เป็นผู้บริหารหนุ่มที่มากด้วยความสามารถ นอกจากจะบริหารงานด้านอาหารให้กับธุรกิจในกลุ่มบริษัท พีน่า เฮาส์ แล้ว โอ–คงภัทร ตันติจิรสกุล ทายาทคนที่ 3 ของ สุพจน์–พรรณี ตันติจิรสกุล ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท พีน่า เฮาส์ อาณาจักรแฟชั่นเสื้อผ้าของเมืองไทย ยังสวมหมวกอีกใบในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการในการบริหาร และพัฒนาสินค้าแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์ (Timberland) ที่มาพร้อมกับภารกิจหลักในการพลิกโฉมสินค้าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกเพศทุกวัย

โอ–คงภัทร ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีดีกรีปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการค้าระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก พ่วงด้วยประกาศนียบัตรวิชาชีพด้านการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหารจากแคลิฟอร์เนียคูลินารีอะคาเดมีแอฟฟลิเลทแห่งเลอกอร์ดองเบลอ และหลักสูตรโฮเต็ลแอนด์เรสเทอรอง แมเนจเม้นท์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรของเลอกอร์ดองเบลอ โปรแกรมจากประเทศฝรั่งเศส ได้เล่าว่า ตอนเรียนด้านอาหารก็แอบหวังนิดหนึ่งว่า เรียนจบอยากเปิดร้านอาหาร

แต่ตอนนั้นเราไม่มีธุรกิจอะไรในสายอาหารเลย ก็ถือว่าไปเรียนสนองความต้องการของตัวเองมากกว่า พอดีช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ธุรกิจการ์เม้นท์เริ่มจะไม่ค่อยดี คุณพ่อเลยมองข้ามช็อตต่อไปที่เปิดพรีเมียมเอาต์เลตเพื่อเป็นทางเลือกให้กับธุรกิจและลูกค้า แล้วท่านอยากให้ในเอาต์เลตมีร้านอาหารร้านกาแฟ เลยเปิดร้านอาหารขึ้นมา พอตนกลับมาเลยเข้ามาช่วยบริหารตรงนี้เลย จนอยู่ตัวแล้ว จึงได้รับมอบหมายการเข้ามาบริหารงานและรับผิดชอบดูแลแบรนด์ Timberland เป็นหลัก

...

“ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ครับ ถึงที่บ้านจะทำธุรกิจเสื้อผ้า แต่ผมไม่มีประสบการณ์ด้าน Retail Business โดยตรง ตอนแรกๆก็มีปัญหาพอสมควร แต่ก็ใช้เวลาสักพักหนึ่งครับในการเรียนรู้ พอเราได้เริ่มคุย ได้ซึมซับ เราก็เริ่มโอเคและเข้าใจขึ้น นำไปสู่การพัฒนาแบรนด์ให้ดีขึ้น ถึงวันนี้ก็ 2 ปีแล้วครับ ทิมเบอร์แลนด์เป็นแบรนด์ที่รองรับการใช้ชีวิตในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยสัมผัส แต่ด้วยตัวผมเองได้ใช้มันในภาคของชีวิตประจำวันและภาคการแข่งยิงเป้าบิน ปัจจุบันทิมเบอร์แลนด์อยู่ในช่วง Remerchandising และ Re-imagining ผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่ Rebranding นะครับ แต่เขาพัฒนาสินค้าให้เด็กลง วัยรุ่นขึ้น คัตติ้งทันสมัยขึ้น ตามแฟชั่น ตามเทรนด์ ซึ่งทิมเบอร์แลนด์มีสินค้าหลาย category มากๆ เพื่อที่จะซัพพอร์ตไลฟ์สไตล์ของคนที่ต้องการจะใช้ชีวิตนอกบ้านในหลายๆ รูปแบบที่รองรับไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบันจริงๆ” ผู้บริหารไฟแรงกล่าว

สำหรับในส่วนของการทำงานผู้บริหารรุ่นใหม่คนนี้ บอกว่า ตนเชื่อว่าทุกคนที่ทำธุรกิจ ล้วนแล้วแต่ต้องการผลกำไร แต่ตนมองว่าการทำธุรกิจ เรามีทั้งคู่ค้าและลูกค้า ทุกฝ่ายต้องแฮปปี้กันหมด การทำความเข้าใจให้ตรงกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งเอาเปรียบกันมากเกินไป ธุรกิจมันก็ไม่โต สุดท้ายก็ต้องมาถึงจุดจบ แต่ถ้าเราเจอกันตรงกลางที่วินวินกันทั้งคู่ มันก็แฮปปี้ ธุรกิจก็ไปได้ต่อ และตนมองการทำงานต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด.