ตามรายงานของมูลนิธิลูปัสแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ชาวอเมริกันราว 1,500,000 คน และอย่างน้อย 5 ล้านคนทั่วโลก มีการพัฒนาของโรคลูปัส คือโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ โรคลูปัสจะมีอาการวูบวาบ ปวดข้อ เมื่อยล้า และอ่อนไหวต่อแสงก็ถือเป็นเรื่องปกติในผู้ป่วยโรคดังกล่าว โดย 40-70% ของผู้ที่เป็นโรคนี้ พบว่าอาการจะแย่ลง เมื่อโดนแสงแดดหรือแม้แต่แสงเทียมในอาคาร
เมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิศวกรและแพทย์ด้านผิวหนังของมหาวิทยาลัยมินเนโซตา ทวิน ซิตี้ส์ ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า แสงอัลตราไวโอเลต หรือแสงที่มองเห็นได้ในบางกรณี อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการวูบวาบบนผิวหนังและภายในร่างกาย แต่คนเราไม่ได้รู้เสมอไปว่าคลื่นแสงแบบใดที่ก่อเกิดอาการดังกล่าว ทีมจึงได้ออกแบบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ตรวจจับแสงด้วยการพิมพ์ 3 มิติที่แตกต่างจากอุปกรณ์อื่นๆ โดยวางไว้บนผิวหนังได้โดยตรง แสงจะถูกแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าเพื่อวัดอาการ ซึ่งจะให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์หรือตามเวลาจริงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการพัฒนาของโรคลูปัส
อุปกรณ์นี้ใช้วัสดุหลายชั้นพิมพ์บนฐานซิลิโคน ซึ่งจะเข้ากันได้ทางชีวภาพ ชั้นของอุปกรณ์ประกอบด้วยขั้วไฟฟ้าและตัวกรองแสง ตัวกรองสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นของแสงที่ต้องประเมิน ทั้งนี้ กระบวนการพิมพ์ 3 มิติค่อนข้างมีต้นทุนต่ำ เชื่อว่าสักวันหนึ่งอาจช่วยให้ผู้คนเข้าถึงอุปกรณ์ได้ง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้กระบวนการผลิตที่มีราคาแพงแบบอุปกรณ์เดิมๆ ซึ่งจะช่วยเหลือผู้คนนับล้านทั่วโลกที่เป็นโรคลูปัสและโรคที่อ่อนไหวต่อแสงอื่นๆได้.
Credit : McAlpine Group, University of Minnesota