ประเด็นร้อนที่ว่านี้ เป็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ที่เมืองนอก ทั้งสื่อรวมทั้งหมอ และนักวิจัย
แต่ชาวเราโดยเฉพาะมนุษย์เดินดินในกรุงเทพฯ คงไม่ต้องเถียงเพราะต้องเดินอยู่แล้ว ไปทำงานจนกระทั่งถึงกลับบ้าน แม้ว่าบางระยะทางจะใช้รถประจำทางหรือวินมอเตอร์ไซค์ ก็แล้วแต่
ฝ่ายสุดขั้วเชียร์ตอนเช้า (early–day chronotype) คือตื่นตั้งแต่เช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ออกกำลังขณะยังไม่ต้องกินข้าวเช้าและเมื่อกินแล้วก็จัดการงานธุระต่างๆที่ขวางหน้า และสบายตอนบ่าย เย็น ไปนอนตอนสามหรือสี่ทุ่ม
ด้านขั้ว สาย บ่ายเย็น กลางคืน (late chronotype) ตื่นสายหน่อย เครื่องร้อนช้าเลยจัดการทุกอย่างตรงข้ามกับขั้วเช้า และให้เหตุผล โดยเฉพาะคนที่เป็นเบาหวานอยู่ด้วยว่า หลังจากที่กินข้าวไปแล้วจะได้ออกกำลังไปเลย แต่จากการสังเกตทั่วไปพบว่า กลุ่มเช้า ท่าทางจะกระปรี้กระเปร่ามากกว่า และมีแรงผลักดันให้ออกกำลังสม่ำเสมอและการทำงานจะไม่เฉื่อยเดินไปมา มีกิจกรรมกายไม่หยุดหย่อน
ดร.ไมเคิล ริดเดล ได้ประมวลความเห็นและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2023 โดยได้เล่าว่า ในการประชุมของสมาคมเบาหวานของอเมริกา ดร.Normand Boule จากมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา ชี้ให้เห็นว่าการออกกำลังตั้งแต่เช้าในขณะที่ยังไม่ได้กินข้าวจะทำให้มีการเผาผลาญไขมันได้ดีและคุมน้ำหนักได้รวมทั้งมีการปรับกล้ามเนื้อให้แข็งแรงทนทานอีกทั้งทำให้คุมเบาหวาน (แบบที่ 2) ได้ดีขึ้นอย่างไรก็ตามมีข้อโต้แย้งในงานเดียวกัน จาก ดร.Jenna Gillen จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต้ โดยใช้งานที่ตีพิมพ์ของเธอเอง ใน Canadian Science Publishing รวมทั้งมีการวิเคราะห์อภิธานจากหลายรายงานในวารสาร Sports Medicine ซึ่งพบว่าการออกกำลังระดับเบาถึงกลาง หลังจากที่กินอาหารไปแล้ว จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงขึ้นมากแม้จะเป็นเบาหวาน หรือกำลังจะเป็นก็ตาม
...
ทั้งนี้ การออกกำลังหลังกินข้าวโดยเฉพาะในช่วงบ่ายยังได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลของการศึกษา Look AHEAD trial ในวารสาร Diabetes Care ของอเมริกา โดยที่ติดตามผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวานประเภทสองจำนวน 2,400 คนและมีการออกกำลังในระดับความเข้มข้นปานกลางถึงสูง โดยดูผลลัพธ์ที่ผ่านไปสี่ปี ถึงสุขภาพการควบคุมเบาหวานและระบบหัวใจและเส้นเลือด
กลุ่มที่กระฉับ กระเฉงและออกกำลัง ตอนบ่ายระหว่าง 13.43 ถึง 17.00 น. จะเห็นผลในการควบคุมระดับน้ำตาลตั้งแต่หลังหนึ่งปี และในบางส่วนนั้นถึงกับทำให้เบาหวานนั้นสงบลง โดยที่ไม่ต้องใช้ยา เบาหวาน ที่ช่วยลดระดับน้ำตาลด้วยซ้ำ
แต่การศึกษายังคงมีจุดอ่อนตรงที่การคัดเลือกอาสาสมัคร ที่ควรต้องเป็นการสุ่ม และผลสรุปนั้นเป็นเพียงการควบคุมระดับน้ำตาลแต่ไม่ใช่ผลลัพธ์ของการเกิดภาวะหัวใจหรือเส้นเลือดตีบตัน
ประเด็นที่เถียงกันล้มประดาตาย ใน scientific session debate ของสมาคมเบาหวาน อเมริกัน จะว่าไปแล้ว อาจไม่มีใครถูกใครผิดก็เป็นได้
ทั้งนี้เพราะขึ้นกับเวลาสะดวกของแต่ละคนโดยที่อาจจะไม่สามารถปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนเดิมได้ทุกวันและมีกิจวัตรหน้าที่การงานอย่างอื่นเข้ามาประกอบด้วย
ในคนที่เป็นเบาหวานแถมยังต้องฉีดอินซูลินการออกกำลังตั้งแต่เช้าโดยยังไม่ได้กินอาหารอาจจะดูปลอดภัยเพราะไม่ต้องกลัวว่ายาจะทำให้ระดับน้ำตาลหรือกลูโคสต่ำจนเป็นอันตราย แต่ในทำนองเดียวกันการออกกำลังหลังกินอาหารเที่ยงหรือหลังกินอาหารว่างตอนบ่าย จะทำให้มีการเผาผลาญพลังงานได้เก่งขึ้นแต่ขณะเดียวกันยังคงต้องระวังเรื่องฤทธิ์ของอินซูลิน ซึ่งในขณะนั้นกำลังได้ที่และอาจทำให้น้ำตาลตก
เมื่อดูตามนี้จะพบว่าที่เถียงกันจากนักวิชาการโดยที่ตัวตั้งต้องมีค่าตายตัว และมีการวัดผลชัดเจน โดยลดตัวแปรให้มากที่สุด อาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับมนุษย์ที่มีความหลากหลายและอาจไม่ชอบความจำเจหรืออาจจะเลือกเวลาที่สะดวกสำหรับตนเองและเพื่อนฝูงครอบครัว
...
กลับมาถึงมนุษย์คนไทยครับพวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มคนที่มีฐานะจำกัดอาจจะเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดก็ว่าได้
ทั้งนี้ไม่สามารถนั่งทอดหุ่ย เนือยนิ่ง คอยชี้นิ้วสั่งให้บริวารทำนั่นทำนี่อีกทั้งจะไปไหนมีรถบริการแทบไม่ต้องเดินจนอาจจะเดินเพียงวันละสองถึง 300 ก้าวเท่านั้น
ชาวเราที่เป็น ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนี้ อย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจและทำใจให้สบายและให้ตระหนักว่ากิจกรรมกายกระฉับกระเฉงที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี้ กลับสร้างเสริมสุขภาพและต่อสู้โรคแต่ต้องไม่อ้างว่า เดินมาเหนื่อยต้องกินขนม ต้องกินแป้ง กินข้าว กินของหวานเยอะๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการทำร้ายตัวเองไปอีก
คำขวัญวันนี้ ให้เศรษฐีนั่งรถโก้หรูมองเราเดินข้างถนนอย่างอิจฉา แถมเรายังหน้าตาเบิกบาน เดินคุยกับเพื่อนร่วมทางได้อย่างสบายใจ (ข้อสำคัญอย่าให้รถชนหรือสำลักฝุ่นตาย)
ด้วยความหวังดีครับ.
หมอดื้อ
คลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม