นพ.ประสาร ขจรรัตนเดช
มะเร็งเป็นโรคร้ายที่เมื่อรับรู้ว่าป่วยด้วยโรคมะเร็ง มักมีความกังวลใจ หดหู่ หรืออาจเกิดภาวะซึมเศร้า ปัจจุบันการรักษาได้ก้าวหน้าพัฒนา เพื่อสร้างกำลังใจ และให้ความรู้ที่อัพเดต โรงพยาบาลพญาไท 2 จึงได้จัดการเสวนาเรื่อง “สู้มะเร็งอย่างไร...ให้ใจเป็นสุข” พร้อมนำแนวคิด “เราเป็นทีมเดียวกัน” มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เพราะตระหนักดีว่า การดูแลจิตใจของผู้ป่วย เป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องร่วมกับการรักษาของทีมแพทย์และพยาบาล
นพ.ประสาร ขจรรัตนเดช อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา รพ.พญาไท 2 กล่าวว่า การรักษามะเร็ง เมื่อก่อนจะนึกถึงการทำคีโม ซึ่งจะเป็นการทำลายเซลล์ผิดปกติ ขณะเดียวกันก็เป็นพิษกับเซลล์อื่นๆด้วย แต่ปัจจุบันแนวทางการรักษามะเร็งมีความก้าวหน้ามากขึ้น เป็นการรักษาแบบตรงจุด หรือ “ทาร์เก็ตเต็ด เทอราพี” (Targeted Therapy) ซึ่งเป็นแนวทางการรักษาที่ลดผลกระทบข้างเคียง เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆแบบเต็มที่ จะช่วยยืดอายุผู้ป่วยในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย หรือเพิ่มโอกาสในการหายสูงขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งระยะแรก การรักษาด้วยวิธี Targeted Therapy มีการพัฒนามากว่า 16-17 ปี
โดยจะมีกระบวนการที่เรียกว่า Precision Medicine ซึ่งจะเป็นการนำตัวอย่างเซลล์มะเร็งของคนไข้หลายๆคนมาวิเคราะห์ โมเลกุล โปรตีน และลักษณะความผิดปกติของยีน เพื่อออก แบบตัวยาที่เข้ากับคนไข้ได้ จากวันนั้นจนปัจจุบันนี้มีตัวยาเกิดขึ้นมากมาย แต่ยังไม่ถึงกับใช้รักษามะเร็งได้ทุกชนิด แต่เป็นวิธีการที่ตอบสนองต่อโรคได้ครอบคลุมมากขึ้น กระบวนการรักษานี้จะเข้าไปตรงจุด หยุดมะเร็งที่เซลล์ตั้งต้น ตั้งแต่หยุดกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง หยุดการเคลื่อนที่ ลุกลาม ทำให้เซลล์มะเร็งตาย และทำให้เซลล์มะเร็งไม่สนองสิ่งกระตุ้นอีกต่อไป แต่การรักษาด้วย Targeted Therapy เมื่อถึงจุดๆหนึ่งอาจจะเกิดการดื้อยาทีมแพทย์ก็ต้องวินิจฉัยต่อเนื่อง ตัดชิ้นเนื้อมาตรวจใหม่ เพื่อมองหา Targeted Therapy ตัวใหม่ ถ้าหาไม่ได้ ก็ต้องกลับไปที่วิธีเดิม คือคีโม ซึ่งหมอมักจะบอกคนไข้เสมอว่า อย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมออย่างเดียว เราจะร่วมสู้ ร่วมวางแผนการรักษาไปด้วยกัน เพราะหมอเป็นทีมของคนไข้
...
ด้าน ฐิติพร ฉิมม่วง เจ้าหน้าที่พยาบาลแผนกผู้ป่วยนอกมะเร็งและเคมีบำบัด บอกว่า ในการรักษานั้น ปัจจัยสำคัญมากคือกำลังใจ การคิดบวก ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา นอกจากนี้จากประสบการณ์กว่า 20 ปี ได้พบว่า น้ำแข็งบ๊วย ช่วยลดอาการคลื่นไส้และรู้สึกชุ่มคอขึ้นด้วยหลังได้รับยาเคมีบำบัด.