องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โรคอหิวาตกโรคเป็นภาวะฉุกเฉินครั้งใหญ่ หลังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทั่วโลก มีความจำเป็นต้องดำเนินการหยุดการแพร่ระบาดทันที ซึ่งสถานการณ์อหิวาตกโรคในประเทศไทย พบการระบาดของโรคเป็นระยะในบางพื้นที่ แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต โดยการป้องกันที่สำคัญคือการปรับปรุงระบบน้ำและระบบสุขอนามัยให้สะอาด รวมถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการระบาด

อหิวาตกโรคเกิดจากอะไร

พ.ญ.วรินทิพย์ มหาพสุธานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า อหิวาตกโรคเป็นโรคติดเชื้อในลำไส้ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae ซึ่งเชื้อชนิดนี้สามารถผลิตสารพิษที่เรียกว่า Cholera toxin สารพิษนี้จะกระตุ้นให้ลำไส้หลั่งน้ำและเกลือแร่ออกมาในปริมาณมาก ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงและมีภาวะขาดน้ำ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วผ่านทางการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ มักพบในพื้นที่ที่ขาดสุขอนามัยหรือมีปัญหาด้านการจัดการน้ำ

สาเหตุและปัจจัยโรคอหิวาตกโรคเกิดจากการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ Vibrio cholerae เช่น

  • น้ำดื่มที่ไม่สะอาด
  • อาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่
  • อาหารทะเลที่ปนเปื้อน เช่น อาหารทะเลดิบหรือปรุงไม่สุกจากแหล่งน้ำปนเปื้อน, มีสุขอนามัยที่ไม่ดี, สัมผัสกับอุจจาระที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ระบบสุขาภิบาลแย่ เช่น มีการขับถ่ายกลางแจ้ง และแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน สาเหตุเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคอหิวาตกโรคได้

...

อีกทั้งยังพบปัจจัยเสี่ยงเพิ่มโอกาสการติดเชื้ออีก เช่น อยู่ในพื้นที่ระบาดของโรค รับประทานอาหารและดื่มน้ำที่อาจปนเปื้อนในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงกลุ่มคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำอย่างเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

ทั้งนี้ เชื้ออหิวาตกโรคมีระยะฟักตัวตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง ไปจนถึง 5 วัน โดยเฉลี่ยมีระยะฟักตัวประมาณ 2-3 วัน

อาการของอหิวาตกโรค

อาการของอหิวาตกโรคมีตั้งแต่ไม่มีอาการเลยไปจนถึงอาการรุนแรง เช่น

  • ท้องร่วงอย่างรุนแรง
  • ถ่ายเหลว
  • อุจจาระลักษณะเป็นน้ำข้าว
  • อาจมีอาเจียนร่วมด้วย ทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรวดเร็ว
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • ในรายที่รุนแรงอาจเกิดอาการช็อกได้

นอกจากนี้ผู้ติดเชื้อบางส่วนที่แสดงอาการน้อยหรือไม่แสดงอาการก็สามารถแพร่เชื้อต่อได้

วิธีรักษาอหิวาตกโรค

การรักษาหลักของโรคอหิวาตกโรคคือการป้องกันภาวะขาดน้ำ การทดแทนของเหลวและเกลือแร่ที่สูญเสียไปจากการท้องเสียและอาเจียน รวมถึงการกำจัดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย

  • การให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่เพื่อทดแทนของเหลวและเกลือแร่ที่สูญเสีย
  • การใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดระยะเวลาการป่วย

แนวทางป้องกันการติดเชื้อ

  • ล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนการรับประทานอาหารและหลังออกจากห้องน้ำ
  • ดื่มน้ำสะอาดที่ผ่านการต้มหรือระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำแข็งที่ไม่ได้ผลิตจากน้ำสะอาด
  • ทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด
  • กำจัดสิ่งปฏิกูลมูลฝอยให้ถูกต้องมิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน
  • หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารและน้ำข้างทางในพื้นที่เสี่ยง ควรพกน้ำดื่มบรรจุขวด
  • หากมีอาการท้องเสียควรดื่มน้ำมากๆ และดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่
  • ฉีดวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคในกลุ่มคนที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค

สิ่งสำคัญคือการดูแลสุขอนามัยเป็นหลัก การจัดการแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากโรคอหิวาตกโรคแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน หากมีอาการถ่ายเหลวเฉียบพลันและมีอาการอาเจียนร่วมด้วย ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของโรคและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น