การเมืองช่วงนี้ เป็นเรื่องที่มีผู้คนเฝ้าติดตามกันมากที่สุดครั้งหนึ่ง จากผู้คนที่ร้องหาประชาธิปไตย สุดท้ายจะลงเอยยังไง คงต้องรอดู ที่สำคัญต้องใช้ประชาธิปไตยให้เป็นนะคะ เคารพในเสียงข้างมาก ให้เกียรติความคิดต่าง เพราะเท่าที่รู้ ตอนนี้เริ่มมีวาทกรรม กระหน่ำใส่กันแรงๆ เมื่อมีความเห็นทางการเมืองต่างกัน ต่างเริ่มบล็อกไลน์ และเฟซบุ๊ก ไม่คุยกับเพื่อนบางคนที่เห็นต่าง หรือแม้แต่บางบ้านเริ่มร้อนเป็นไฟ เมื่อให้ความเห็นในเรื่องการเมือง
ไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำ เราก็ยังต้องทำหน้าที่คนไทยที่ดีต่อไป เศรษฐกิจจะดีขึ้นกว่านี้ไหม ถ้าไม่ขยัน ก็อดตายไม่ต่างกัน ลองปล่อยวางความขัดแย้ง เพราะในที่สุดตอนนี้เราได้ทำหน้าที่ในการออกสิทธิ์ใช้เสียงไปแล้วนี่นา พักเรื่องการเมือง ไปมองเรื่องอื่นๆ บ้างดีกว่า
ล่าสุดเห็นข่าวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานว่า ในจำนวนประชากร 1,000 คน มีคนที่ตัดสินใจแต่งงานไม่เกิน 8 คน ซึ่งเป็นจำนวนต่ำสุดตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมา เขาก็กลัวกันว่า อีกหน่อยจะเกิดปัญหา ผู้สูงอายุล้นโลก ไม่มีลูกหลานดูแล เอาจริงๆ ไม่น่าใช่ประเทศจีนที่เดียว ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลก ก็มีผู้คนตัดสินใจใช้ชีวิตโสดมากขึ้นทุกที อารมณ์ประมาณที่น้องกาละแมร์เคยพูด “ชีวิตที่ลงตัว ไม่มีผัวแต่มีเงิน” หรือบางคนก็มี “ชีวิตที่ลงตัว มีผัวแต่ไม่มีลูก” “โสด” ไม่ใช่ความน่าสงสารอีกต่อไป จากแต่ก่อนโสดเหมือนจะไม่มีใครเอา แต่ตอนนี้ โสด เพราะไม่เอาใคร หรือต่อให้มีใคร จะผูกมัดทำไม แนวคิดใหม่ที่บังคับใจใครไม่ได้จริงๆ โสดก็แค่หาวิธีแก้เหงา ดีกว่าต้องมาหาวิธีแก้เศร้าถ้าเขาคนนั้นไม่ใช่ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จะแต่งหรือไม่แต่ง แต่ปัญหาคือ เราได้เจอคนที่น่าแต่งด้วยหรือเปล่าเท่านั้น ไม่มีใครอยากแต่งๆ วันนี้ เพื่อไปหย่าวันหน้า หรือเลือกใครก็ได้เข้ามา เพื่อไม่ถูกกล่าวหาว่าขึ้นคาน
...
“หนูอยากจะปรึกษาพี่อ้อยค่ะ หนูอยากแต่งงานเหมือนคนอื่นๆ เขา แต่เท่าที่ผ่านมา หนูมักมีแฟนเป็นทอม จนได้รักกับผู้ชายคนนี้ เขาคือผู้ชายคนแรกในชีวิตหนู แต่เขาก็มีลูกมีเมียมาแล้ว ตอนนี้ลูกเขาอยู่ป. 6 แล้วค่ะ หนูคบกันตั้งแต่ตอนที่เมียเขายังไม่เสีย เขาบอกให้หนูรอ รอจนเมียเขาเสียแล้ว ก็มาคบกัน ไปเที่ยวด้วยกันเหมือนครอบครัว มาให้ความหวังแล้ววันหนึ่งเขาก็เปลี่ยนไป หนูจับได้ว่าเขามีคนอื่น เขาแอบไปมีอะไรกับคนอื่น พอถาม เขาก็อธิบาย จนในที่สุด เขาก็มาบอกกับหนูว่า เขาไม่อยากคบใครตอนนี้ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไรคะ หนูคิดไปเองใช่ไหม เขาบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใครแม้แต่หนู แล้วที่ผ่านมามันคืออะไรคะ”
จริงๆ เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยนะจ๊ะ ตอนมีภรรยา เขายังคบซ้อนกับน้องเลย ภรรยาใกล้หมดลมหายใจ ยังมายื้อให้ผู้หญิงอีกคนรอให้ภรรยาเขาตาย จะได้กลายเป็นคิวต่อไป แล้วน้องก็รอ โดยไม่ได้มองเลยว่า ผู้ชายที่คิดแบบนี้ มีอุปนิสัยยังไง เรากำลังใจร้ายกับภรรยาเขาหรือเปล่า เราก็ยังรอ เมื่อไหร่ภรรยาเขาตาย ฉันจะได้ผู้ชายคนนี้สักที รักใดที่ได้มาจากการแย่งชิง เราก็คงถูกทิ้งไม่ต่างกัน มาถึงวันนี้ ทุกอย่างถึงไม่มีอะไรเกินความคาดหมาย เคยนอกใจภรรยายังไง เราก็ได้รับสิทธิ์นั้นเช่นเดียวกัน ได้คนหลายใจมาครอบครอง ก็ต้องยอมรับความมักง่ายของเขา พอมีคนใหม่ ขี้เกียจโกหกอีกต่อไป ใช้ข้ออ้างง่ายๆ ว่า ไม่อยากคุยกับใครแล้วกัน จบสั้นๆ ดี น้องถามว่าที่ผ่านมาคืออะไร? ก็แค่ความไม่รู้จักพอของผู้ชายคนหนึ่ง ภรรยาที่รักกำลังจะหมดลมหายใจ เขายังทรยศได้ นับประสาอะไรกับเรา อย่ามัวแต่ไปหาเหตุผลเลยว่า ที่ผ่านมาคืออะไร เอาเป็นว่า “ที่ไป” คืออะไรดีกว่า เราจะทำยังไงต่อเมื่อรู้แล้วว่า เขาให้เราเป็นได้แค่นี้ เอาจริงๆ อาจจะโชคดี ที่เราเสียคนคนนี้ไปจากชีวิต ดีกว่าเกาะติดเป็นเจ้ากรรมนายเวร ทุรนทุรายให้คนหลายใจมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนเอามือกำระเบิดเวลาเอาไว้ จะเละเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ รู้แค่ว่าจะช้าหรือเร็ว ยังไงก็ระเบิดอยู่ดี
ถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่ ก็ใช้ชีวิตโสดไปพลางๆ ก่อน ถ้ามีคู่แล้วทุกข์ จงหนีไปสุขกับความโสด ไม่อย่างนั้นจะโหดเกินไป ถ้ายังมีเขาอยู่ใกล้ๆ แต่กลับเหงาตายไม่ต่างจากโสดเลย