องค์การอนามัยโลก เขากำหนดให้วันที่ 10 กันยายน เป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกค่ะ อยู่ๆ การฆ่าตัวตายก็ติด 10 อันดับแรกของสาเหตุการตายของประชากรโลก และผู้ชาย ฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่า ล่าสุดไปร่วมโครงการ “หัวใจมีหู” โครงการที่อยากให้พวกเราทุกคน ร่วมกันเป็น “ผู้ฟัง” ค่ะ ในยุคที่มีแต่คนพูด วิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น แม้จะได้เห็นบ้าง ไม่ได้เห็นบ้าง แต่ร่วมด่าได้ แรงขนาดไหนก็ได้ ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกอะไรกับคนที่ได้มาอ่านความเห็นเหล่านั้น
มีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งก่อนหน้านี้ วัยรุ่นชาวมาเลเซีย ตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากไปโพสต์ถามใน IG ว่า เธอควรฆ่าตัวตายไหม? คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บางคนมาด้วยความสนุกกับการ comment และมีถึงเกือบ 70% ยุให้ฆ่าตัวตาย เธอก็เลยโดดตึกลงมาตามความเห็นของทุกคน ความเปราะบางของจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากัน ยิ่งมีโซเชียลฯ ที่เข้าถึงคนทุกคนได้ง่ายแบบคัดกรองยากว่า ในภาวะจิตใจแบบไหน ไม่ควรถูกเล่นกับความรู้สึกมากเกินไป เลยต้องหาคนมาช่วยกันเป็นผู้ฟังเยอะๆ “เรื่องเศร้า แค่เล่าก็เบาลง” บางเรื่อง เขาไม่ได้อยากได้คำตอบ แค่อยากได้คำปลอบเฉยๆ ก็มี เราพร้อมจะอยู่ข้างๆ แม้ไม่ได้เข้าข้าง 2 คำที่อย่าพูดเลยเวลาใครสักคนอยากเล่ามุมอ่อนแอในใจให้เราฟัง
1. คือ “อย่าคิดมาก” ไม่มีใครอยากคิดมากเพื่อทำร้ายความรู้สึกตัวเอง
2. “ไร้สาระจังเลยเธอ” เดี๋ยวๆๆๆ อย่าเพิ่งตัดสินกันค่ะ ไม่มีเรื่องไหนเล็กไปถ้ามันทำร้ายหัวใจเราได้ ...เป็นผู้รับฟังใคร บอกกับใจตัวเองไว้ ไม่มีใครเก่งกว่าใคร อยู่ที่ใครจะตั้งสติได้ก่อนกัน สิ่งที่เรามีมากกว่าเขานั้นคือ “เวลา” เมื่อใส่ใจกับอะไร เราจะมีเวลาให้สิ่งนั้นเสมอ ถ้าเราพร้อมฟังเขา คือเราใส่ใจเขา คนทุกคนอยากมีค่าในสายตาของใครสักคนเสมอ ช่วยกันนะคะ การรับฟังช่วยให้คนหัวใจพังๆ รอดได้
...
มีน้องคนหนึ่งเพิ่งรอดจากการฆ่าตัวตาย ส่งเมลมาคุยกัน
“พี่อ้อยคะ เคยส่งข้อความหาพี่อ้อย เรื่องสามีมีคนอื่น เมื่อ 3 ปีก่อน หนูหย่ากับเขาแล้วค่ะ เสียใจมากจนมีความคิดไปฆ่าตัวตาย แล้วไม่ตาย จนต้องไปหาจิตแพทย์ ปรากฏว่าหนูเป็นโรคซึมเศร้า ยังต้องกินยาอยู่ถึงทุกวันนี้ หลังจากหย่าไปเมื่อมิถุนายน คุณพ่อก็มาเสียด้วยมะเร็งสมองที่เพิ่งตรวจเจอ ชีวิตมันพีคมากเลยค่ะ ทั้งจากเป็นและจากตาย หนูยังต้องเกี่ยวข้องกับสามีเก่าเพราะเรื่องลูก ต้องมี family day พอไปเจอปั๊บ ก็กลับมาเศร้าทุกครั้ง สิ่งที่อยากบอกพี่คือ หนูดีใจที่วันนั้นหนูไม่ตาย เพราะถ้าวันนั้นหนูตาย แล้ววันนี้คุณพ่อมาเสียไปอีก แม่หนูจะอยู่ยังไง แต่บางวันในขณะที่ต้องเดินหน้า หนูกลับรู้สึก ท้อ สิ้นหวัง และ ชีวิตพังเหลือเกินพี่”
ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะกอดน้องแน่นๆ นะ อารมณ์ชั่ววูบมีทุกคน ต้องรอให้ช่วงวูบๆ ผ่านไป น้องจะกลับมาเห็นคุณค่าของการมีลมหายใจ หากวันนั้นเราฆ่าตัวตาย ก็แค่ทำร้ายตัวเองเพื่อคนที่เขาไม่ค่อยรัก แล้วมาทำร้ายหัวใจคนที่รักเราเท่าชีวิต วันนี้น้องต้องอยู่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับแม่ ท่านสูญเสียคู่ชีวิต หลักยึดหัวใจหายไป ลูกคือแก้วตาดวงใจที่พยุงหัวใจของแม่ได้ ไหนจะลูกของเรา พ่อของเขาจะดูแลได้ดีแค่ไหน ยังไงก็ไม่เท่าอ้อมกอดของแม่ ลมหายใจของน้องมีค่าแค่ไหนคิดดู การมีชีวิตอยู่ของเรา ช่วยต่อชีวิตใครๆ แล้วจะรีบไปไหนกัน อาจจะท้อบ้าง เศร้าบ้าง เคยหัวเราะเสียงดัง จะร้องไห้เสียงดังเพราะหัวใจพังเป็นครั้งเป็นคราว ก็ไม่ต้องตกอกตกใจอะไร เจ็บได้ร้องไห้เป็นกันทุกคนค่ะ “ซึมเศร้า” เราหายได้ ไปหาคุณหมอตามที่นัดทุกครั้ง กอดคนที่เรารักทุกวัน ออกกำลังกายกันอยู่เรื่อยๆ พอเริ่มมีแรง จะแรงกายหรือแรงใจ ก็เป็นผู้ให้ทุกครั้งที่มีโอกาส จะ “ให้” เรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ ดีต่อหัวใจผู้ให้ทั้งนั้น อ่อนแอเมื่อไหร่ก็มาพังกันแถวนี้ เรามีที่ที่เราสามารถอ่อนแอได้เสมอ ไม่ว่าจะเจออะไร
หลายครั้งที่เราตัดสินใจหยุดลมหายใจตัวเอง เพียงเพราะคิดว่า เราต่อสู้มาเยอะแล้ว เราเหนื่อยเหลือเกินแล้ว เราเคว้งคว้างเหมือนว่ายน้ำกลางทะเลมานานแล้ว ใครจะรู้ว่าทนอีกสักหน่อย สู้อีกสักตั้ง อีกนิดเดียวเราก็ถึงฝั่งแล้ว จะชิงหยุดการต่อสู้ทำไม ในเมื่อรางวัลที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า ถ้ายังมองไปข้างหน้าไม่ไหว มองเห็น “วันนี้” ก่อนก็ได้ ว่าเราแกร่งขนาดไหน จะสุขที่สุด หรือทุกข์ยังไง ก็มีแค่ 24 ชม. เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว พอถึงพรุ่งนี้ก็เริ่มต้นกันใหม่ ให้กำลังใจตัวเองเป็นวันๆ เดี๋ยวก็รอดได้ทุกวัน ยังไม่ต้องรีบเชื่อกัน จนกว่าจะได้ลองด้วยตัวเองค่ะ