นอกจากการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมจะเป็นเทรนด์สำคัญในปี 2568 แล้ว เรื่องเทรนด์ความงามก็ยังให้ความสำคัญที่เรื่องนี้เช่นกัน โดยเฉพาะการป้องกันก่อนการรักษา ที่ให้ผลลัพธ์ความงามแบบยั่งยืน

ผลสำรวจจาก Global Beauty and Personal Care Trends 2025 ของ MINTEL เผยว่าจากแนวโน้มระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความใส่ใจในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์และบิวตี้รูทีนมากขึ้น โดยผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับการ “ป้องกัน” มากกว่าการซ่อมแซม พร้อมเปิดรับความเรียบง่าย

โดยการเริ่มต้นกิจวัตรการดูแลตนเองตั้งแต่วัยหนุ่มสาว มุ่งเน้นในการสรรหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเอง มีประสิทธิภาพผ่านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์และมีนวัตกรรมที่น่าเชื่อถือ ใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ได้จริงมากขึ้น พร้อมเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมควบคู่ไปกับสุขภาพจิตใจที่ดี และการมีผิวสุขภาพดีในระยะยาว

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

สอดคล้องกับผลสำรวจจาก Euromonitor International ที่รายงานว่าผู้คนมีความตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนกิจวัตรการดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะมีชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้นและยืนยาวขึ้น

...

ในขณะเดียวกัน Statista เผยสถิติที่น่าสนใจว่า ตลาดความงามและตลาดผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2568-2572 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3.07% ต่อปี โดยเฉพาะในหมวดคลีนบิวตี้ (Clean Beauty) ที่รวมถึงเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย ที่ปราศจากสารเคมีรุนแรงจะได้รับความนิยมในปีหน้า

จากเทรนด์ดังกล่าว สอดคล้องกับคำแนะนำจากเภสัชกรของบู๊ทส์ ประเทศไทย โดย ภญ.ณัฏฐณิชา รัตนสุมาวงศ์ แนะเคล็ดลับสุขภาพดีรับปีใหม่ว่า

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

“เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม แนะนำให้ใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว พร้อมกับปกป้องผิวด้วยการใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกัน UVA & UVB โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว แดดยิ่งแรงเป็นพิเศษ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ จะยิ่งช่วยให้ครีมกันแดดมีประสิทธิภาพ ทั้งบำรุงและปกป้องในเวลาเดียวกัน ในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 สูง ควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจด โดยใช้คลีนซิ่งที่ช่วยทำความสะอาด ขจัดสิ่งสกปรกบนผิวได้อย่างล้ำลึก แต่ยังคงอ่อนโยนต่อสภาพผิว ควรใส่หมวกและหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันแสงแดดและฝุ่น รวมถึงพกสเปรย์น้ำแร่สำหรับฉีดหน้าไว้เติมความชุ่มชื้นให้ผิวระหว่างวัน”

สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เชื่อถือได้ผ่านการทดสอบทางคลินิก หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม และสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกัน

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

นอกจากนี้ ยังแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นทานผักผลไม้ หรือสามารถเสริมด้วยการทานวิตามินซีชนิดเม็ด 500-1,000 มก./วัน เพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-5 วัน

สำหรับนักเรียนและวัยทำงาน ควรรับประทานวิตามินดีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยโดนแดด เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกและภูมิคุ้มกัน และโอเมก้า 3 เพื่อช่วยบำรุงสมองและหัวใจ เสริมความจำและการดูแลสุขภาพของหัวใจในระยะยาว