สำหรับคนที่รักการตกแต่งบ้าน เมื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ มักจะมองหาเทรนด์การแต่งบ้านใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการอยู่อาศัย โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เราใช้เวลาอยู่ในบ้านนานขึ้นจากการ Work from Home “บ้าน” จึงไม่ใช่แค่เพียงที่อยู่อาศัย แต่เป็นที่ที่ต้องใช้ชีวิตทุกรูปแบบแทบตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นการแต่งบ้านเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ตอบโจทย์ทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิตอื่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

วันนี้ไทยรัฐออนไลน์ได้พูดคุยกับ 2 ดีไซเนอร์ชื่อดังชั้นนำของไทยอย่าง สมนึก คลังนอก หรือครูปาน ศิลปิน และนักวาดภาพประกอบ ผู้มีลายเส้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และปัณพัท เตชเมธากุล หรือยูน ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่มีผลงานออกแบบร่วมกับแบรนด์เนมระดับโลกอย่างกุชชี่ ถึงเทรนด์การแต่งบ้านในปี 2565 ว่าจะมีทิศทางอย่างไร

เทรนด์แต่งบ้าน 2565 ในมุมครูปาน และยูน - ปัณพัท

ครูปาน - สมนึก คลังนอก
ครูปาน - สมนึก คลังนอก

...

“เทรนด์การแต่งบ้านปี 2565 ของครูปาน คือการเป็นตัวของตัวเอง เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบแบบมินิมอล บางคนชอบเอาธรรมชาติมาไว้ในบ้าน บางคนที่ทำงานที่บ้านก็แต่งบ้านเป็นออฟฟิศ มันต้องมีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าอยู่บ้านแล้วมีความสุข โดยส่วนตัวครูปานเองเป็นคนที่ไม่ใช่สไตล์มินิมอล จึงมีรูปติดบ้านเยอะเพราะเราเป็นคนทำงานวาดรูปจึงชอบให้มีรูปติดประดับไว้ สไตล์ของครูปานคือความสนุกสนาน เป็นตัวตนของเรา เป็นไลฟ์สไตล์ของเราที่ชอบความสนุกสนาน เราเลือกที่จะหยิบความสุขมาใส่ตัว เป็นการนำความสุขมาอยู่ในบ้าน เพราะเราอยากให้บ้านมีแต่ความสุข” ครูปาน เล่าถึงการแต่งบ้านที่สะท้อนตัวตนผู้อาศัย

ยูน - ปัณพัท เตชเมธากุล
ยูน - ปัณพัท เตชเมธากุล

ส่วนทางด้าน ยูน - ปัณพัท มองว่าการนำธรรมชาติเข้ามาร่วมตกแต่งบ้านจะเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจในปีนี้ “ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเราจะติดกับโควิดมากๆ ปกติแล้วเทรนด์จะเป็นการเปิดโลกใหม่ๆ ให้เห็นมุมมองการใช้ชีวิตมากขึ้น เป็นการหลีกหนีออกจากภาวะที่รู้สึกกดดัน ซึ่งเทรนด์ที่ยูนรู้สึกว่ามีอิทธิพลกับเรามากๆ คือการนำธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเราแทบไม่ได้ออกจากบ้านเลย ทำให้เราไม่สามารถออกไปชาร์จพลังจากธรรมชาติได้เหมือนเดิม ทำให้ยูนรู้สึกว่ารูปทรงที่เป็นธรรมชาติ อย่างไม้ หิน หรือลวดลายของไม้ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยมีความโมเดิร์นที่เรียบง่ายเข้ามาผสม เพราะการที่เราไม่ได้ออกไปไหนมา 2 ปี การนำเอาธรรมชาติเข้ามาที่บ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราผ่อนคลายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความยั่งยืน เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ต้องมีคุณภาพดี ใช้งานได้ยาวนาน ไม่เน้นที่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว”

เมื่อถามถึงมุมโปรดของบ้านที่ให้ความสำคัญที่สุด สำหรับยูนคือ “ห้องทำงาน” เพราะตั้งแต่มีโควิดและได้ Work from Home ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น จึงต้องรีโนเวตบ้านใหม่และทำห้องทำงานที่เป็นสตูดิโอไปพร้อมกัน ซึ่งนอกจากใช้ทำงานแล้วยังเป็นพื้นที่ส่วนตัวให้ได้ใช้เวลากับตัวเองในการคิดถึงเรื่องราวต่างๆ อีกด้วย

ด้านครูปานเองก็ให้ความสำคัญกับห้องทำงานเช่นกัน เพราะเป็นพื้นที่ที่ได้ใช้เวลามากที่สุด นอกจากนี้ยังมีห้องนั่งเล่นเป็นมุมโปรดของบ้าน เพราะเป็นศูนย์รวมแห่งความสุขที่ทุกคนในครอบครัวมาใช้พื้นที่นี้ทำกิจกรรมร่วมกันมากที่สุด

เติมความสุขให้ชีวิตด้วยการแต่งบ้านให้น่าอยู่

คอลเลกชัน “The Power of Positivity Series”
คอลเลกชัน “The Power of Positivity Series”

และเมื่อเร็วๆ นี้ ทั้ง 2 คนได้มีโอกาสร่วมงานกับโมเดอร์นฟอร์ม ออกแบบเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในคอลเลกชั่น “The Power of Positivity Series” ที่นำศิลปะเข้ามาอยู่ร่วมกับการใช้ชีวิตเพื่อแต่งเติมบ้านให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยครูปาน ได้ใช้แนวคิดความสุขเกิดขึ้นได้รอบๆ ตัว แม้ในวันที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ผ่านคาแรกเตอร์ “Happy Girl with Friends” ภาพวาดของเด็กผู้หญิงที่มองโลกสดใส พร้อมลายจุดที่เพิ่มความสนุกสนาน

...

คอลเลกชัน “The Power of Positivity Series”
คอลเลกชัน “The Power of Positivity Series”

ขณะที่ยูนได้ใช้แนวคิดของการสร้างมุมเล็กๆ ภายในบ้านให้เป็นพื้นที่เพิ่มพลังให้ตัวเอง ด้วยการดึงธรรมชาติให้เข้ามาอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น สร้างพื้นที่ส่วนตัว หรือมุมผ่อนคลาย เพื่อพร้อมสำหรับการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ

แนะมือใหม่หัดแต่งบ้าน เริ่มจากสิ่งใหญ่ไปหาสิ่งเล็ก

สำหรับมือใหม่หัดแต่งบ้าน หรือคนที่อยากเริ่มแต่งบ้านแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ทั้งครูปานและยูน ได้คิดเห็นตรงกันว่า “ควรเริ่มต้นจากสิ่งใหญ่ไปหาสิ่งเล็ก” นั่นคือให้มองที่ภาพรวมของแต่ละห้องก่อนว่าควรมีเฟอร์นิเจอร์ใดเป็นชิ้นหลักที่ต้องใช้งานเป็นอันดับแรก ให้เริ่มจากสิ่งนั้นแล้วค่อยเติมของอื่นๆ ที่สำคัญรองลงมาเพิ่มเติมลงไป เช่น สีของห้อง ให้เลือกจากสีที่ชอบและรู้สึกว่าเป็นสีที่อยู่แล้วมีความสุข จากนั้นก็เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องใช้งาน ห้องนอนคือเตียง ห้องรับแขกคือโซฟา ห้องทานข้าวคือโต๊ะอาหาร จากนั้นค่อยมาคิดถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นรองและของตกแต่งที่อยู่ในห้องนั้นๆ ตามมาทีหลัง

...

ภาพวาดของครูปานที่นำมาใช้ตกแต่งบ้าน
ภาพวาดของครูปานที่นำมาใช้ตกแต่งบ้าน

ส่วนเรื่องสไตล์การตกแต่ง ครูปานได้ให้ความเห็นว่าควรเลือกจากความรู้สึกของตนเองเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องตามทฤษฎีเสมอไป

“เอาแค่ว่าเลือกมาใช้ด้วยกันแล้วทำให้เราอยู่สบาย ลองใช้ความรู้สึกเยอะๆ ให้อยู่บ้านแล้วรู้สึกดีที่ได้มองการแต่งบ้านของเรา บางอย่างอาจจะดูไม่ค่อยเข้ากันแต่เมื่อนำมาวางรวมกันแล้วกลับเข้ากันได้ ก็เหมือนคนเราที่แตกต่างกัน แต่เมื่อมารวมกันแล้วกลับเข้ากันได้ ดังนั้นทุกคนก็ชอบสไตล์ไม่เหมือนกัน” ครูปานทิ้งท้าย.