เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น “อนัคพล อิงคะกุล” ทายาทมิราเคิล กรุ๊ป ที่ตั้งใจเรียนสายตรงด้านการโรงแรม เพื่อเข้ามาเป็นกำลังหลักในการสร้างอาณาจักรธุรกิจการโรงแรม และร้านอาหารของครอบครัวให้แข็งแกร่ง ด้วยวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ ที่เสริมสร้างความสุขให้แก่ทั้งลูกน้องและลูกค้าผู้มาใช้บริการ
อนัคพล หรือ คุณวิน รองประธานกรรมการบริหาร มิราเคิล กรุ๊ป ลูกชายคนโตของ อัศวิน อิงคะกุล ประธานกรรมการบริหาร มิราเคิล กรุ๊ป และ นวลฉวี พงศ์สิรภัทร เล่าว่า พอเรียนจบ ม.3 จาก ร.ร.อัสสัมชัญ จึงไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ก่อนไปเรียนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จบประกาศนียบัตรชั้นสูง จาก Hotel Institue Montreux และปริญญาตรี ด้านการบริหารโรงแรม ภัตตาคารและรีสอร์ต จากมหาวิทยาลัยนอร์ทวูด ตั้งแต่อายุ 15-16 ปี ปิดเทอมทีไร คุณพ่อก็จะให้มาฝึกงานที่โรงแรม อยู่ส่วนจัดเลี้ยง เป็นเด็กยกโต๊ะ พอ 17 ปีก็ไปฝึกงานที่สนามบินดอนเมือง ไปเป็นพนักงานขาย จึงคลุกคลีกับธุรกิจโรงแรมมาโดยตลอด ตอนเรียนก็ไปฝึกงานที่โรงแรมทั้งในไทยและที่ต่างประเทศ พอเรียนจบอายุ 21-22 ปี คุณพ่อให้มาช่วยทำงานติดตามท่าน คล้ายเป็นเลขาฯ ดูท่านทำงาน แก้ปัญหาต่างๆ ได้เห็นวิธีการบริหารคน การคุยกับพนักงาน ตามคุณพ่ออยู่ 2 ปี ค่อยได้มาเป็นผู้จัดการ ดูแลธุรกิจที่สนามบิน ทั้งที่สุวรรณภูมิและที่ดอนเมือง โดยมิราเคิล กรุ๊ป มีทั้งธุรกิจโรงแรม คือ มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น (หลักสี่), มิราเคิล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต (กิ่งแก้ว), หลุยส์ แทเวิร์น ธุรกิจในสนามบินสุวรรณภูมิ มีมิราเคล เลานจ์, โรงแรมมิราเคิล ทรานซิท และแมจิก ฟู้ดกรุ๊ป ที่ให้บริการด้านอาหาร ส่วนที่ดอนเมือง มีสลีพบ๊อกซ์ บาย มิราเคิล, มิราเคิล เลานจ์, มิราเคิล โคเวิร์คกิ้ง สเปซ และแมจิก ฟู้ดกรุ๊ป
...
“ผมจะดูแลธุรกิจในสนามบินทั้ง 2 แห่งเป็นหลักใหญ่ ซึ่งมีความสนุกและท้าทาย ไม่น่าเบื่อ ปัญหามีทุกวัน แต่ผมชอบ รู้สึกว่าปัญหามีไว้ให้เราฝึกลับสมอง ทำให้เราก้าวพัฒนาไปยิ่งขึ้น จากที่ผมเดินตามคุณพ่อดูการทำงานของท่าน ได้เรียนรู้หลายด้าน ท่านจะบอกเลยว่า ถ้ากรีดเลือดท่าน จะมีคำว่า “บริการ” เราอยู่ได้เพราะการบริการที่ดี แต่นอกเหนือการบริการแล้ว ผมอยากเพิ่ม “ความสุข” เข้าไปด้วย ให้คนที่ให้การบริการ หรือพนักงานของเราทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งถ้าเขาทำงานอย่างมีความสุข เขาก็ให้บริการอย่างมีความสุขเช่นกัน ผมจึงพยายามสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมือนเป็นครอบครัว เป็นบ้านหลังที่ 2 ซึ่งถ้าเราให้ใจแก่เขา เขาก็จะตอบแทนเราด้วยใจเช่นกัน ในส่วนของการบริการให้แก่ลูกค้า ปัจจุบันให้บริการที่ดีอย่างเดียวอาจจะไม่พอ เราต้องสร้างประสบการณ์อย่างอื่นให้เขาประทับใจด้วย เช่น เรื่องการตกแต่ง สภาพแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญ ให้เขาได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เพื่อให้เขากลับมาใช้บริการเราใหม่”
แม้จะเป็นผู้บริหารที่ชอบแก้ปัญหา แต่เมื่อเจอปัญหาที่หนัก ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนนี้บอกว่า ตนจะออกมาจากปัญหา ออกมาอยู่วงนอก แล้วจะมองเข้าไป ก็จะเห็นวิธีการรับมือ เหมือนการเล่นฟุตบอล คนที่เล่นอยู่ในสนาม บางครั้งอาจมองไม่เห็นปัญหาในมุมกว้างเท่ากับคนดู ซึ่งตนได้ใช้วิธีการนี้รับมือกับงานหินๆที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงหลักคิดในการทำงาน ผู้บริหารหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้บอกว่า “ชีวิตเราต้องมีความสมดุลครับ สมดุลทั้งชีวิตการทำงาน ชีวิตครอบครัว และชีวิตส่วนตัว ถ้าไม่สมดุลก็ไม่มีทางมีความสุข ผมอยากสร้างความสุขให้แก่พนักงาน ให้แก่ลูกค้า ตัวผมเองก็ต้องมีความสุข คนในครอบครัวก็ต้องมีความสุขด้วยเช่นกัน ความสำเร็จของผมคือ การบาลานซ์ทุกอย่างในชีวิตให้ลงตัว”......คีย์ความสำเร็จของผู้บริหารหนุ่มคนนี้.