ในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากสารพัดปัญหาเรื่องราวที่วุ่นวายในแต่ละวัน การได้นั่งลงแล้วเปิดเพลย์ลิสต์ฟังเสียงธรรมชาติอย่างเสียงสายลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงน้ำตก หรือเสียงคลื่นทะเล เสียงนกร้องในยามเช้า กลับช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

คุณพิชชากร นภาพรพิพัฒน์ นักดนตรีบำบัด โรงพยาบาล BMHH เผยว่ามีผลการศึกษาทางการแพทย์ชี้ให้เห็นว่า การฟังเสียงจากธรรมชาติเพียง 10-15 นาทีต่อวัน สามารถช่วยลดระดับความเครียดได้อย่างมีนัยสำคัญ

โดยร่างกายจะตอบสนองด้วยการลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด ปรับสมดุลการเต้นของหัวใจ และกระตุ้นการผลิตสารเซโรโทนินที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข

วิธีนำเสียงธรรมชาติมาใช้ในชีวิตประจำวัน:

1. ฝึกฟังอย่างตั้งใจ:

หาเวลาในแต่ละวันนั่งฟังเสียงธรรมชาติรอบตัว อาจเป็นช่วงเช้าตรู่ที่มีเสียงนกร้อง หรือยามเย็นที่ได้ยินเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ ฟังอย่างตั้งใจโดยไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์หรือตัดสิน

หยุดพักใจ ให้เสียงธรรมชาติช่วยผ่อนคลายความเครียด

2. สร้างธรรมชาติในบ้าน:

...

จัดมุมสงบในบ้านด้วยการติดตั้งน้ำพุขนาดเล็ก แขวนกระดิ่งลม หรือปลูกไผ่ที่ใบไหวเมื่อต้องลม เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายในพื้นที่ส่วนตัว

3. ใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด:

เลือกฟังเสียงธรรมชาติผ่านแอปพลิเคชันที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการสมาธิหรือก่อนนอน

แต่ละเสียงมีคุณสมบัติพิเศษต่างกัน:

  • เสียงคลื่นทะเล: สร้างจังหวะที่ช่วยให้จิตใจสงบ เหมาะสำหรับการนอนหลับ
  • เสียงป่าและนก: กระตุ้นความกระปรี้กระเปร่า เหมาะสำหรับเริ่มต้นวันใหม่
  • เสียงสายฝน: ช่วยเพิ่มสมาธิ เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความจดจ่อ
  • เสียงลำธาร: สร้างความรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับช่วงพักระหว่างวัน
ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ทั้งนี้ความรู้สึกต่างๆ ที่ได้จากการฟังเสียงธรรมชาตินั้นแตกต่างกันออกไป แล้วแต่ละบุคคล เลือกฟังเสียงที่เหมาะกับตัวเอง โดยสังเกตว่าเสียงใดที่ทำให้รู้สึกสบายใจที่สุด และนำมาใช้อย่างสม่ำเสมอ แม้จะดูเป็นเรื่องเรียบง่าย แต่การฟังเสียงธรรมชาติอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราก้าวผ่านความเครียดและความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันได้อย่างน่าประหลาดใจ