วัว (รวมทั้งกระทิง) ดูจะเป็นสัตว์มีอิทธิพลต่ออารยธรรมหลากหลาย ตั้งแต่ เมโสโปเตเมีย อียิปต์ ครีต อาณาจักรโรมเคลท์ อินเดีย และที่อื่นๆ ดังเราจะเห็นตำนานเรื่องวัวๆ ปรากฏอยู่มากมาย ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนสัปดาห์นี้ก็เลยเลือกเอาตำนานวัวของชาวกรีกมาเล่าให้ฟังกันครับ
ชาวเกาะครีตในอาณาจักรกรีกโบราณนิยมวัวอย่างยิ่ง อาจเป็นเพราะพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับวัวตั้งแต่ความเชื่อที่ว่า มหาเทพซูสในร่างแปลงเป็นวัว เป็นผู้พานางยูโรปามาตั้งรกรากที่นี่ และยูโรปาก็มีลูกถวายซูส 3 องค์คือไมนอส (Minos) ราดาแมนธัส และซาร์เพดอน (สามคนนี้ ตอนหลังตายแล้วไปเป็นผู้ตัดสินในบาดาลพิภพ)
เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อไมนอสขึ้นครองบัลลังก์ครีต พระองค์ประกาศแก่ชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายว่า การที่พระองค์เป็นกษัตริย์นั้นแม้แต่เทพเจ้าโพไซดอนเองก็เห็นดีด้วย (แปลกใจเหมือนกันนะว่าทำไมไม่อ้างเทพซูสซึ่งเป็นพระบิดา) ไมนอสกล่าวว่าเทพเจ้าจะตอบรับคำขอของเขาทุกข้อ และขอให้ชาวครีตพิสูจน์คำพูดของเขาอีกด้วย
ว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่ตั้งพิธีวิงวอนเทพโพไซดอนให้พระองค์ยืนยันสิทธิ (เหตุที่เป็นโพไซดอน น่าจะเพราะเป็นเทพเจ้าอุปถัมภ์ครีต หรืออาจเป็นเทพเจ้าสำหรับชาวเกาะกลางทะเล เช่น เกาะครีต) ขอให้พระองค์ส่งอะไรก็ได้ขึ้นมาจากทะเลให้ชาวบ้านชาวเมืองเห็นเป็นขวัญตา โพไซดอนฟังคำวิงวอนของไมนอส ก็ส่งวัวขาวพ่วงพีงดงามตัวหนึ่งว่ายน้ำตรงขึ้นฝั่งตามคำบนบาน คนครีตเห็นอภินิหารกับตา เลยไม่กังขาตำแหน่งกษัตริย์ของไมนอสอีกต่อไป
...
ตามธรรมเนียมของชาวกรีก สิ่งใดที่เทพเจ้าส่งมาให้ เมื่อใช้สิ่งนั้นเสร็จ หรือได้รับสิ่งที่ต้องการแล้วต้องส่งของคืนครับ ในกรณีนี้ ไมนอสต้องคืนวัวเหมือนกัน และวิธีคืนก็คือฆ่าบูชายัญไป แต่ปรากฏว่าวัวตัวนั้นแสนสวยงามทั้งพ่วงพีและนุ่มนวลเกินกว่าจะเชือดลง ไมนอสก็เลยไปสรรหาวัวขาวอื่นเชือดบูชายัญส่งคืนเทพไปแทน ส่วนวัวขาวของโพไซดอน พระองค์เก็บไว้กับฝูงสัตว์หลวง
โพไซดอนย่อมคั่งแค้นกับการบิดเบือนที่อาจเรียกว่าทรยศก็ได้ จึงหาวิธีแก้ลำ ในเมื่อหลงรักวัวนัก ก็สาปให้หลงรักวัวจริงๆเสียเลย ทว่าคนที่รับเคราะห์ไม่ยักเป็นไมนอส กลับเป็นพาซิฟาอี (Pasiphaë) มเหสีผู้ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย น่าสงสารจริงๆนะครับ งานนี้โพไซดอนขอให้อโฟรไดต์ เทพีแห่งความรัก สาปให้นางหลงรักวัวที่ไมนอสไม่ยอมบูชายัญ
พาซิฟาอีต้องคำสาป นางก็เฝ้าถนอมลูบโลมเจ้าวัวตัวผู้พ่วงพีตัวนั้นด้วยความใคร่ถึงขนาดที่แอบว่าจ้างแดดาลัส (Daedalus) วิศวกรรุ่นดึกดำบรรพ์ให้เดินทางมาครีตแล้วออกแบบหุ่นซ่อนตัวเพื่อให้เธอสามารถร่วมภิรมย์กับเจ้าวัวนั่น พาซิฟาอีสุขสมจนกระทั่งตั้งครรภ์คลอดบุตรออกมา ความลับทั้งหลายที่พึงปิดบังมานานก็แตกโพละ พยานรักต่างพันธุ์เป็นทารกประหลาดที่มีหัวเป็นวัวตัวเป็นคน...มิโนทอร์!
ไมนอสเห็นสิ่งเกิดใหม่ พระองค์แทบกระอัก นึกได้ทันทีว่านี่คือการแก้แค้นของเจ้าสมุทร ไมนอสแสนจะอับอายแต่ไม่กล้าสังหารทั้งวัวตัวนั้นและมิโนทอร์ เพราะเกรงว่าโพไซดอนจะขุ่นเคืองซ้ำสอง พระองค์จึงไปปรึกษากับนางทำนายที่เดลฟี นางทำนายก็แนะนำให้ก้มหน้ารับกรรมเลี้ยงเด็กประหลาดไว้ โดยจ้างแดดาลัส (อีกนั่นแหละ) ให้สร้างเขาวงกตไว้ขังลืมสัตว์ประหลาดครึ่งวัวครึ่งคนเอาไว้ และปล่อยเจ้าวัวขาวนั้นออกไป
วัวขาวซึ่งบัดนี้เรียกกันว่า วัวครีต (Cretan bull) ก็เที่ยวออกอาละวาดสร้างความเดือดร้อนทั่วเกาะครีต เหยียบย่ำทำลาย สร้างความเสียหายมหาศาลให้แก่พืชผลของชาวครีต ไมนอสได้แต่ปวดหัวไม่รู้จะทำยังไงดี แต่ไม่นานนัก เทพเจ้าได้ส่งมือดีมาจัดการตามวัวกลับคืน และมันเกี่ยวข้องกับการลงทัณฑ์ครั้งที่ 7 ของชายผู้มีนามว่า เฮอร์คิวลิส
เรื่องนี้ไปเกี่ยวกับเฮอร์คิวลิสตอนที่ได้รับมอบหมายงานอันแสนหนักหน่วงในทัณฑ์หนที่ 7 ยูริสธิอุส สั่งให้เขาไปนำวัวครีตกลับคืน เมื่อวีรบุรุษอาสามาช่วยกำจัดเสี้ยนหนาม ไมนอสก็แสนจะดีใจ รีบออกปากอนุญาต เฮอร์คิวลิสก็เที่ยวตามหาวัวครีตจนพบ เขาวิ่งเข้าคว้าเขาของมัน ใช้กำลังและมือเปล่าปล้ำเจ้าวัวขาวจนชนะ จัดการล่ามวัวเอาส่งลงเรือไปให้ยูริสธิอุส ทว่าเมื่อกษัตริย์องค์นั้นเห็นวัวขาวกลับกลัวถึงขนาดหนีไปซ่อนในตุ่ม ไม่รู้จะทำยังไงต่อ แต่ก็นึกได้ว่าน่าจะบูชายัญมันให้แก่เฮรา
เรื่องกลับกลายเป็นว่า เฮราไม่รับสิครับ เพราะกลัวว่ามันจะยิ่งไปเพิ่มเกียรติยศแก่เฮอร์คิวลิสที่นางเกลียด ยูริสธิอุสเลยปล่อยมัน เจ้าวัวครีตเลยวิ่งเตลิดไปทั่วกรีซ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน สุดท้ายไปจบที่มาราธอนเมืองที่อยู่ใกล้เอเธนส์ ตอนนี้เองครับ มันได้รับนามใหม่อีกว่า วัวมาราธอน (Marathonian bull) รอเวลาให้พระเอกธีซิอัส มาจัดการต่อไป
...
ตัดฉับกลับมาที่มิโนทอร์ครับ มาถึงตอนนี้ โอรสวัวเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าวงเขาเล็กๆของมันก็ขยายใหญ่เป็นวงกว้างกว่าแขนคนเหยียดออก ที่สำคัญมันกระหายเลือดและกินเนื้อเป็นอาหาร
ไมนอสยังมีลูกอีกหลายคนกับพาซิฟาอี ลูกชายองค์โตคือหนุ่มน้อยแอนโดรจีอัส (Androgeus) เป็นลูกชายสุดรักของไมนอส เพราะเขาเก่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกีฬา และเมื่อเขาเดินทางไปแข่งกีฬาพานาเธนิคที่เอเธนส์ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี ก็ชนะกีฬาหลายครั้งหลายประเภทจนกลายเป็นที่นิยมแก่ฝูงชน แต่นั่นก็ทำให้พัลแลนติดีส (Pallantides) ไม่พอใจ จึงเล่นวิธีสกปรกด้วยการลอบฆ่าแอนโดรจีอัส
ข่าวลูกถูกลอบฆ่ามาถึงหูไมนอส สร้างความโกรธเกรี้ยวมหากาฬ พระองค์รวบรวมไพร่พลเร่งด่วน แล้วกรีธาทัพเข้าโอบล้อมเอเธนส์ทันที ไมนอสส่งสารถามหาความรับผิดชอบ หากส่งตัวคนฆ่ามาให้พระองค์จะละเว้นเมืองเอเธนส์ไว้ไม่ลุยจนราบเป็นหน้ากลอง แต่ราชาอีจีอัส (Aegeus) ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผิด จึงยอมแพ้ ขอความเมตตาจากไมนอส
...
ราชาแห่งครีตยื่นข้อเสนอเลือด...เอเธนส์จะต้องส่งหญิงสาวเจ็ดคน ชายหนุ่มเจ็ดคนลงกระบวนเรือที่ชักใบดำส่งไปครีต ให้มิโนทอร์รับประทานทุก 7 ปี
ส่วยมีชีวิตทำให้ชาวเอเธนส์ขมขื่น ต้องยอมส่งหนุ่มสาวตามจำนวนที่ไมนอสยื่นข้อเสนอมายี่สิบเจ็ดปี กระทั่งในรอบเจ็ดปีที่สามนั่นเอง ธีซิอัส (Theseus) โอรสแห่งราชาอีจีอัสแห่งเอเธนส์ เขาขอแลกที่กับเหยื่อเคราะห์ร้ายรุ่นใหม่ที่จะส่งไปให้สัตว์ประหลาดฉีกเนื้อกิน เป้าหมายที่เขาต้องการนั้นคือ...ฆ่ามิโนทอร์ มิไยที่อีจีอัสจะห้ามด้วยความรักลูก แต่ธีซิอัสก็ยืนกราน สัญญากับพระบิดาอีจีอัสว่า หากทำสำเร็จพระองค์จะกลับมาในเรือที่กางใบสีขาวเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขารอด ว่าแล้วก็ลงเรือกางใบสีดำไปยังครีต
ที่ครีตนี่เองครับ แอริแอดเน (Ariadne) ธิดาของไมนอสนั่นแหละ เธอตกหลุมรักเจ้าชายหนุ่มธีซิอัสเข้าอย่างจังเมื่อแรกเห็น ความรักทำให้นางไม่อยากให้ชายหนุ่มตายเหมือนคนอื่นๆ จึงไปขอคำแนะนำจากแดดาลัส ขอให้บอกทางและวิธีรอดให้ แดดาลัสรู้ดีว่า หากจะรบกับเจ้าตัวมิโนทอร์ ในเขาวงกตต้องพุ่งเข้าหามันก่อนที่มันจะหาพบ ยิ่งกว่านั้น แม้ว่ามีทางจะจัดการอสูรครึ่งคนครึ่งวัวได้ แต่เรื่องการกลับออกมา...อย่าหวัง มันไม่ง่ายเหมือนดังคิด เขาวงกต หรือที่ถูกต้องเรียกว่า ลาบีรินธ์ (labyrinth-ไม่มีคำแปลตรงตัวในภาษาไทยครับ เพียงแต่ลักษณะซับซ้อนพางงนั้น คล้ายเขาวงกตอันเป็นภูเขาลูกหนึ่งเชิงหิมพานต์ ต้นไม้ขึ้นทึบหนาแน่นจนหาทางออกไม่ได้ ทางเราไม่มีกำแพงปริศนาเหมือนในตำนานกรีก ก็เลยแปลว่าอย่างนี้ให้เข้าใจง่าย) ที่เขาออกแบบ เป็นคล้ายๆกำแพงซ้อนกัน มีทางตันบ้าง ทางโผล่ได้บ้าง ซึ่งแดดาลัสก็บอกความลับต่อพระธิดาจนเกลี้ยง
...
คืนนั้นพระธิดาแอริแอดเนก็ไปหาธีซิอัส บอกความที่ไปสืบมาแล้วยัดกลุ่มด้ายเข้าในมือ ธีซิอัสรู้อุบายทันที เขาซาบซึ้งในน้ำใจของแอริแอดเน และบอกนางว่าหากกลับออกมาได้ ก็จะพานางออกจากครีตไปด้วยกัน ว่าแล้วธีซิอัสกับแอริแอดเนก็เดินทางสู่ประตูลาบีรินธ์
ธีซิอัสผูกปลายด้ายไว้หน้าประตู สั่งแอริแอดเนให้รอด้านนอก เขาโรยด้ายมาตามทางเดินวกวน ชักดาบซึ่งเก็บซ่อนอย่างดีไว้ในเสื้อคลุมยาวเตรียมไว้ ทำตามคำแนะนำที่รับมาจากแอริแอดเนนั่นคือเดินไปข้างหน้า อย่าก้มหน้า อย่าเลี้ยวซ้ายหรือขวา ไม่นานเขาก็มาถึงกลางใจเขาวงกตพบเข้ากับมิโนทอร์ที่กำลังหลับอยู่ สัตว์ร้ายตื่นขึ้นทันที มันกระโดดยืน ส่งเสียงหายใจฟืดฟาดหนักหน่วง พุ่งเข้าใส่ ธีซิอัสเบี่ยงหลบทันควัน มิโนทอร์รุกไล่ แต่ธีซิอัสก็ว่องไวมากสามารถกระโดดหลบสัตว์ประหลาดจนมันไม่สามารถทำอะไรได้ ระหว่างกำลังพัลวัน ธีซิอัสได้ทีก็คว้าเขามิโนทอร์ และใช้กำลังยันจนมันตกเป็นเบี้ยล่าง ซ้ำด้วยการแทงคอ มิโนทอร์ร้องโหยหวนก่อนทุกสิ่งสงบลง...
หลังจัดการอสูรประหลาดได้ ธีซิอัสก็สาวด้ายกลับออกมา แล้วลงเรือหนีกษัตริย์ไมนอสมากับราชธิดาแอริแอดเนได้ก็จริงอยู่ แต่ตอนที่เขาแวะค้างคืนพักและหาน้ำจืดที่เกาะแนคซอส เขาฝันเห็นเทพีอธีนา นางสั่งให้เขาออกเรือไปแต่เช้า ทิ้งนางแอริแอดเนไว้ เพราะนางเป็นคู่ของไดโอนีซัส ไม่ใช่เขา ธีซิอัสเสียใจแต่จำเป็นต้องทำตามเทพีสั่ง จะด้วยความกดดันเรื่องนี้หรือไม่ก็ไม่รู้ ทำให้เขาลืมเปลี่ยนใบเรือเป็นสีขาวตามสัญญาณที่ตกลงกันไว้กับบิดา
เมื่อราชาอีจีอัสเห็นกองเรือเดินทางมุ่งหน้ามายังเอเธนส์ แต่ใบเรือยังเป็นสีดำ แสดงว่าลูกชายตายแล้ว อีจีอัสเสียใจมาก พระองค์โดดหน้าผาลงมาตายก่อนที่เรือจะเข้าเทียบท่า ทะเลตรงนั้นเลยได้ชื่อว่าทะเลอีเจี้ยนเพราะความรักที่บิดามีต่อบุตร ส่วนนางแอริแอดเน ต่อมาเมื่อไดโอนีซัสมาถึงแนคซอสและเห็นแอริแอดเนร้องไห้เสียใจที่โดนธีซิอัสทิ้ง พระองค์สงสารมากและรักด้วยแหละ จึงแต่งงานกับนาง เรื่องจบลงด้วยความเศร้าปนสุขครับ.
โดย :คอสมอส
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน