ใครเคยมีปัญหากับพี่น้องถึงขั้นไม่พูดกันหรือมองหน้ากันไม่ติดบ้างมั้ยคะ เราพูดถึงเรื่องราวของคนรักที่ต้องเลิกรากันไปหลายตอนแล้ว แต่เรื่องของพี่น้องนั้นซับซ้อนมากกว่าเรื่องของคนรักมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะคนรัก อย่างไรก็เป็นคนนอก เวลารักกันก็ถือว่าเป็นคนใน เวลาเลิกกันก็กลับไปเป็นคนนอกเหมือนเดิม แต่พี่น้อง ไม่ว่าจะรักกันหรือตีกัน อย่างไรก็เป็นคนในของเราเสมอเพราะมีสายเลือดเดียวกัน การตัดพี่ตัดน้องจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เกาะกินใจเราไปทั้งชีวิต ผิดกับคนรักที่ตัดแล้ว รอเวลารักษาใจสักพักก็จะลืมกันไปได้

สาเหตุที่พี่น้องส่วนใหญ่ผิดใจกัน มักเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจกัน บางทีสาเหตุที่ทะเลาะกัน เมื่อมองย้อนหลังอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่ใหญ่โตอะไร แต่ทำไมตอนที่เกิดเรื่องมักจะรู้สึกใหญ่มากจนต้องตัดขาดญาติมิตรกัน ทั้งนี้ เพราะความเข้าใจผิดกันนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่มักจะเกิดแบบสะสมและมักไม่มีใครรู้ตัวเพราะส่วนใหญ่จะไม่ใส่ใจ ให้อภัยได้เพราะเป็นพี่น้องกัน แต่พอเจอเข้าหลายๆ ครั้ง ความไม่พอใจที่ถูกมองข้ามนี้จะสะสมเก็บไว้ในใจรอวันระเบิด

มีเคสที่เข้ามาปรึกษาครูเคทรายหนึ่งเป็นน้องชายที่มาปรึกษาด้วยความรู้สึกผิดต่อคุณแม่ที่ตนเองไปทำงานอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน จึงไม่ได้ดูแลคุณแม่ ทำให้หน้าที่ดูแลคุณแม่ตกเป็นของพี่ชาย พี่ชายมักจะหยิบยกเรื่องนี้มาต่อว่าน้องเป็นประจำ จึงทำให้น้องรู้สึกผิดกับคุณแม่มากขึ้น และความสัมพันธ์พี่น้องก็เริ่มห่างเหินเพราะบทสนทนามีแต่การต่อว่าและหงุดหงิดใส่กัน พี่น้องคู่นี้ ตอนเด็กๆ เล่นด้วยกัน แต่น้องมักจะเอาของๆ พี่ชายไปเล่นโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ตอนเป็นวัยรุ่น พี่น้องทั้งสองจะชอบเล่นดนตรีด้วยกัน จนโตขึ้นต่างคนต่างไปมีชีวิตของตนเอง พี่ชายที่ต้องแบกความรับผิดชอบต่างๆ ไว้ อาจเกิดความเครียดและต่อว่าน้องชายเป็นประจำจนเกิดเป็นความห่างเหิน ไม่พูดกัน หลังจากมาทำ counseling แล้วพบว่าสาเหตุที่ทำให้น้องชายเครียดจริงๆ ไม่ใช่เรื่องรู้สึกผิดต่อคุณแม่ เพราะแม้น้องชายไม่ได้อยู่ดูแลคุณแม่ทางกาย แต่ได้โทรศัพท์จากต่างประเทศมาพูดคุยกับคุณแม่เป็นประจำทุกวันถือเป็นการดูแลคุณแม่ทางใจที่ดี แต่ปัญหาที่รบกวนจิตใจคือการที่พี่ชายเข้าใจผิดและแสดงความห่างเหินต่างหาก แต่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเพราะพี่ชายหยิบยกเรื่องการไม่ดูแลคุณแม่มาตำหนิน้องชายทุกครั้งที่คุยกัน น้องชายจึงมองไม่เห็นว่าปัญหาจริงๆ คือ ช่องว่างระหว่างพี่น้อง ไม่ใช่แม่ลูก

เมื่อเข้าใจสาเหตุแห่งความเครียดที่เกาะกินใจมาเป็นเวลานานที่แท้จริง น้องชายจึงพยายามที่จะสานสัมพันธ์กับพี่ชาย ด้วยการไลน์ไปหา แต่พี่ชายก็ตอบอย่างห่างเหิน วันหนึ่งน้องชายได้เดินหาซื้อเครื่องดนตรี เมื่อเจอกีตาร์ตัวหนึ่งทำให้นึกถึงพี่ชายจึงซื้อเก็บไว้แต่ไม่ได้นำไปให้ แต่เมื่อน้องชายกลับมาทบทวนว่าหากเราไม่ต้องมองว่าใครถูกใครผิด แค่น้องอยากแสดงให้พี่ชายเห็นว่าน้องยังรักพี่เหมือนเดิม ถึงพี่ชายจะไม่สนใจก็ตาม ตนจึงตัดสินใจเอากีตาร์ไปให้พี่ชาย เมื่อได้รับของพี่ชายกลับบอกว่ายุ่งมากไม่มีเวลาเล่น น้องชายจึงบอกว่าไม่เป็นไร จะเก็บไว้เฉยๆ ก็ได้ แต่ไหนๆ วันนี้ก็เจอกันแล้ว ตนก็มีกีตาร์อีกตัวในรถ เราลองเล่นเพลงร่วมกันสักเพลงดีมั้ย เจอแบบนี้พี่ชายก็ตกลง และแล้วกำแพงที่ขวางกั้นสองพี่น้องนี้ก็ทลายหายไปในพริบตา

คนเรายิ่งใกล้กัน ยิ่งมีกำแพงขวางแน่นหนา การทำลายกำแพงนี้ ต้องทำลายทิฐิของตัวเองลงเสียก่อน ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายลดทิฐิ และต้องมีศรัทธาในความรักที่มีต่อกัน มีเมตตาและรู้จักให้อภัย เข้าใจว่าที่เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้กับเราก็เพราะเขาเองมีปัญญาบางประการเก็บอยู่ในใจ เราแค่เมตตาและให้อภัย ส่งความรักความปรารถนาดีให้กัน พลังแห่งความรักและความเมตตานี้จะทำลายกำแพงขวางกั้นระหว่างสมาชิกในครอบครัวลงได้ค่ะ

ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 08-1458-1165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ

...