ตามรอยธรรมปฏิบัติ “หลวงปู่อินทร์” วัดบัว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา พระนักพัฒนาที่สร้างสมมรดกไว้ให้ลูกให้หลานอย่างทรงคุณค่า “ท่าน้ำวัดบัว”...บันทึกจุดนั่งปฏิบัติธรรมที่เล่าขานกันว่ามี “พญานาค” ปรากฏให้เห็น ซึ่งบริเวณนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์...
“ลำเชียงไกร วัดบัว”
พลิกปูมประวัติหลวงปู่อินทร์...ได้ชื่อว่าเรียนรู้วิชากับเกจิชื่อดังทั่วทั้งภาคอีสานจนได้รับการยกย่องว่าเป็น...“ไข่มุกดำแห่งที่ราบสูง”
เพ็ญพิมล กรณ์ธีรวัชร์ ประธานชมรมผู้สูงอายุบ้านบัว เล่าให้ฟังเมื่อครั้งที่ได้ร่วมกิจกรรมตัดผมและทำสีผม ทำโรงทานเลี้ยงอาหารให้กับผู้สูงอายุ โดยมีช่างผมและผลิตภัณฑ์สีผมเบอริน่า มาทำบุญร่วมกันที่บริเวณศาลาการเปรียญใหญ่วัดบัว ว่า ในขณะที่มีชีวิตอยู่นั้น หลวงปู่อินทร์ เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นที่เคารพนับถือต่อพระภิกษุสงฆ์โดยทั่วไป ตลอดจนชาวพุทธศาสนิกชนมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงปู่มาโดยตลอด เป็นพระเกจิที่ได้รับการขนานนามจากพระเกจิด้วยกันว่าเป็นไข่มุกดำแห่งที่ราบสูง
...
“หลวงปู่ให้ความเมตตาต่อผู้ที่มาเคารพกราบไหว้อย่างเสมอภาค และทำหน้าที่ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างเต็มความรู้ความสามารถ...จะเห็นได้จากสิ่งที่ท่านสร้างไว้ให้ลูกหลาน ไม่ว่าจะเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของที่ได้จากการสะสมมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งของสะสมช่วงแรกเป็นพวกพระเครื่อง
จากนั้นก็มีของหายากจัดเรียงไว้เป็นตู้ๆ มีตั้งแต่กระดึงแขวนคอช้าง ปลอกแขนสำริด เครื่องมือยุคเหล็กอายุประมาณ 3,000 ปี ขวานหิน เสาหลักเมือง ชุดน้ำชาสมัยฮ่องเต้ เทียนพรรษาอันใหญ่ เทวรูปแบบฮินดู โบราณวัตถุต่างๆที่มีคำอธิบายไว้ให้ได้ศึกษา”
“หลวงปู่อินทร์” เคยเล่าให้ญาติโยมฟังว่าท่านเคยไปประเทศอินเดีย ศรีลังกา จีน ได้เห็นการเก็บรักษาสิ่งของที่หายากไว้เพื่อให้สืบสานเรื่องราวในอดีต เชื่อมโยงกับปัจจุบัน เก็บของมีค่าไว้ให้ลูกหลานได้ดูได้ศึกษา โดยเฉพาะพระ เครื่องที่นี่มีอยู่เป็นจำนวนมากทั้งของใหม่และ
ของเก่า
“สวนป่า” อีกสถานที่สำคัญใช้เป็นสถานปฏิบัติธรรม มีศาลาขนาดใหญ่ มีศาลาไม้เป็นหลังขนาดเล็กสำหรับให้แต่ละคนนั่งวิปัสสนา ใกล้กันมีศาลาพื้นไม้กระดานเรียงยาว สำหรับให้ชาวบ้านได้เข้ามาสวดมนต์พร้อมกับพระสงฆ์ในช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็นของทุกวัน ด้านหลังวัดติดกับลำคลองที่เรียกว่า “ลำเชียงไกร”
ที่น่าสนใจเรียกกระแสศรัทธาได้อย่างมาก...ในพื้นที่จำนวน 27 ไร่ของวัด มีสระน้ำขนาดใหญ่หนึ่งสระ เคยมีปรากฏการณ์ที่ชาวบ้านเห็นเป็นร่างของ “พญานาค” ว่ายน้ำอยู่ในสระ
จนร่ำลือกันว่าเป็นจุดขึ้นของพญานาค ณ วัดแห่งนี้ โดยมีความเชื่อกันว่า...พญานาคคือสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล...เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์จากการจำศีล บำเพ็ญภาวนา ศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ด้วยเหตุนี้เอง...จะพบเห็นสัญลักษณ์ของพญานาคเป็นรูปปั้นหน้าโบสถ์ตามวัดต่างๆ บันไดขึ้นสู่วัดในพุทธศาสนา ภาพเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธอีกมากมาย
ศรัทธาความเชื่อ...ที่เกิดจากการได้สัมผัสและเห็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคลก็ตาม สำหรับ ณภัสนันท์ วัทธิกรกิจศิริ อาจารย์สอนวิชาชีพเสริมสวยและการทำสีผม นั้นยืนยันว่า โดยส่วนตัวมีความเชื่อเรื่องพญานาคเช่นกัน นอกจากงานประจำที่ทำแล้ว ก็ยังมีการเดินทางทำบุญในสถานที่ที่เป็นสถานที่ขององค์พ่อปู่พญานาค ทุกครั้งที่มีพิธีบวงสรวงก็จะร่วมเพื่อความเป็นสิริมงคล
“ด้วยแนวทางศรัทธาจนเป็นสายญาณพญานาค จึงได้ใช้วิชาความรู้เข้าช่วยเหลือชาวบ้านทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการทำโรงทาน ตัดผมฟรี ตลอดจนให้ความรู้ด้านวิชาชีพเสริมสวย ให้คนที่ด้อยโอกาสได้มีอาชีพเพื่อหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้”
...
จากชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เคยล้มลุกคลุกคลาน เผชิญวิบากกรรมทุกรูปแบบทั้งร่างกาย...จิตใจ ประสบอุบัติเหตุจนต้องพักรักษาตัวเองนานหลายเดือน งานที่ต้องใช้มือใช้แขนในการทำผมให้ลูกค้าก็ไม่สามารถทำได้ รายได้หายแต่ค่าใช้จ่ายกลับต้องเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาล
สิ่งเดียวที่ทำให้ไม่เครียดและคิดมากคือ “เดินสายธรรม” เยียวยาจิตใจและร่างกาย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...หลังจากที่ใช้ชีวิตปฏิบัติธรรม ดำรงตนให้เกิดประโยชน์ แม้ว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปไม่มากนัก แต่แนวคิดก็เปลี่ยนไปเยอะ ทำให้เรารู้เลยว่าไม่มีอะไรที่แน่นอน อยากได้ อยากเด่น ต้องหมั่นสะสมทานบารมี ทำตัวเองให้มีประโยชน์ ไม่อิจฉาหรือไม่ซ้ำเติมใครที่เป็นทุกข์
“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.
รัก-ยม