแบรนด์อะไร “Alexander Wang, Chloe, Chanel ได้ ถ้าเอาไปมิกซ์ มิ้นท์ชอบอะไรที่มีส่วนผสมระหว่างเสื้อผ้าผู้ชายกับเสื้อผ้าผู้หญิง ไม่หวานมาก มีความสปอร์ตหน่อยๆ ซึ่งเข้ากับคาแรกเตอร์ของมิ้นท์” คาแรกเตอร์ที่เรามองว่ามีความชัดเจน เข้าใจและรู้จักตัวเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอเลือกเรียนจิตวิทยาแฟชั่นมากกว่าการออกแบบเสื้อผ้าหรือการตลาด “เราได้เรียนเรื่องพฤติกรรมเชิงลึกของคน มิ้นท์เลือกเรียน Fashion Pshychology เพราะเป็นวิชาที่สอนให้เราเห็นถึงระบบความคิดของมนุษย์ เช่น แพ็กเกจจิ้ง มีผลต่อพฤติกรรมการซื้ออย่างไร หรือ วิธีขายแบบไหนที่คนจะซื้อ มิ้นท์ชอบศึกษาเรื่องราวของคน เพราะเป็นสิ่งที่มีเรื่องให้ค้นหาอยู่ตลอดเวลา ไม่น่าเบื่อ มิ้นท์จะชอบอ่านหนังสือหรือดูหนังเกี่ยวกับจิตวิทยา มันทำให้เราเข้าใจสัญชาตญาณของมนุษย์ ว่าเพราะอะไรเขาถึงมีพฤติกรรมหรือทำแบบนั้นแบบนี้”
เป้าหมายที่ชัดเจนนำไปสู่ชีวิตที่ชัดเจน
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้มิ้นท์ดูโตกว่าผู้หญิงวัยเดียวกัน “มิ้นท์เชื่อเรื่อง Mindset การเซตระบบความคิดของตัวเอง มิ้นท์จะมีภาพในหัวที่ชัดเจน จะตั้งเป้าหมายของมิ้นท์ไว้ชัดเจน อย่างตอนอายุ 16 มิ้นท์อยากเป็นนักร้อง เพราะมิ้นท์ชอบร้องเพลงมาก ชอบมาตั้งแต่เด็ก มิ้นท์ชอบฟังเพลงคลาสสิกอย่าง Ella Fitzgerald หรือ Frank Sinatra อายุ 16 มิ้นท์อยากเป็นนักร้อง มิ้นท์มีภาพนั้นอยู่ในหัวที่ชัดเจนมาก มิ้นท์จะมีเช็กลิสต์ของตัวเองว่าเรื่องไหนทำสำเร็จไปแล้วบ้างในแต่ละปี การได้เป็นนักร้องเป็นเป้าหมายแรกที่มิ้นท์ทำสำเร็จ สำหรับมิ้นท์ Mindset หรือมุมมองความคิดที่เราตั้งไว้มันสำคัญมากๆมิ้นท์เชื่อเรื่องนี้มาก อย่างตอนอายุ 16 มิ้นท์ก็หนักแน่นมากว่าอยากเป็นนักร้อง ตอนอายุ 30 (หยุดคิด) เชื่อไหมคะ ว่าจริงๆ ตอนนี้มิ้นท์มีภาพนั้นอยู่ในหัวแล้วนะ ว่ามิ้นท์จะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ อย่างตอนนี้มิ้นท์สนใจด้านศิลปะ ชอบมาก มิ้นท์ก็จะเดินทางไปดูงานศิลปะ เพื่อดูว่ามีศิลปินคนไหนน่าสนใจ ก็อาจจะเอาเข้ามาทำเป็นธุรกิจเต็มตัว นั่นแปลว่า ตอนมิ้นท์อายุ 30 คนก็จะเห็นมิ้นท์อีกมุมหนึ่งแล้วค่ะ”
...
อิสรเสรีและชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง
มิ้นท์บอกกับเราว่า เธอไม่สามารถอยู่ที่ไหนเป็นระยะเวลานานๆ ได้ “มิ้นท์ต้องเดินทาง จิตวิญญาณมิ้นท์มันต้องการการออกเดินทาง ออกไปเจอ passionใหม่ๆ แรงบันดาลใจใหม่ๆ มิ้นท์สามารถเดินทางคนเดียวได้ ไปเจอคน การได้ขึ้นรถไฟ หรือไปขึ้นไม่ทัน การได้เจอคนใหม่ๆ ที่บาร์ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เรียนรู้กับคนหน้าใหม่ หรือเมืองใหม่ ส่วนใหญ่มิ้นท์จะไม่ค่อยแพลนการเดินทางนะคะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ของมิ้นท์ในวันนั้นว่าอยากจะไปไหนหรือทำอะไร มิ้นท์เป็นคนที่ต้องใช้สัญชาตญาณนำ” แล้วอะไรบ้างที่เป็นความสุขของมิ้นท์? เธอคิดสักครู่ ก่อนตอบว่า “มิ้นท์มีความสุขทุกวัน ตั้งแต่ตื่นมา Mindset ของมิ้นท์คือ Happy ถ้าตื่นมาระบบมิ้นท์ไม่ดี มิ้นท์จะไม่สามารถคุยกับคนอื่นได้ ต้องเซตตัวเองให้มีความสุขก่อน”
ปัญหาคือความท้าทาย
ด้วยความมิ้นท์เป็นคนที่ชัดเจนว่ารับเฉพาะสิ่งที่จะสร้างพลังให้กับเธอเท่านั้น เธอจึงไม่เคยมองปัญหาว่าเป็น "ปัญหา" แต่มองว่านั่นคือความท้าทาย "มิ้นท์จะเป็นคนที่ไม่เอาพลังหรือความคิดด้านลบเข้ามาในชีวิตเลยค่ะ เป็นคนที่วางอะไรได้ง่ายมาก ไม่ยึดติดกับเรื่องที่ไม่มีความสุขเลย ถ้ามีปัญหาหรือมีเรื่องเข้ามา มิ้นท์จะมองว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วและเราต้องปรับหรือจัดการให้ตัวเราอยู่กับสิ่งนั้นให้ได้ ส่วนมาก ถ้าเป็นเรื่องเครียด น่าจะป็นเรื่องของคนอื่นมากกว่า เช่น เพื่อนมาปรึกษาปัญหา ซึ่งมิ้นท์ก็จะมีเส้นของมิ้นท์ว่า ถ้ามิ้นท์ต้องทำอะไรที่สำคัญหรือทำงาน มิ้นท์ก็จะบอกว่าอย่าเพิ่งเล่าได้ไหม ยังไม่พร้อมจะฟัง (หัวเราะ) บางครั้ง ถ้าเราคุยกับคนอื่นหรือรับปัญหาของคนอื่นมา ก็ทำให้พลังบวกของเราก็จะหายไป เพราะฉะนั้น ถ้าต้องทำงานหรือทำเรื่องสำคัญ มิ้นท์จะปิดประตูกับเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ จะปล่อยไปได้ง่ายๆ เลย” แต่มิ้นท์ก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้เพื่อนเสมอ “ส่วนใหญ่เพื่อนมาปรึกษา มิ้นท์ก็จะให้คำแนะนำตรงๆ อย่าง สมมติถ้าเป็นเรื่องอกหัก คนอกหักก็จะถูกทิ้งใช่ไหมคะ มิ้นท์ก็จะถามเขาเลยว่า เรารักตัวเองมากพอหรือยัง ถ้าเราไม่รักตัวเอง แล้วคนอื่นเขาจะรักเราไหม”
...
Single and Fabulous
ด้วยความเป็นคนที่ชัดเจนในอิสรเสรีและพื้นที่ส่วนตัว มิ้นท์จึงยังครองความโสดมาถึง 4 ปี “คนที่อยู่กับมิ้นท์ได้คือต้องเข้าใจมิ้นท์มากๆ ต้องการ space เยอะมากๆ การที่มิ้นท์ไม่เมสเสจหา ไม่ได้แปลว่าไม่คิดถึง แต่อาจจะไม่มีแรงโทรหาหรือเมสเสจหา เพราะมีอะไรที่ต้องทำหรือต้องคิดต่อไป เพราะฉะนั้นคนที่อยู่กับมิ้นท์จะต้องเข้าใจในจุดนี้ มิ้นท์โสดมา 4 ปี อาจจะเป็นเพราะว่ามิ้นท์ทำอะไรเยอะ ไปเรียนด้วย ทำงานด้วย ทำให้มิ้นท์ไม่มีเวลา มิ้นท์ไม่มีสเปกนะคะ ถ้าคุยกันแล้วใช่ มิ้นท์จะรู้เลยว่าใช่ ตัวมิ้นท์เป็นคนค่อนข้างยาก ขนาดทำงานหรือขึ้นคอนเสิร์ต ถ้ามีคนโทรมาจะไม่รับ สมมติผู้ชายเมสเสจมาว่าทำไมไม่โทรหา มิ้นท์จะตัดเลย เป็นคนฉับๆ มากๆ ตัดง่าย ถ้าเป็นผู้ชายที่ใช่ คือเข้าใจและให้พื้นที่กับมิ้นท์ และต้องเป็นผู้ใหญ่มากๆ ค่ะ”
การเลี้ยงดูที่ให้อิสระสร้างการเติบโตทางความคิดและชัดเจนในชีวิต
“คุณพ่อคุณแม่มิ้นท์เลี้ยงแบบให้อิสระมากๆ ไม่บังคับอะไรทั้งสิ้น มิ้นท์เลยเป็นคนที่ลองผิดลองถูกมาทั้งชีวิต พอเราได้ลองอะไรที่บางครั้งมันผิดเยอะๆ เราก็จะได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง สุดท้ายเป้าหมายต่อไปของมิ้นท์คืออยากทำให้พ่อแม่ภูมิใจ และมิ้นท์ก็อยากที่จะดูแลครอบครัวของมิ้นท์ให้ดีที่สุด นั่นคือหนึ่งในเป้าหมายที่ชัดเจนมากๆ ของมิ้นท์”
...
ในปีหน้า เธอกำลังจะมี Single ใหม่ออกมาให้ฟังกัน รวมถึงการเดินทางตามความฝันครั้งใหม่ในฐานะนักธุรกิจหญิง มิ้นท์ขอตัวกลับบ้านทันทีหลังถ่ายงานเสร็จ เวลาของเธอมีค่า และวันรุ่งขึ้น เธอต้องเดินทางไปทำเป้าหมายต่อไปให้สำเร็จ นี่อาจจะเป็นบันไดขั้นแรกของเป้าหมายนี้ แต่ MIRROR ก็เห็นภาพนักธุรกิจหญิงคนเก่งคนนั้นอยู่ตรงนี้แล้ว และคงจะเป็นภาพสะท้อนเดียวกันกับภาพที่เธอเห็นตัวเองในอีก 4 ปีข้างหน้า เช่นกัน