กล่าวกันว่าหนึ่งในเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิตของใครหลายคน โดยเฉพาะกับคนที่เคยใส่แว่นตานั้นคือการทำ “เลสิก” ซึ่งในบางครั้งเราอาจเคยสัมผัสด้วยตัวเองกันมาแล้ว เมื่อได้เห็นคนใกล้ตัวที่ไปทำเลสิกมาแล้วชีวิตของเขาดูสะดวกสบายขึ้นมาก แว่นตากลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น สามารถทำกิจกรรมสุดเหวี่ยงได้แบบไร้กังวล จนบางครั้งเราเองก็อาจเคยคิดอยากจะลองไปทำด้วยเหมือนกัน

ทว่าเมื่อพูดถึงการทำเลสิก หลายคนอาจมีคำถามมากมายขึ้นมา โดยเฉพาะความกังวลใจเมื่อลองจินตนาการไปว่ามันคือการผ่าตัดที่ดวงตาซึ่งก็ชวนให้น่าหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย ไหนจะเรื่องการดูแลตัวเองหลังทำ กรณีเราเป็นคนแกร่งใช้ชีวิตเพียงลำพัง จะเดินทางไป-กลับอย่างไร หรือแม้แต่เรื่องของการพักรักษาตัวก็ต้องคิดหนัก เพราะบางทีที่ทำงานเราก็อาจจะไม่อนุญาตให้หยุดยาวขนาดนั้น หรืออาจจะกล่าวได้ว่าแม้จะสนใจ แต่ยังคงมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องคิดหนัก

อย่างไรก็ตาม หากมีโรงพยาบาลที่ออกแบบบริการมาอย่างครบครันเพื่อช่วยทำให้ทุกสิ่งที่เรากังวลใจกลายเป็นศูนย์ล่ะจะเป็นอย่างไร?

โอกาสนี้ไทยรัฐออนไลน์ขอพาไปทำความรู้จักกับ “โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ สุขุมวิท 62” โรงพยาบาลที่เกิดจากความตั้งใจที่จะ “แตกต่าง” เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลรักษาที่ตอบโจทย์และตรงกับวิถีชีวิตผู้คนมากที่สุด โดยศูนย์เลสิกของรพ.แห่งนี้ที่มีชื่อว่า “Ruamjairak Lasik Super Center” ก็ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความมุ่งมั่นดังกล่าวอย่างแท้จริง

“Ruamjairak Lasik Super Center” ศูนย์เลสิกที่ตอบโจทย์ทุกวิถีชีวิต

“โรงพยาบาลรวมใจรักษ์เป็นโรงพยาบาลที่ก่อตั้งมาด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอแนวความคิดใหม่ ๆ ของการดูแลสุขภาพ ซึ่งสิ่งที่เรามองมาตลอดเวลาก็คือการแพทย์ปัจจุบันที่เป็นมาจนถึงวันนี้ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเนี่ยมันเป็นยังไง”

คุณอภิรักษ์ อภิสารธนรักษ์ กรรมการบริษัท กรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ เล่าให้เราฟังในเบื้องต้นเกี่ยวกับที่มาของการก่อตั้งโรงพยาบาลก่อนจะกล่าวต่อไปว่า โลกทุกวันนี้มีความรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วทุกวินาที ขณะเดียวกันเทคโนโลยีดิจิทัลก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผู้คนทั่วโลกจนทำให้กระบวนการเกิดโรคในยุคใหม่นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของการติดเชื้อ แต่ยังรวมไปถึงโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งในอนาคตจะยิ่งมีผู้ป่วยจากโรคลักษณะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นมหาศาล เหตุนี้โรงพยาบาลจึงก่อตั้งขึ้นในฐานะหน่วยบริการตติยภูมิ (Tertiary Care) ที่มุ่งส่งมอบการดูแลแบบที่ให้ “ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง” เพื่อการรักษาที่ครอบคลุมในทุก ๆ ด้านและทุก ๆ โรค หรืออาจกล่าวได้ว่าการเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลรวมใจรักษ์จะไม่ใช่เพียงการรักษาโรคเฉพาะทาง แต่จะได้รับการตรวจวินิจฉัยเพื่อดูแลร่างกายได้ตรงจุด

ด้วยแนวคิดดังกล่าว สิ่งที่ตามมาคือการมองหาช่องทางพัฒนาขีดจำกัดในการดูแลรักษาโรคที่เกิดจากพฤติกรรม ท้ายที่สุดก็ได้พบว่าอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของผู้คนยุคใหม่คือการมีภาวะสายตาบกพร่อง ซึ่งได้แก่ สั้น ยาว เอียง ซึ่งสิ่งนี้นับว่าสอดคล้องไปกับการมีบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทำให้ผู้คนต้องใช้สายตามากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างมาก โดย WHO ได้คาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2050 จำนวนครึ่งหนึ่งของประชากรโลกจะมีปัญหาสายตา ด้วยข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นที่มาของลงทุนพัฒนาศูนย์จักษุของโรงพยาบาลให้มีศักยภาพมากขึ้นในการตอบโจทย์ของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยความร่วมมือกับ บริษัท ฟิลเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ 1994 จำกัด (มหาชน) โดยมีการตั้งชื่อว่า “Ruamjairak Lasik Super Center” และได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา

“Your Eyes Deserve the Best” เพราะเราเชื่อว่าดวงตาของคุณต้องการการดูแลที่ดีที่สุด

แม้ Ruamjairak Lasik Super Center จะเป็นศูนย์บริการแก้ไขสายตาเปิดใหม่ ทว่า “คุณภาพ” ที่อัดแน่นอยู่ภายในนั้นเรียกว่าเปี่ยมล้น ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่าง 3 ปัจจัยสำคัญคือความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการที่ดีที่สุด (Best Care), บุคลากรทางการแพทย์ที่เก่งกาจ (Best Doctors) และเทคโนโลยีล้ำสมัยจากประเทศเยอรมนีโดยบริษัทฟิลเทค (Best Technology) โดยทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการสามารถมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยให้มีทางเลือกในการทำเลสิกที่หลากหลาย ตอบทุกโจทย์ปัญหาสายตา เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ “Your Eyes Deserve the Best” ที่เชื่อว่าดวงตาของคุณต้องการการดูแลที่ดีที่สุด

“Ruamjairak Lasik Super Center ของเราให้การบริการเลสิกคุณภาพสูง คือเลสิกเนี่ยมันเป็นวิธีการใช้เลเซอร์รักษาปัญหาสายตาที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ในยุคสมัยก่อนจะใช้วิธีการที่เรียกว่า PRK ต่อมามีสิ่งที่เรียกว่า FEMTO และล่าสุดก็มีเทคโนโลยี SmartSight (ReLEx) ที่ผู้เข้ารับบริการจะมีรอยแผลในการทำเพียง 2-3 มิลฯ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกรีดรอบ ๆ กระจกตาอีกต่อไป ทำให้สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว บางครั้งพักฟื้นเพียงวันเดียว รุ่งขึ้นหลังเปิดตาก็สามารถมองเห็นชัดได้เลยทันที ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ระดับ Top-End ในการตรวจวัดเพื่อความแม่นยำของตัวเลข เพื่อจะลิงก์ข้อมูลไปยังเครื่องทำเลสิก ซึ่งจะช่วยทำให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่มีความผิดพลาดและคลาดเคลื่อน โดยไม่ใช่ศูนย์เลสิกทุกแห่งจะมีครบทั้งอุปกรณ์และคุณหมอด้านการผ่าตัดแก้ไขสายตาเฉพาะด้านเช่นนี้” อภิรักษ์ อภิสารธนรักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของการบริการทางการแพทย์ที่ Ruamjairak Lasik Super Center ทางด้าน พญ. สาริศา ตั้งคุณชัยแสง หรือ คุณหมอสารี่ แพทย์จักษุวิทยา กระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตา ได้ให้เกียรติมาอธิบายให้เราฟังเพิ่มเติมอีกด้วยว่า

“ที่นี่เราไม่เพียงให้บริการเลสิกเท่านั้น แต่ยังดูแลผู้มีปัญหาเกี่ยวกับตาอย่างครบครัน คือเริ่มตั้งแต่การตรวจประเมินการผ่าตัด เรามีทีมดูแลที่มีคุณภาพ มีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่จบเฉพาะทางเรื่องการผ่าตัดใช้เลเซอร์แก้ไขปัญหาสายตา แล้วก็ตัวเครื่องที่เรามีอยู่ในศูนย์เลสิกเป็นเครื่องประเมินกระจกตาซึ่งเครื่องนี้เครื่องเดียวสามารถวัดทั้งความโค้ง ความหนา วัดตาแห้ง แล้วก็วัดค่าสายตาได้ด้วยในเครื่องเดียวกัน เป็นเครื่องใหม่ล่าสุดเท่าที่มีในปัจจุบัน สามารถลิงก์ออนไลน์กับอุปกรณ์อื่น ๆ ทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำ ไม่มีความผิดพลาด เพียงแป๊บเดียวเท่านั้นการผ่าตัดก็แล้วเสร็จ สำหรับผู้ที่กังวลและไม่มั่นใจ ทางเราเองก็มีทีมให้กำลังโดยจะมีการให้คำแนะนำ และอธิบายทุก ๆ กระบวนการอย่างละเอียดระหว่างเข้ารับผ่าตัด เพื่อช่วยลดความกังวลอีกด้วย”

ปัญหาสายตาแบบใดก็เข้ารับบริการที่รวมใจรักษ์ Lasik Super Center ได้

จากการมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและคุณหมอเฉพาะด้านที่มีประสบการณ์สูง ที่ Ruamjairak Lasik Super Center แห่งนี้จึงมีจุดแข็งที่สำคัญคือความสามารถในการตอบโจทย์ที่หลากหลายของผู้เข้ารับบริการ โดยคุณหมอสารี่ได้เล่าว่าทางศูนย์สามารถทำการเลสิก ได้ถึง 4 วิธีการด้วยกัน ได้แก่

SmartSurfACE (Trans PRK)

เป็นการเลเซอร์ขั้นพื้นฐานสำหรับคนที่สายตาสั้นน้อย โดยสั้นไม่เกิน 300-400 มีข้อดีคือหลังทำเสร็จผิวกระจกตาจะแทบมองไม่เห็นแผล ทำโดยการหยอดยาชาแล้วกรอผิวกระจกตาชั้นนอก จากนั้นก็ใช้เลเซอร์กรอผิวตามความโค้งที่วัดได้ เมื่อแล้วเสร็จผิวกระจกตาชั้นนอกที่กรอออกก็จะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาจนเรียบสนิทเป็นเหมือนกับกระจกตาคนปกติพร้อมด้วยค่าสายตาใหม่ วิธีนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัว 3-5 วัน แต่มีข้อดีคือไม่มีรอยแผล จึงเหมาะกับผู้สอบเข้าทหารหรือตำรวจ

SmartLasik (FEMTO)

วิธีการนี้อาจเรียกอีกอย่างได้ว่าการทำเฟมโตเลสิก มีความแม่นยำสูง และลดความเสี่ยงจากการใช้มีด มีขั้นตอนการทำคือใช้เครื่องมือเฟมโตเลเซอร์ในการเปิดฝากระจกตา จากนั้นใช้เครื่องมืออีกชนิดในการปรับความโค้งกระจกตาแล้วก็ปิดฝากลับเข้าไป วิธีการนี้มีข้อดีคือสามารถแก้ไขปัญหาสายตาสั้นได้มากถึง 1200 และแก้สายตาเอียงได้ถึง 600 หลังทำวันแรกสายตาจะชัดได้ถึง 80-90% และสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ภายใน 1- 2 วัน

SmartSight (ReLEx)

วิธีการนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังมีผู้ให้บริการไม่มาก เรียกอีกอย่างว่า “การทำเลสิกแผลเล็ก” เนื่องจากวิธีนี้จะทำการเลเซอร์ไปบนผิวกระจกตาโดยมีความกว้างเพียงแค่ 3 มิลฯ และเมื่อเวลาผ่านไปรอยแผลจะค่อย ๆ หายไปเอง มีข้อดีคือความแข็งแรงกระจกตาจะดีมากเนื่องจากไม่ต้องเปิดฝากระจกตา นอกจากนี้ยังมีภาวะตาแห้งหลังผ่าตัดน้อยที่สุด สามารถฟื้นตัวหลังผ่าตัดได้เร็ว โดยสามารถแก้ไขปัญหาสายสั้นได้ถึง 1200 และแก้สายตาเอียงได้ 600 เทียบเท่ากับวิธีเฟมโต ทั้งนี้การทำ ReLEx นับว่าเป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จากระยะเวลาพักฟื้นที่สั้น การมีรอยแผลที่เล็กมาก ๆ และความน่าเชื่อถือด้วยมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่ทั่วโลกยอมรับ

ICL

เป็นวิธีการสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาค่อนข้างมากระดับ 1000 - 2000 โดยเป็นการผ่าตัดเพื่อใส่เลนส์เสริมแก้ไขสายตา เป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยทักษะขั้นสูงจากแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาเท่านั้น ซึ่งที่ Ruamjairak Lasik Super Center ก็มีให้บริการในส่วนนี้เช่นกัน

ทั้งนี้ แต่ละคนก็จะมีวิธีการที่เหมาะสมแตกต่างกันไป ซึ่งทีมแพทย์นำโดยคุณหมอสารี่จะเป็นผู้ตรวจเช็กสภาพดวงตาก่อนที่จะนำเสนอแนวทางให้เลือก หรือในกรณีที่ดวงตามีภาวะที่มีความเสี่ยงก่อนการผ่าตัด ทาง Ruamjairak Lasik Super Center ก็จะมีการนำเสนอแนวทางการรักษาในเบื้องต้นก่อนเพื่อให้ดวงตามีความพร้อมมากที่สุด เช่น ในกรณีผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ อาจมีแนวโน้มที่จะมีภาวะตาแห้ง ซึ่งในบางโรงพยาบาลอาจจะไม่สามารถรักษาได้เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านอุปกรณ์และบุคลากร อย่างไรก็ตามที่ Ruamjairak Lasik Super Center แห่งนี้ ไม่ว่าผู้มารับบริการจะมีภาวะแบบใด คุณหมอสารี่ก็ยืนยันว่าทางโรงพยาบาลพร้อมให้การดูแล เพราะที่นี่มีหมอตาครบทุกประเภท ไม่ว่าจะ ตาแห้ง ต้อหิน ต้อกระจก หนังตาตก กระจกตาโก่ง

เช่นล่าสุด ทางศูนย์สามารถให้บริการลูกค้าที่ตาแห้งอย่างมากเนื่องจากต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาได้น้อย และมีอาการเปลือกตามีปัญหาร่วมด้วย โดยทางคุณหมอสารี่สามารถรักษาจนสุขภาพตากลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเข้ารับการทำเลสิก จนปัจจุบันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องสวมแว่น

ปรึกษาฟรี พร้อมบริการสุดพิเศษช่วยคลายทุกความกังวล

ท้ายที่สุดอุปสรรคที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการมากที่สุดอาจเป็นเพียงเรื่องของ “การเตรียมใจก่อนทำ” ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดแล้ว เหตุเพราะความกังวลในเรื่องของความเจ็บปวด และผลข้างเคียงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ อย่างไรก็ตามขณะพูดคุยกันคุณหมอสารี่ก็พร้อมยืนยันให้ทั้งผู้เขียน และทุก ๆ คนมั่นใจว่า การทำเลสิกนั้นปลอดภัยและไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย

“บอกเลยว่าการทำเลสิกไม่เจ็บค่ะ เพราะการทำเลสิกจะเป็นการผ่าตัดแค่ผิวกระจกตาเราไม่ได้เข้าไปยุ่งกับในลูกตา แล้วทุกเคสเราจะมีการหยอดยาชา ไม่มีเคสไหนต้องดมยาสลบ ทุกคนสามารถทำเลสิกได้ แล้วขั้นตอนการผ่าตัดจริง ๆ นั้นใช้เวลาต่อข้างไม่เกิน 15 นาทีก็เสร็จ”

นอกจากนี้ ในส่วนของการปฏิบัติตัวก่อนและหลังเข้ารับบริการก็เรียบง่าย ขอเพียงมั่นใจว่าสายตาค่อนข้างมีความคงที่ (สามารถตรวจสอบได้ด้วยการเช็กค่าสายตาย้อนหลังในระยะหนึ่งปีหากบวกลบไม่เกิน 100 ถือว่าคงที่) ในกรณีใส่คอนแทคเลนส์ให้งดการใส่อย่างน้อย 3 - 7 วันเพื่อป้องกันภาวะตาแห้ง ส่วนหลังทำเลสิกเรียบร้อยแล้วเพียงแค่ป้องกันไม่ให้ดวงตาสัมผัสน้ำ 7 วันก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที

จากการพูดคุยกับคุณอภิรักษ์ อภิสารธนรักษ์ และคุณหมอสารี่-พญ. สาริศา ตั้งคุณชัยแสง ทำให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่าการทำเลสิกนั้นแท้จริงแล้วเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายกว่าที่คิด อีกทั้งด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ Ruamjairak Lasik Super Center มี ก็ยิ่งทำให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าหากตัดสินใจเข้ารับบริการที่นี่จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด สมดังคอนเซ็ปต์ “Your Eyes Deserve the Best”

ทั้งนี้หากคุณยังมีความกังวลใจอยู่บ้าง Ruamjairak Lasik Super Center ก็พร้อมจะมอบ “ความพิเศษที่ยิ่งกว่า” ให้อีกขั้น ด้วยบริการชวนอึ้ง อาทิ

- บริการเช็กอัพดวงตาและให้คำปรึกษาการทำเลสิกฟรี โดยคุณหมอเฉพาะทาง
- บริการห้องพักหลังผ่าตัด สำหรับผู้ต้องการพักสายตาก่อนพบแพทย์ในวันรุ่งขึ้น ลดความยากลำบากในการเดินทาง
- บริการ รับ - ส่ง ฟรีหนึ่งทริปจากบ้านถึงโรงพยาบาล
- จับมือกับธนาคารต่างๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาลูกค้าด้วยบริการผ่อนชำระ

ความมุ่งมั่นตั้งใจที่สะท้อนผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีและการบริการที่เหนือชั้นจัดเต็มเหล่านี้ ล้วนเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีถึงเหตุผลที่ทำให้โรงพยาบาลที่กำลังจะมีอายุครบ 2 ปีในอีกไม่นานนี้ สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยคุณอภิรักษ์ได้กล่าวทิ้งท้ายกับเราว่า

“เราต้องการเป็นศูนย์ที่จะสร้างความประทับใจให้กับคนไข้ และอีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากจะได้จริง ๆ จากศูนย์นี้ก็คือการเข้าไปมีบทบาทในการเปลี่ยนชีวิตของคน เราต้องการที่จะเติมเต็ม แล้วก็นำเสนอเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าคุณอยากจะทำอะไร เราจะนำเสนอบริการที่ทำให้คุณสามารถทำทุกอย่างได้อย่างใจคิด”

สำหรับผู้สนใจปรึกษาการทำเลสิก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

โทร 02-768-9999 หรือโทรสายด่วน 1504 กด 3
Website : https://www.ruamjairak.com/ 
Facebook : https://www.facebook.com/RuamjairakLasikSuperCenter/ 
Line : https://lin.ee/OaGKZJW 

#โรงพยาบาลรวมใจรักษ์สุขุมวิท62 #แนวคิดใหม่ของการดูแลสุขภาพ #RuamjairakHospitalSukhumvit62