ในยุคหนึ่งนั้น การยอมรับเรื่องการทำหัตถการความงามเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เขินอาย แม้จะได้รับความนิยม แต่ก็ยังเป็นการกระทำที่ไม่เปิดเผย ทว่าการดูแลตัวเองให้สวยงามน่ามองย่อมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานของการสร้างความมั่นใจในตนเอง ทำให้ปัจจุบันคนหันมาให้ความสนใจและยอมรับในการทำหัตถการเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งรูปใบหน้าด้วยการใช้สารเติมเต็ม หรือลดริ้วรอย ฯลฯ

แต่ท่ามกลางความนิยมในการทำหัตถการ ข่าวคราวในด้านลบของการใช้สารเติมเต็มเพื่อปรับแต่งใบหน้ายังคงมีออกมาให้รับรู้ จนหลายคนเกิดความกังวลใจหรือลังเล ว่าจะเลือกคลินิกอย่างไร หรือใช้หัตถการวิธีไหน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างที่ใจหวัง เพื่อคลายความสงสัยนี้ เราเชิญคุณหมอเพชร-นายแพทย์ชัยรัตน์ เสริมศิลป์ คุณหมอเฉพาะทางด้าน ตจวิทยาความงาม แห่ง Fiora Clinic มาให้ความกระจ่าง

นอกจากคุณหมอเพชรจะเป็นผู้ก่อตั้งและบริหาร Fiora Clinic ที่โดดเด่นด้านเทคนิคการปรับรูปหน้า ซึ่งสร้างความประทับใจจนขยายไปสู่ 4 สาขา คือที่ มหาชัย สมุทรสาคร, กัลปพฤกษ์ กรุงเทพฯ, อรัญประเทศ สระแก้ว และจันทบุรี ยังได้รับรางวัลอีกหลายรางวัล อาทิ รางวัล Local Mentor Trainer Thailand 2022 - 2023, คลินิกที่มียอดใช้ผลิตภัณฑ์จาก Galgerma มากที่สุดในประเทศ 4 ปีซ้อน 2019 - 2023, Leader of Picosure The World’s 1st Picosecond 2023, Aestox Top Spender Awards 2019 – 2023, Best Filler จากนิตยสาร ELLE 2022-2023, Iconic Botulinum Toxin Treatments For Facial Sculpting จากนิตยสารแพรว 2023, The best of Facial Innovation Technique for Facial Transformation จากนิตยสารสุดสัปดาห์ 2023 และ Global Mentor Trainer Thailand แพทย์ผู้สอนแพทย์ฉีด ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ และ Sculptra ระดับนานาชาติ 1 ใน 2 คนในประเทศไทย

ทั้งนี้ คุณหมอเพชรยังเป็นแพทย์ผู้สอนแพทย์ ซึ่งถ่ายทอดเทคนิคด้านการปรับรูปหน้าด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ และ Sculptra ให้กับแพทย์ด้านความงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายแพทย์ชัยรัตน์ เสริมศิลป์ แพทย์เฉพาะทาง ตจวิทยาความงาม วิทยาลัยแพทย์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายแพทย์ชัยรัตน์ เสริมศิลป์ แพทย์เฉพาะทาง ตจวิทยาความงาม วิทยาลัยแพทย์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

“ผมเปิด ฟิออร่า คลินิก เมื่อปี 2559 จากจุดเริ่มต้นที่ตัวเองเป็นหมอตรวจโรคทั่วไป และมีความสนใจในการรักษาด้านผิวหนัง ซึ่งมีอยู่สองแบบคือตรวจรักษาโรคผิวหนัง กับรักษาในแง่การเสริมความงาม เมื่อได้ศึกษาดูแล้วก็พบว่าตัวเองชอบในศาสตร์ความงามมากกว่า ด้วยมองว่าการรักษาเพื่อความงามก็เหมือนการรักษาโรคแบบหนึ่ง เราสามารถเติมหรือเสริมเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการได้ โดยส่วนมากผมจะเน้นให้สวยในแบบเรา คือสวยแบบธรรมชาติ เสริมจากสิ่งที่มีและดีอยู่แล้วให้สวยงามมากขึ้น เพราะความมั่นใจและมีความสวยในแบบเราเป็นสิ่งสำคัญ”

ความชื่นชอบในศาสตร์ความงาม เป็นแรงขับให้คุณหมอเพชรศึกษาการใช้สารเติมเต็ม หรือสารลดริ้วรอยต่างๆ ทั้งยังคอยอัปเดตนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการดูแลและให้บริการอยู่อย่างสม่ำเสมอ ตามเทคโนโลยีด้านความงามที่มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

“ศัลยกรรมความงามกับหัตถการความงาม สองคำนี้ต่างกัน ศัลยกรรมคือการผ่าตัด มีการลงมีด ทำให้เกิดแผลเพื่อเสริมใส่เข้าไป เช่น เสริมจมูก คาง หรือหน้าอก ซึ่งจำเป็นต้องพักฟื้นประมาณ 7 วัน 10 วัน หรือเป็นเดือน และถ้าเป็นศัลยกรรมใหญ่อาจต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งเดือน แต่การทำหัตถการความงาม จะเป็นการใช้เข็ม การฉีด ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นน้อย เกิดรอยเล็กๆ เช่น มีรอยฟกช้ำ แต่ก็ไม่กี่วัน อาจไม่ต้องพักฟื้นเลยหรือพักฟื้นน้อยมาก และมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ทำให้การทำหัตถการได้รับความนิยมมากกว่า”

ถึงอย่างนั้น การเลือกทำหัตถการก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจให้ถี่ถ้วน เพราะการทำหัตถการโดยไม่มีความรู้เป็นพื้นฐาน มักนำมาซึ่งความผิดพลาด เช่นที่พบเป็นข่าวคราวอยู่บ่อยครั้งในหน้าสื่อ คุณหมอเพชรให้คำแนะนำถึงข้อต้องคำนึงเอาไว้ว่า

“การเข้ารับคำปรึกษาแล้วสุดท้ายไปทำหัตถการในสิ่งที่เราไม่ชอบ หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่พึงพอใจ จะทำให้เราไม่ชอบการทำหัตถการความงามไปทุกอย่าง ปัจจุบันสื่อออนไลน์ค่อนข้างมีผล แน่นอนว่าในการเลือกเราต้องดูจากรีวิวของคนใช้บริการก่อนว่าพึงพอใจไหม ผลลัพธ์ออกมาดีหรือไม่

แต่สิ่งที่สำคัญกว่ารีวิว แล้วควรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของคลินิก ซึ่งจะมีสามสิ่งด้วยกัน คือ หนึ่ง-เป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน สอง-ทักษะของแพทย์ผู้ให้บริการดี มีประสบการณ์สูง ทำหัตถการได้ดี และ สาม-ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เป็นยาแท้ ทั้งหมดต้องควบคู่กันถึงจะออกมาดี แต่ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้อยลงไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง มีลักษณะผิวหรือใบหน้าที่ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี กระทั่งเกิดอันตรายถึงขั้นเนื้อตาย หรือถึงชีวิตได้”

ท่ามกลางความนิยมในการทำหัตถการความงามเพิ่มขึ้นสูง ช่วงวัยของผู้รับทำหัตถการก็ไม่ถูกจำกัดเฉพาะวัยที่ผิวพรรณมีปัญหาอีกต่อไป คุณหมอเพชรฉายภาพให้เห็นว่า ทุกวัยสามารถปรับแต่งใบหน้าเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเองได้ ซึ่งแต่ละช่วงวัยก็จะมีการทำหัตถการและใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน รวมถึงเทรนด์ของลักษณะใบหน้าที่ได้รับความนิยมด้วย

“ในวัยที่อายุน้อยสัก 18-20 ที่คุณแม่ยังพามา ความนิยมจะเป็นเรื่องของการปรับขนาดรูปหน้าให้เล็กลง การเสริมเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ ให้สวยงามขึ้น เช่น จมูก หรือคาง ในวัยกลางคนที่ผิวพรรณร่างกายเริ่มถดถอย จะเป็นการแต่งเติมหรือเสริมในส่วนที่หายไป ลดรอย แก้ปัญหาผิวต่างๆ ส่วนในวัยที่อายุมากขึ้น จะประสบปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก จึงต้องทำหัตถการหลายอย่างควบคู่กัน

หัตถการที่ผมใช้ทุกวันคือการใช้สารเติมเต็ม สารกระตุ้นคอลลาเจน และสารลดริ้วรอย สารเติมเต็มเป็นจุดถนัดที่สุด เพราะทำให้ใบหน้าปรับเปลี่ยนได้ค่อนข้างเยอะ และปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ต้องการได้ เช่น วัยกลางคน ไขมันจะลดลง ใบหน้าทรุดลง จุดที่เห็นบ่อยและเร็วที่สุดคือใต้ตา การเพิ่มสารใต้ตาให้เต็มขึ้นจะทำให้หน้าไม่ดูโทรม ดูนอนเต็มอิ่ม”

“การฉีดโบท็อกซ์ครั้งหนึ่งจะอยู่ได้ประมาณ 4 เดือน เป็นการฉีดเพื่อดูแลริ้วรอย หากเกิดริ้วรอยแล้วปล่อยไว้นานจะกลายเป็นริ้วรอยถาวร เช่น ร่องบริเวณหัวคิ้วที่ขมวดเป็นเส้น 11 หากไม่ฉีดผิวจะพับไปเรื่อยๆ ไม่ยืดออก ซึ่งผู้ชายวัย 40 กว่า ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ มีรอยขมวดแบบนี้เพราะขมวดมานาน การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดได้

ทั้งนี้ ในแต่ละปีความนิยมในการทำหัตถการก็แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นกันทั่วโลก โดยเทรนด์เหล่านี้จะมาจากสื่อออนไลน์ คนที่มีกระแสหรือมีอิทธิพลในสื่อออนไลน์ทำหัตถการนี้ ก็จะได้รับความนิยมขึ้นมา เช่น สองสามปีก่อนนิยมใช้สารเติมเต็มบริเวณปาก ปัจจุบันนิยมใช้การกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้า ซึ่งหากบริษัทยาสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เจ็บน้อย เห็นผลดี ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็จะเป็นไวรัลและได้รับความนิยมในช่วงนั้นๆ ฟิออร่าเองก็เลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเห็นผลลัพธ์ และผมในฐานะแพทย์เจ้าของคลินิกและแพทย์ผู้สอนของบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์ความงาม Galderma ซึ่งมีความสนใจในด้านผลิตภัณฑ์สารเติมเต็ม สารลดริ้วรอย สารกระตุ้นคอลลาเจน ก็ต้องไม่พลาดการอัปเดตเพื่อนำไปสอนแพทย์ต่อไป”

สิ่งหนึ่งที่ คุณหมอเพชร และ ฟิออร่า คลินิก ยึดเป็นแนวทางในการให้บริการกับลูกค้าอยู่เสมอ คือความจริงใจในการดูแล ให้คำแนะนำที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล และไม่สนับสนุนให้ทำหัตถการมากเกินจำเป็น

“ในยุคก่อนคนไม่ค่อยมั่นใจที่จะใช้สารเติมเต็ม เพราะสารเติมเต็มที่ใช้เป็นประเภทซิลิโคน ฟิลเลอร์ที่ไม่สลาย ผ่านไป 10-20 ปี จะกลายเป็นก้อนบริเวณไปหน้า แต่ปัจจุบันนวัตกรรมได้พัฒนามาเป็นไฮยาลูโรนิก แอซิด ฟิลเลอร์ ที่สลายได้ สารนี้เข้ากับใบหน้าได้ดี จึงอยากให้เปิดใจยอมรับกับเทคโนโลยีปัจจุบันมากขึ้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การได้คุยปรึกษากันก่อนทำหัตถการสำคัญที่สุด เพื่อการรักษาที่ตรงจุดมากกว่า หากไม่รู้อะไรเลย หรือต้องการทำแต่ไม่มีไอเดีย ก็ปรึกษากันก่อนว่าอะไรที่เหมาะ จุดไหนที่อยากปรับแต่ง อะไรคือความต้องการหรือเป็นปัญหาในช่วงนั้น เช่น หากเข้ามาปรึกษาเรื่องริ้วรอย เราก็จะให้คำแนะนำเรื่องริ้วรอย หากเห็นว่ามีตำแหน่งอื่นที่เป็นปัญหา เราก็แนะนำว่าสามารถปรับแต่งเพื่อเพิ่มบุคลิกภาพ หรือเพิ่มความมั่นใจได้ แต่ไม่ได้เป็นการรบเร้าเพื่อหวังการขาย การทำแบบนั้นจะทำให้ลูกค้าอึดอัดและไม่กลับเข้ามาใช้บริการอีก และอาจมีการบอกต่อ ซึ่งไม่เป็นผลดี เราอยากให้ทุกคนเข้ามาด้วยความสบายใจมากกว่า”

“นอกจากแนะนำแล้ว หน้าที่ของผมอีกอย่างหนึ่งคือต้องคอยหยุดในบางคนด้วย เพราะบางคนคิดว่าการเติมไปเรื่อยๆ จะทำให้ตัวเองสวยขึ้น แต่ในทางกลับกันในสายตาผมที่มองเข้าไปแล้ว รู้สึกเป็นการเติมที่มากเกินไป นั่นหมายความว่าใบหน้าจะเริ่มผิดสัดส่วน เขาอาจจะชอบ แต่บุคคลอื่นที่มองเข้าไปเขาเห็นอีกอย่าง เราก็ต้องบอกเขาว่าปริมาณยาขนาดนี้เพียงพอแล้วสำหรับการใช้สารเติมเต็ม หรือแนะนำหัตถการอื่น เพื่อเสริมกับสิ่งแรกที่ทำไป”

และในปัจจุบันที่คำว่า ‘Beauty Standard’ กินความในวงกว้างมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่ในกรอบความงามที่เป็น ‘อุดมคติ’ อีกต่อไป ความงามที่แตกต่างจึงได้รับการยอมรับ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนทุกวัยจะหันมาเปิดใจต่อการทำหัตถการเพื่อเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับนิยามของ ฟิออร่า คลินิก ที่ย้ำจุดยืนเสมอมาในมาตรฐาน และการดูแลอย่างปลอดภัยในการให้บริการในการดูแลปรับแต่งใบหน้าเพื่อเสริมบุคลิกภาพ เพื่อ ‘เพิ่มความมั่นใจในแบบของคุณ’ และเป็นคุณที่ ‘เป็นตัวเอง’ อย่างแท้จริง