สร้างชื่อเสียงจากการบุกเบิกนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้พัฒนาวงการแพทย์ผิวหนังเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “นายแพทย์วิชัย หงส์จารุ” จนได้รับฉายา “มือปราบสิว” แพทย์คนแรกของโลกที่ค้นพบเทคนิคการรักษาสิวให้หายขาดด้วยแสงโฟโตไดนามิกส์ (PDT) กลายเป็นต้นแบบของการรักษาสิวเปี่ยมประสิทธิภาพที่สุดมาถึงปัจจุบัน ล่าสุด คุณหมออารมณ์ดีเปิดคลินิก “Dr.Wichai Clinic” ให้ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้พูดคุยแบบเจาะลึกถึงเรื่องสิวไม่ขี้ประติ๋ว และความสวยในอุดมคติทุกแง่มุม

คนไทยประสบปัญหาอะไรมากที่สุด

คนไทยมีปัญหาเรื่องสิวมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยรอยแดงที่เกิดขึ้นหลังจากเป็นสิวเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในหมู่วัยรุ่นไทย ผมตั้งใจศึกษาวิจัยเรื่องนี้โดยตรง จนค้นพบเทคนิคใหม่นำเลเซอร์สำหรับรักษาปานแดง “Vbeam” มาใช้รักษารอยแดงจากสิวเป็นคนแรกของโลก ผลวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารภายในของบริษัท “Candela” ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกด้านเลเซอร์ และปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในการนำไปรักษาแผลเป็นและหลุมสิว โดยมีผลการวิจัยตีพิมพ์สนับสนุนตามมาจากทั่วโลก

...

คุณหมอสร้างตำนานรักษาสิวอย่างไรจนได้ฉายา “มือปราบสิว”

ตอนได้รับทุน “ฮาร์วาร์ด สกอลาร์ โปรแกรม” จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และกระทรวงพลังงานของอเมริกา ให้ทำการวิจัยและศึกษาด้านแสงสำหรับการรักษาโรคผิวหนัง ผมค้นพบแนวทางการรักษาสิวด้วยแสง “โฟโตไดนามิกส์” (PDT) ซึ่งผลงานวิจัยถูกนำไปตีพิมพ์ในวารสารแพทย์ “เจอร์นัล ออฟ อินเวสติเกทีฟ เดอร์มาโทโลจี” และตั้งแต่นั้นก็มีการนำเทคนิคการรักษาสิวด้วยแสง PDT มาใช้อย่างแพร่หลาย พร้อมต่อยอดมาพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพการรักษาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับความนิยมในหลายประเทศ ทั้งในกลุ่มของอเมริกา, ญี่ปุ่น และเกาหลี

อะไรคือหลักการทำงานของ PDT ที่ปราบสิวได้อยู่หมัด

ปกติเชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิวจะสามารถผลิตสารไวแสงชนิดหนึ่ง เมื่อทำปฏิกิริยากับแสงความถี่ที่เฉพาะเจาะจง (แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดง) จะเกิดปฏิกิริยา “โฟโตไดนามิกส์” มาทำลายตัวแบคทีเรียเอง การฉายแสงจะทำปฏิกิริยากับสารไวแสง โดยมีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการเกิด PDT สาเหตุที่ PDTได้รับความนิยมไปทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 10 ปี เพราะเป็นทางออกที่สามารถทำให้สิวหายขาด และทำให้ต่อมไขมันฝ่อได้ถาวร ในระยะหลังยังมีเครื่องเลเซอร์หลายชนิดถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้หลักการ PDT อาศัยสารไวแสงจากธรรมชาติที่อยู่ในตัวเชื้อสิวเอง

ปัจจุบันนวัตกรรมความงามพัฒนาก้าวล้ำไปขนาดไหน

ผมชอบทำงานวิชาการ และสนุกกับการคิดค้น “parameter” ใหม่ๆจากเครื่องมือที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาคนไข้ หลายนวัตกรรมที่นำมารักษาเป็นการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆของโลก ล่าสุด ได้มีการใช้เครื่อง “AviClear” เป็นเครื่องเลเซอร์ ความยาวคลื่น 1726 นาโนเมตร จากบริษัท Cutera, Inc ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับความรุนแรง (all acne severities : mild, moderate and severe) โดยเลือกจับเป้าหมายบริเวณต่อมไขมัน (Sebaceous glands) ด้วยความยาวคลื่นและระดับพลังงานที่เหมาะสม ได้รับรางวัลเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยต่อผิวผู้เข้ารับการรักษาในทุกระดับสีผิว และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาว่า มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษาสิวในทุกระดับความรุนแรง โดยมาตรฐานผลลัพธ์ของการรักษาคงอยู่อย่างยาวนาน ขณะที่ผ่านการรับรองจาก Health Canada ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว ตรงนี้ถือเป็นก้าวกระโดดของวงการแพทย์ผิวหนัง

คร่ำหวอดในวงการหลายทศวรรษ มีเคล็ดลับรักษาชื่อเสียงอย่างไร

ผมว่างานดูแลผิวพรรณเป็นศาสตร์และศิลป์ ส่วนเทคโนโลยีก็เป็นส่วนหนึ่ง หลักการของผมคือเป็นแบบค็อกเทลไม่มีสูตรตายตัว ทุกอย่างต้องประกอบกันจากหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เวลารักษาคนไข้ ผมให้ความสำคัญกับการเลือกประเภทของเครื่องมือและทรีตเมนต์ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคลมากที่สุด ผมจะสรรหาเทคโนโลยีดีที่สุดมาใช้ เพื่อพัฒนาให้เกิดผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับคนไข้ โดยจะเน้นความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง และต้องปราศจากผลข้างเคียง

ช่วยขยายความคำว่าสวยอย่างปลอดภัยสไตล์หมอวิชัย

...

สำหรับผมการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มคลื่นพลังงานปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าจะเป็น อัลตราซาวด์, เลเซอร์, RF และ Fraxel หลักสำคัญคือต้องใช้อย่างถูกต้อง ใช้ในสัดส่วนที่เหมาะสม และใช้ให้ถูกกับสภาพปัญหาที่แท้จริง ทั้งนี้ เป็นเรื่องฝีมือของหมอล้วนๆ ถ้าเจอหมอเก่งๆทำแล้วต้องสวยกว่าเดิม ไม่มีแย่กว่าเดิมแน่นอน

คลินิกห้องแถวเกิดขึ้นราวดอกเห็ด คุณหมอฝากเตือนอะไรไหม

สมัยก่อนผมเป็นคนไม่ชอบโบทอกซ์ แต่เกิดจุดเปลี่ยนในระยะหลัง เพราะปัจจุบันการผลิตโบทอกซ์มีความบริสุทธิ์ Purified มากยิ่งขึ้น ทำให้การฉีดโบทอกซ์ยุคใหม่มีความอ่อนโยนดูไม่แข็งกระด้าง อีกทั้งทำให้ลดการดื้อต่อโบทอกซ์เมื่อฉีดไประยะเวลานาน ส่วนสิ่งที่ผมไม่เอาแน่ๆคือ “ฟิลเลอร์” เพราะมีโอกาสตาบอดได้ ถึงแม้จะฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีหลายบทวิจัยบ่งชี้ว่า “ฟิลเลอร์” ทำให้คนตาบอด ผมไม่เอาชื่อเสียงมาเสี่ยงเด็ดขาด เพราะไม่ปลอดภัยต่อคนไข้ ในอังกฤษทำวิจัยเรื่องอันตรายจากการฉีดสารพวกนี้แล้วทำให้ตาบอด ค้นพบว่า ในจำนวน 190 คน มีถึง 43% ตาบอดจากการฉีดไขมันหน้า, 23% ตาบอดจากการฉีดสารเติมเต็ม HA ส่วนที่เหลือตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์ งานประชุมทั่วโลกเริ่มกังวลถึงผลข้างเคียงของฟิลเลอร์แล้ว เรื่องนี้ผมต้องบอกให้คนไทยได้รู้ ต้องให้ความรู้กับประชาชนมากที่สุด การฉีดฟิลเลอร์ต่อเนื่องระยะยาวจนคางย้อยแก้มตุ่ยเป็นก้อนๆ ทำให้เกิดภาวะโอเวอร์ฟิลซินโดรม ฉีดแล้วต้องเติมบ่อยๆ กลายเป็นเพิ่มมวลสารให้ใบหน้า ถ้าหมอคนไหนบอกว่าฉีดแล้วสลายได้เอง อย่าไปเชื่อเด็ดขาด เพราะสสารไม่มีวันหายไป ฉีดมวลสาร 100 กรัม เท่ากับหมู 1 ขีด ฉีด 3 ครั้ง เท่ากับมีหมู 3 ขีดบนใบหน้า คอลลาเจนน้อยๆ ของคุณไม่มีการหดตัว แล้วยังต้องมาแบกหมูอีก 3 ขีด หน้าไม่มีทางเรียวเล็กลง มีแต่จะหน้าใหญ่บวมตุ่ยขึ้น หลายคนยังเสพติดฟิลเลอร์ และไม่เห็นพิษภัยของมัน ผมจึงต้องออกมาเตือน!!

...

แบบไหนคือความสวยแพงในอุดมคติคนยุคใหม่?

อยากให้คนไทยเปลี่ยนมายด์เซ็ตใหม่ว่า ความสวยในอุดมคติที่ถูกต้องคือการมีผิวสวยผิวดีผิวฉ่ำ ไม่ใช่แข่งกันสร้างกรอบหน้าชัด ทำหน้าวีเชฟคางแหลมเหมือนเกาหลี แบบนั้นโหงวเฮ้งเสียหมด ดูอย่างพระมเหสีจักรพรรดิส่วนใหญ่หน้ากลมและหน้าเหลี่ยมทั้งนั้น นั่นคือความสวยแพงในอุดมคติ อีกอย่างความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อยากสวยอย่าติดที่เครื่องไม้เครื่องมือ เราไปหาช่างตัดผมเราไม่ได้ไปหาที่กรรไกร สำคัญที่สุดเวลาไปหาหมอต้องเชื่อใจหมอ แค่บอกว่าอยากได้อะไร แล้วปล่อยให้หมอเป็นคนเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด รับรองว่าสวยแพงแน่นอน.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่