อาการของลองโควิด เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้ว ไม่ว่าจะรุนแรงหรืออาการน้อยนิดก็ตาม และปรากฏได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว โดยเรียกกันว่าเป็นลองวัคซีน หรือลองแวกซ์ (long vax) และอาการดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสามเดือนและทอดยาวเป็นปี
โดยออกมาในรูปแบบของ เหนื่อยแม้กระทั่ง เวลาจะเดินยังเดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำเตี้ย จิตอารมณ์ สมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ กระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เกิดความบกพร่องทางฮอร์โมน การควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ กลไกของการแพ้ภูมิตนเอง ชา เจ็บแสบ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริวตามมือ แขน ขา และส่วนต่างๆของร่างกาย,มีผื่นตุ่มหนอง ผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ ลูกตาเปลือกตาหนังตาเจ็บแสบ ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้นลำคอ ระบบป้องกันเชื้อโรคบกพร่อง หลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือเกิดเสียชีวิตกะทันหัน ทั้งๆที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตาม เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย จริงหรือวัคซีนโควิดที่ว่าจะสามารถลดอาการของลองโควิด
...
การศึกษานี้รายงานในวารสาร open Forum Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารทางการของสมาคมโรคติดเชื้อของอเมริกา (IDSA) และสมาคม HIV เดือนกันยายนจากคณะทำงาน Mayo Clinic
สาระสำคัญนั้นอยู่ที่การรายงานก่อนหน้านี้พบว่าการฉีดวัคซีนนั้น สามารถลดอัตราที่จะเกิดลองโควิดได้ แต่ข้อจำกัดก็คือรายงานเหล่านี้ เป็นการสืบจากอาการสอบถาม ซึ่งอาจทำให้คลาดเคลื่อน แต่การศึกษานี้เป็นการยืนยันจากแพทย์ที่ได้ทำการวินิจฉัย วิเคราะห์และมีบันทึกทางการแพทย์เป็นอิเล็กทรอนิกส์
การวิเคราะห์นี้ทำจากข้อมูลของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโควิดจำนวนทั้งหมด 41,000 ราย และใช้โมเดลทางสถิติ multi variable logistic regression เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะการเกิดลองโควิด ทั้งนี้ โดยการควบคุมตัวแปรทั้งหมด เช่น อายุ เพศ เชื้อชาติ และโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ผลการศึกษาสามารถยืนยันและสรุปได้ชัดเจนว่าไม่มีความแตกต่างในการเกิดภาวะ ลองโควิด หรือที่เรียกอีกชื่อในทางการแพทย์ post acute sequelae of COVID-19 (PASC) ในระหว่างกลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA สองเข็มและกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสองเข็มและต่างกับรายงานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนที่สรุปว่าภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพหรือโรคประจำตัวก่อนที่ได้รับวัคซีน
ทั้งนี้ ปรากฏว่าผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะมี 6.9% ที่พัฒนาการเกิดภาวะ ลองโควิด และประการที่สำคัญยังพบว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ป้องกันภาวะการเกิดลองโควิด ไม่ว่าเชื้อที่แพร่กระจายในขณะนั้นจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้งอัลฟ่า เดลต้าและโอไมครอน แต่มีข้อสังเกตว่าในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะเกิดภาวะลองโควิดต่ำกว่า ดังนั้นสามารถที่จะได้หลักฐานข้อมูลว่าวัคซีนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันการติด การแพร่ การพัฒนาการเกิดอาการหนัก รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการเกิดลองโควิดด้วย
และที่สำคัญก็คือตัววัคซีนเองนั้นยังทำให้เกิดภาวะลองวัคซีนได้ โดยมีอาการเหมือนกับลองโควิดทุกประการ.
หมอดื้อ
คลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม