พระนางพญาพิมพ์เทวดา กรุวัดนางพญา พิษณุโลก ของ บี พัทยา.
เข้า สนามพระวิภาวดี อาทิตย์แรกของเดือนสาม ด้วยธรรมะคำสอนจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อ 5 ปีก่อน แต่คำสอนท่านยังเป็นอมตะ กินใจ.....
ดังเช่น คนรวยที่ไม่รู้จักพอ ก็เป็นคนจนอยู่ตลอดเวลา คนจนที่รู้จักพอก็เป็นคนมั่งมีอยู่ตลอดเวลา.....
ส่วนพระเครื่ององค์แรกวันนี้ คือ พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ของ อดีต ส.ส.อุดมเดช รัตนเสถียร.....
...
ส่งภาพผ่านไอแพด ก็ยังเห็นเลยว่าเป็นพระแท้ทะลุจอ แม้ไม่สวยแชมป์ เพราะสภาพผ่านใช้ มีริ้วรอยสัมผัส เปลือกผิวเปิดเห็นเนื้อในทั่วองค์ แต่ก็สวยเด็ด ทรงดีระดับแชมป์แถวสอง ด้วยเสน่ห์ของสีเนื้อโทนน้ำตาล ซึ่งเกิดจาก ยางรักที่ซึมจับเข้าเนื้อ.....
กับประกายทองคำ เปลว ที่ฝังตัวจับแน่นอยู่ตามซอกส่วนลึกทั่วองค์ บอกให้รู้ว่า ลงรักปิดทอง มาแต่เดิม เสริมให้เข้มขลังอลัง โดยเฉพาะความนุ่มแนบแน่นของเนื้อมวลสาร ที่ครบสูตรทั้งก้อนขาว เกล็ดแดง ก้านดำ และอื่นๆ.....
กับพิมพ์พระที่ลึกชัดเสมอกัน และพื้นผนังนอกซุ้ม ที่ราบเรียบอยู่ในระนาบเดียวกัน เพราะเนื้อเซตตัวตามอายุเสมอกันทั่วองค์ เห็นได้ถึงความตั้งใจในการ ปั้นเนื้อ กดพิมพ์ ถอดพิมพ์ ตัดขอบ ผึ่งแห้ง ลงรัก ปิดทอง ตามแบบ ของ พระนำฤกษ์ ที่ต้องทำในกำหนดฤกษ์ยามการจัดสร้าง ที่มีจำนวนไม่มาก โดยประธาน เป็นผู้ดำเนินการ--ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านตาผ่านมือ พระสมเด็จ มานับไม่ถ้วน จึงเชื่อว่าพระองค์นี้น่าจะสำเร็จด้วยมือ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นแน่.....
องค์ที่สองคือ พระนางพญาพิมพ์เทวดา กรุวัดนางพญา พิษณุโลก องค์นี้ก็สภาพสมบูรณ์เยี่ยม ความสวยน้อยหน่อย แต่ทรงดี.....
เปรียบได้กับสาวไม่สวยมาก แต่รูปร่างดีมีสง่า ก็ชวนมอง เพราะหน้าบู้จมูกบี้ ก็ทำสวยเกาหลีทีหลังได้ แต่โครงสร้างรูปร่างต้องเป็นมาแต่กำเนิด เพราะเตี้ย ทำสูงไม่ได้ ผิวพรรณองค์นี้ก็เด่นดูมีสกุล แม้พิมพ์พระติดตื้น แต่ก็ติดเต็ม เสียแต้มความงามไปหน่อย แต่ได้ความเด่นที่ฟอร์มทรงสมส่วน กับผิวเนื้อสภาพเดิมๆ ไร้รอยสัมผัสใช้ทดแทน ทำให้พระองค์นี้ ของ เสี่ยบี พัทยา เป็นพระที่น่าทะนุถนอม อนุรักษ์อีกองค์.....
ตามมาด้วยนางอีกองค์ต่างสำนัก พระนางพญา เสน่ห์จันทร์ กรุวัดตาเถรขึงหนัง สุโขทัย องค์นี้เป็นพระสวยสภาพเดิม ดูดีที่พิมพ์พระพุทธศิลป์สุโขทัยติดชัดลึก ทุกเส้น สายลายศิลป์พลิ้วไหว คมชัดงดงาม ซึมทราบอายุถึงยุคสมัย ด้วยสภาพ คราบกรุ ทั้งคราบน้ำว่าน ฝ้าขาว ราดำ.....
ค้นพบโดยกรมศิลปากร ที่วัดศรีพิจิตรกีรติกัลยารามหรือวัดตาเถรขึงหนัง ซึ่งเป็นวัดร้าง สมัยสุโขทัยตอนปลาย ในปี พ.ศ.๑๙๔๖ และมีการสร้าง พระพิมพ์นางเสน่ห์จันทร์ บรรจุไว้ในปี พ.ศ.๑๙๔๗ มาค้นพบเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๒ พร้อมพระเครื่อง พระพุทธรูปจำนวนมาก.....
ลักษณะพระพิมพ์นางเสน่ห์จันทร์ เป็นพระเนื้อดินผสมว่านเผา สีเนื้อมี เหลือง แดง เขียว ดำ พิมพ์พระมีพิมพ์เดียว แต่มีลักษณะการตัดขอบแตกต่าง ๓ แบบ คือ ๑.ปีกใหญ่ ๒.ปีกธรรมดา ๓.ปีกตัดชิด.....
อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ปรากฏชัดตามชื่อด้าน เมตตามหาเสน่ห์ แต่ก็มีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดถึงคงกระพันชาตรีไม่น้อย ปัจจุบันได้รับความนิยมเทียบได้กับ พระนางพญาพิษณุโลก แต่ราคาย่อกว่า สภาพสมบูรณ์สวยเดิมๆแบบองค์นี้ของ เสี่ยธรรมรัตน์ จีนะดิษย์ อยู่แค่หลักแสนต้นๆ แต่หายากชะมัด.....
...
วันนี้สนามพระวิภาวดี ถูกนางบุก เพราะยังมี พระนางกำแพงพิมพ์ตื้น กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ในตระกูลทุ่งเศรษฐี ที่พบจำนวนมากสุด ในเกือบทุกกรุพระของเมืองนี้ ทั้งฝั่งจังหวัดและลานทุ่งเศรษฐี เช่น วัดพระบรมธาตุ วัดป่ามืดวัดพิกุล วัดพระแก้ว วัดอาวาสน้อย วัดฤๅษี กรุนาตาคำ นาตาพุ่ม ฯลฯ.....
พระทุกกรุ จะมีรูปทรงองค์รวมเป็น พระพิมพ์รูปทรงสามเหลี่ยมเหมือนกัน แต่ในพิมพ์พระ อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย อย่างขนาดพระพักตร์ใหญ่เล็ก ความตื้นลึกของพิมพ์พระ พระเกศเมาฬี.....
สภาพที่ได้รับความนิยมสุด เป็นของ กรุวัดพิกุล ที่มีพิมพ์ติดชัดลึก เนื้อดินนุ่มหนา กับ กรุวัดป่ามืด เนื้อดินบาง พบทั้งชนิด เนื้อชิน เนื้อดิน นับเป็นพระพิมพ์สกุลนางพญาที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมสูง ใช้บูชาแทนพระนางพญาพิษณุโลก ได้สนิทใจ ในราคา ไม่ต้องตะกาย--สภาพสวยแจ่มแบบองค์นี้ ของ เสี่ยธเนตร เนตรทอง แค่แสนต้นๆเหมือนกัน.....
...
ตามมาด้วย พระพุทธรูปบูชาเชียงแสน ฐานบัวเกสร พุทธศตวรรษ ๑๗-๑๙ ขนาดหน้าตัก ๑๒" ของ ส.จ.บอม เมืองน่าน จากลักษณะขององค์พระที่งดงามตั้งแต่ยอดพระเกศ เม็ดพระศกขมวดแน่นแบบนูนต่ำ ลงมาถึงฐานบัวเกสรเล็บช้างกลีบซ้อน สูงส่งด้วยอายุถึงยุคสมัยสูงค่าด้วยพุทธศิลป์เชียงแสน ลังกาวงศ์บ่งบอกได้ว่าไม่ใช่ช่างชาวบ้าน ต้องเป็นฝีมือช่างหลวงแน่ จึงถือเป็นมาสเตอร์พีซ ที่หายากมาก.....
อีกรายการ เป็น พระรูปเหมือน เนื้อผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย ระยอง สร้างระหว่างปี พ.ศ.๒๕๑๖-๑๗ ในชุดพระเนื้อผงพรายกุมารยุคต้น ที่สร้างชื่อเสียง จากอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ดีเด่นด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ฉมังสุดด้านโชคลาภ.....
...
ลักษณะด้านหน้าเป็นรูปจำลององค์หลวงปู่ทิม นั่งทำสมาธิเต็มองค์ อยู่บนตั่งขาสิงห์ มีทั้งชนิดเนื้อขาวธรรมดา และทาสีบรอนซ์ทอง แบบองค์นี้ ของ เสี่ยจิรเดช สุคนธมาน จำนวนสร้างราว ๒,๐๐๐ องค์เท่านั้น.....
อีกรายการ เป็น ล็อกเกต อาจารย์เที่ยง น่วมมานา แห่งสำนักสักยันต์บ้านมีดี ตลาดวัดทอง (สุวรรณาราม) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ .....
อาจารย์เที่ยง เป็นฆราวาสสืบสายวิชาอาคมมหาเวทมาจากหลายพระเกจิ คือ หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงปู่จัน วัดนางหนู ลพบุรี.....
ท่านมีชื่อเสียงเด่นใน วิชาสักยันต์ ด้านคงกระพันชาตรี หมูทองแดงบัวคู่ ผ้าเช็ดหน้ามหาอำนาจ ส่วนสัญลักษณ์ประจำสำนัก คือ การสักอักขระ ตัวเฑาะว์กับตัว ท. ที่ใต้โคนนิ้วหัวแม่โป้ง ถือเป็นสำนักสักยันต์ที่มีชื่อเสียง มีลูกศิษย์มากสุดสำนักหนึ่งในยุคกึ่งพุทธกาล.....
ล็อกเกตนี้ สร้างสำหรับศิษย์ใกล้ชิดขณะท่านบวชอยู่ ราวปี ๒๕๐๐-๒๕๑๐ มีจำนวนหลักสิบเท่านั้น ด้านหลังแผ่นเงิน ลงจารอักขระลายมือ.....
ปัจจุบันได้รับความนิยมแสวงหาในหมู่ศิษย์สายตรง และคนรู้ลึกในความเข้มขลังด้านอยู่ยงคงกระพัน.....
มีเรื่องเล่าจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่ามีการทดลองปาดด้วยมีดหมอผ่าตัดหลายครั้ง เห็นชัดๆว่าใบมีดแฉลบ ไม่ได้กินเลือดซักหยด ทำให้ ล็อกเกตอาจารย์เที่ยง มีผู้ศรัทธาแสวงหากันมากในราคาสูงถึงหลักแสนกลาง--อันนี้ ของ เสี่ยแจ๊ค สามพราน.....
รายการต่อไป คือ เหรียญกองพันเชียงราย พ.ศ.๒๕๑๘ เนื้อทองคำ หลวงพ่อเกษมเขมโก สำนักสงฆ์สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ของ เสี่ยโหน่ง กาดเมฆ .....
รุ่นนี้ เป็น ๑ ใน ๔ เหรียญชุดกองพันทหาร ที่ประกอบด้วย ๑.กองพันลำปาง ปี ๑๗ ๒.กองพันเชียงใหม่ ปี ๑๘ ๓.กองพันเชียงราย ปี ๑๘ ๔.กองพันโคราช ปี ๑๘.....
สำหรับเหรียญกองพันเชียงราย ปี ๑๘ สร้างไว้เป็น เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อทองแดง นิยมสะสมแบบครบชุด โดยเฉพาะ ชุดเนื้อทองคำ ที่สร้างน้อย หายากมาก เพราะส่วนใหญ่อยู่กับเจ้าของผู้สั่งจองแต่แรก.....
พระใหม่ภูมิใจนำเสนอ วันนี้ เป็น พระกริ่ง รุ่น สร้างเจดีย์ ซึ่งจัดสร้างในโอกาสที่ เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (จุนท์) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศฯ สมัยเป็น พระเทพกวี อายุครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ.2538 เพื่อมอบให้ผู้ร่วมสร้างพระเจดีย์ วัดคีรีวิหาร ที่ตราด.....
พระกริ่ง รุ่น สร้างเจดีย์ สร้างน้อย มีเนื้อทองคำ 161 องค์ เนื้อเงิน 561 องค์ เนื้อนวะ 2,561 องค์ และเนื้อทองพิเศษ 5,561 องค์ โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราชฯ พระองค์ก่อนทรง เมตตาอธิษฐานจิตให้ .....
ตอนนั้น ลูกศิษย์คือ เสี่ยธวัช สุร-มังกรวงศ์ เช่าตุนไว้เยอะสุด พอทราบว่าท่านเจ้าประคุณจะสร้างเสนาสนะให้วัดรัตน– วนาราม ที่บ่อไร่ ตราด ซึ่งทำพิธีวางศิลาฤกษ์ไปแล้ว โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร่วมพิธี จึงนำ พระกริ่งเนื้อเงิน 60 องค์ และ เนื้อนวะ อีก 500 องค์ มาถวาย ให้ท่านมอบให้ผู้ร่วมทำบุญ ซึ่งต้องอนุโมทนากับกุศลเจตนาของ เสี่ยธวัช มาก นับถือๆ--ใครอยากได้พระกริ่งดีสอบถามที่ 0-2282-1961 หรือเจอ ท่านผู้พิพากษา อวิรุธ ชาญชัยกิตติกร ลูกศิษย์วัด ก็ถามได้เพราะทราบละเอียด.....
ลากันด้วยเรื่องปิดท้ายของ เสี่ยชัยวัฒน์ เจ้าของอพาร์ตเมนต์แถวบางแค กรุงเทพฯ ซึ่งมีภรรเมียชื่อเจ๊วรรณา เป็นลูกสาวเจ้าของโรงเลื่อย.....
ตอนแต่งงานเมื่อ ๓๐ ปีก่อน ก็ได้ทุนจากสินสอดที่พ่อแม่มอบให้กับเงินช่วยงาน รวม ๕ ล้าน เจ๊วรรณา จึงบอกว่า จะนำเงินไปซื้อเพชรเม็ดโตๆไว้เป็นการลงทุน เพราะยิ่งนานวันยังไงก็มีกำไร.....
เสี่ยชัยวัฒน์ จึงบอกว่า คุณชอบเพชรก็ ok แต่ผมชอบพระ เชื่อว่าเอาเงินไปลงทุนกับพระจะได้กำไรมากกว่า.....
จึงเกิดการท้าทาย โดย เจ๊วรรณา ตั้งกติกาว่า ให้เอาเงินไปลงทุนตามความชอบคนละ ๑ ล้าน ที่เหลือเก็บไว้ เพราะมีรายได้เป็นเงินเดือนพอใช้อยู่แล้ว ว่าแล้ว เจ๊วรรณา ก็เอาเงิน ๑ ล้าน ไปซื้อเพชรไว้เก็งกำไร ส่วน เสี่ยชัยวัฒน์ ก็เอาเงิน ๑ ล้าน ไปเช่าพระชุดเบญจภาคี ๑ ชุด ทุกปี ราคาเพชรก็ขึ้นทีละเล็กละน้อย แต่ก็คุ้มดอกเบี้ย แต่ราคาพระ ปีแรกๆ ไม่ค่อยขยับ เสี่ยชัยวัฒน์ จึงถูก เจ๊วรรณา ถามย้ำบ่อยๆ ก็ได้แต่แก้ตัวไปว่าพระไม่เหมือนเพชร ต้องเก็บยาวๆ ถึงเวลาเมื่อไร ได้กำไรมากกว่าเพชรแน่.....
แต่ก็มีความรู้สึกไม่ดี และกลัวเมียเสียใจ จึงเอาพระให้เมียเก็บไว้ และรับประกันว่ายังไงก็ไม่มีขาดทุน ถ้าขายได้จะยกกำไรให้ เธอหมดเลย เมียก็เลยเลิกถาม.....
จากวันนั้นมาถึงวันนี้ เสี่ยชัยวัฒน์ เล่าให้เพื่อนฟังหน้าเศร้าว่า มีญาติเมียเป็นเซียนพระ มาขอซื้อพระชุดเบญจภาคีที่เก็บไว้กับเมียไปในราคา ๑๕ ล้าน .....
พื่อนฟังก็ร้อง โอ้โห ได้กำไรขนาดนี้ลื้อชนะเมียแน่ แล้วมานั่งหน้าเศร้าทำไม เสี่ยชัยวัฒน์ ยิ้มแห้ง บอกเสียงแผ่วว่าชนะแน่นอน แต่อั๊วไม่ได้ซักบาท เพราะเมียบอกว่าสมัยนี้พระเครื่องไม่ใช่เป็นแค่ของสะสม แต่เป็นทรัพย์สิน พอขายได้ จึงยึดไปหมดทั้งทุนและกำไร เพราะเป็นสินสมรส เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง