- เตรียมตั้งครรภ์ ด้วยการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ และการตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ มีความสำคัญในการวางแผนครอบครัว โดยเฉพาะในคู่แต่งงานที่อายุมากขึ้น เพราะนอกจากช่วยป้องกันโรคที่สามารถแพร่ไปสู่ลูก ยังสามารถค้นหาโรคแอบแฝงที่ส่งผ่านยีนโดยพ่อแม่ไม่รู้ตัว
- การตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์เป็นการตรวจความพร้อมของพ่อและแม่ และคัดกรองพาหะโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ที่มีโอกาสก่อให้เกิดความพิการและทุพพลภาพของลูก โดยสามารถคัดกรองและวินิจฉัยความผิดปกติของยีนด้อยได้มากกว่า 500 ยีน ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นเกิดโรคทางพันธุกรรมได้กว่า 500 โรค
- กรณีตรวจพบคู่สมรสเป็นพาหะของโรคทางพันธุกรรมและยังต้องการมีบุตร แพทย์จะทำการคัดกรองตัวอ่อนที่มียีนสมบูรณ์ไว้ จากนั้นจึงนำเอาตัวอ่อนที่แข็งแรงใส่กลับเข้าไปยังมดลูก ทั้งนี้ยังช่วยให้คู่สมรสที่มีบุตรยาก มีโอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้นอีกด้วย
ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ทัศนคติเรื่องการมีลูกเมื่อพร้อม รวมถึงการรอคอยการตั้งครรภ์ในปีนักษัตรที่เป็นมงคล อย่างปีมังกร ส่งผลให้บ่าวสาวชะลอการมีลูกออกไป
การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ และการตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ จึงมีความสำคัญในการวางแผนครอบครัว โดยเฉพาะในคู่แต่งงานที่อายุมากขึ้น เพราะนอกจากช่วยป้องกันโรคที่สามารถแพร่ไปสู่ลูก ยังสามารถค้นหาโรคแอบแฝงที่ส่งผ่านยีนโดยพ่อแม่ไม่รู้ตัว ซึ่งมีข้อมูลบ่งชี้ว่ามีทารกมากถึง 80% ที่เกิดมาพร้อมกับโรคทางพันธุกรรม ทั้งๆ ที่ไม่มีประวัติครอบครัวมาก่อน
เตรียมตั้งครรภ์ ด้วยการตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ ป้องกันโรคร้ายที่อาจถ่ายทอดสู่ลูก
การตรวจสุขภาพพื้นฐานของผู้ที่จะเป็นพ่อและแม่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่อาจมีการตรวจเพิ่มเติมในรายละเอียดบางอย่าง ดังนี้
...
- ตรวจเลือด
- ตรวจกรุ๊ปเลือด เพื่อกรณีที่ต้องการเลือดฉุกเฉิน
- ตรวจชนิดของเลือด (Rh Factor) โดยทั่วไปคนไทยจะเป็นชนิด Rh+ กรณีตรวจพบคุณแม่มีเลือด Rh- ร่างกายแม่มีโอกาสสร้างภูมิต้านทานเลือด Rh+ ของลูก และทำลายเม็ดเลือดแดงของลูก จนเสี่ยงต่อการแท้งได้
- ตรวจหาความผิดปกติของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง เพื่อตรวจความผิดปกติของโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันและเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์และสายเลือด
- ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน หากติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกพิการหรือแท้งได้
- ตรวจหาเชื้อไวรัสเอดส์
- ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส
- ตรวจหาเชื้ออื่นตามความเสี่ยง เช่น เชื้อเริม เป็นต้น
การตรวจเพิ่มเติมในผู้หญิง
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก (HPV+Thin Prep)
- ตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนล่าง เพื่อประเมินมดลูกและรังไข่ (TVS - Transvaginal Ultrasound)
- ตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน ความสามารถการทำงานของรังไข่ AMH - Anti-Mullerian Hormone
- ตรวจปีกมดลูกตามที่แพทย์เห็นสมควร
การตรวจเพิ่มเติมในผู้ชาย
- ตรวจดูความสมบูรณ์ของเชื้ออสุจิ (Semen Analysis)
- ตรวจฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone)
- ตรวจค่า PSA วิเคราะห์มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer)
- ตรวจฮอร์โมนภายในต่อมหมวกไต (DHEA-S)
เตรียมตั้งครรภ์ ด้วยการตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์
นอกจากการตรวจสุขภาพพื้นฐานก่อนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันโรคหากตรวจพบล่วงหน้าแล้ว ยังมีกลุ่มโรคบางชนิดที่เกิดจากความผิดปกติของยีนด้อยจากพ่อหรือแม่ที่ส่งผลไปยังลูก
การทดสอบทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาความเสี่ยงในการเกิดโรคบางชนิด เช่นเดียวกับการตรวจคัดกรองและการรักษาทางการแพทย์ เป็นการตรวจความพร้อมของพ่อและแม่ และคัดกรองพาหะโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ที่มีโอกาสก่อให้เกิดความพิการและทุพพลภาพในอวัยวะต่างๆ ของลูก โดยสามารถคัดกรองและวินิจฉัยความผิดปกติของยีนด้อยได้มากกว่า 500 ยีน ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นเกิดโรคทางพันธุกรรมได้กว่า 500 โรค และมีความแม่นยำสูงถึง 95% และยังพบด้วยว่าหญิงตั้งครรภ์ 1 ใน 550 คน มีความเสี่ยงที่จะมีลูกเป็นโรคทางพันธุกรรมแบบลักษณะด้อยชนิดรุนแรง จึงได้มีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาการตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถตรวจคัดกรองและวินิจฉัยลึกระดับยีน ซึ่งช่วยให้เด็กที่จะเกิดมามีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคลดลง
การตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์ จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจชะลอการมีบุตรออกไป หรือปรึกษาแพทย์เพื่อทำการป้องกันก่อนการตั้งครรภ์
กรณีตรวจพบคู่สมรสเป็นพาหะของโรคทางพันธุกรรม และยังต้องการมีบุตร แพทย์จะทำการคัดกรองตัวอ่อนที่มียีนสมบูรณ์ไว้ จากนั้นจึงนำเอาตัวอ่อนที่แข็งแรงใส่กลับเข้าไปยังมดลูก ทั้งนี้ยังช่วยให้คู่สมรสที่มีบุตรยาก มีโอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้นอีกด้วย
...
ตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์เหมาะกับใคร
- คู่สมรสที่ต้องการมีบุตรแข็งแรงสมบูรณ์
- คู่สมรสที่เป็นโรคทางพันธุกรรม หรือมีครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคทางพันธุกรรม
- คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยาก
การเตรียมตัวเพื่อตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์
การตรวจยีนก่อนตั้งครรภ์ไม่ได้เป็นแค่เพียงการเตรียมความพร้อมสำหรับคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น แต่รวมถึงความแข็งแรงสมบูรณ์ของลูกน้อยที่จะเกิดมาด้วย โดยผู้ที่ต้องการตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์ สามารถขอคำปรึกษาได้จากสูตินรีแพทย์ ซึ่งมีวิธีการตรวจ ดังนี้
- รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของครอบครัว
- พูดคุยกับแพทย์ทางพันธุกรรมเกี่ยวกับประวัติการรักษาส่วนตัวและครอบครัว เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยง สอบถามและหารือเกี่ยวกับข้อกังวลต่าง ๆ ของการทดสอบทางพันธุกรรม
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง กรณีผลการทดสอบพบความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ในวันตรวจ แพทย์จะทำการตรวจจากเลือดของฝ่ายแม่ โดยไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร
- หลังจากส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว รอประมาณ 3 สัปดาห์ จึงทราบผล
ฝากครรภ์ทันทีเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์
เมื่อคุณแม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ควรรีบไปฝากครรภ์ทันที โดยการตรวจครรภ์ครั้งแรกไม่ควรเกินอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และตรวจทุก ๆ 1-2 เดือน จนกว่าจะคลอดหรือตามแพทย์พิจารณา
วางแผนการดูแลครรภ์แบบเฉพาะบุคคล
เนื่องจากการรักษาทางการแพทย์แต่เดิมออกแบบมาสำหรับผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน ด้วยความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์อันทันสมัย พัฒนาการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) หรือการรักษาแบบเฉพาะบุคคลขึ้น เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพ ป้องกัน และรักษาโรค โดยคำนึงถึงความแตกต่างในยีน สภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตของแต่ละคน
...
เช่นเดียวกับการวางแผนครอบครัวและการฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคล (Precision Obstetrics) ที่มุ่งเน้นดูแลครรภ์ตั้งแต่เริ่มวางแผนการตั้งครรภ์ การป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ จนถึงการคลอดบุตรที่แข็งแรงสมบูรณ์
การฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคล สามารถลดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะคลอดก่อนกำหนด เหลือเพียง 5% และเพียง 0.2% ในอัตราการคลอดก่อนกำหนดในอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าต่ำมาก รวมถึงลดภาวะความดันสูง ครรภ์เป็นพิษรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ลงได้เช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ด้วยการเข้าฝากครรภ์ในโรงพยาบาล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจโดยละเอียด (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม คลิก)
การฝากครรภ์แบบเฉพาะบุคคลเหมาะกับใคร
- คุณแม่ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี
- คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นกังวลภาวะดาวน์ซินโดรม ซึ่งพบสูงถึง 1 ใน 250 ในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อายุมาก สามารถทำการเจาะเลือดตรวจ DNA ของทารกในครรภ์ ซึ่งใช้เวลา 5-7 วัน ได้ผลแม่นยำ สูงถึง 99.7%
...
เตรียมตั้งครรภ์ ดูแลเรื่องโภชนาการอาหารให้ลูกแข็งแรง
การดูแลตนเองและลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์จนกว่าจะครบกำหนดคลอด นอกจากการตรวจสุขภาพ วางแผนครอบครัว และการฝากครรภ์ตามระยะเวลาแล้ว การรับประทานอาหารที่ดี ก็เป็นอีกปัจจัย โดยอาหารสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเน้นเป็นพิเศษ ได้แก่
- โปรตีน สารอาหารสำคัญ ช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ อาหารอุดมด้วยโปรตีน เช่น นม ไข่ เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมู อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรรับประทานเนื้อแดงที่มีไขมันสูงน้อยลง
- ไอโอดีน ช่วยในการพัฒนาการทางสมองของทารก ซึ่งทารกในครรภ์มารดาที่มีภาวะขาดไอโอดีนอาจแท้งได้ กรณีที่คลอดได้อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตและมีภาวะการพัฒนาด้านระบบประสาทบกพร่อง (Neurologic cretinism) อาหารอุดมด้วยไอโอดีน เช่น อาหารทะเล หรือเกลือเสริมไอโอดีน
- ธาตุเหล็ก หากคุณแม่ขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาด้านสมองของทารก อาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ผักใบเขียว งาดำ งาขาว ตับ
- แคลเซียม นอกจากบำรุงกระดูก ยังมีส่วนช่วยให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโต อาหารอุดมด้วยแคลเซียม เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อย
- โฟเลต สารอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เพื่อช่วยสร้างเซลล์สมองให้กับทารก อาหารที่มีโฟเลต เช่น ตับ ผักใบเขียว
เพื่อต้อนรับปีมังกรอันเป็นมงคลสำหรับลูกที่จะเกิดมา คุณแม่ตั้งครรภ์ควรพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงคุณพ่อที่ต้องเป็นกำลังหนุน ควรวางแผนครอบครัวและการมีบุตรไปพร้อมๆ กัน ด้วยการตรวจสุขภาพ ทั้งแบบพื้นฐานและการตรวจยีน อีกทั้งการฝากท้องแต่เนิ่นๆ ด้วยตัวเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งเหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อลูกที่แข็งแรงสมบูรณ์