"ยา-โรคประจำตัว" ที่ควรระวังก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนฉีดนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้เข้ารับการฉีดจะต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง กับผู้ที่ใช้ยาเป็นประจำ ก่อนฉีดวัคซีนควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนเข้ารับการฉีด
ฉีดวัคซีนโควิด-19 โรคอะไรห้ามฉีด และ ฉีดได้
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ก็แจ้งแนวทางการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยทั่วไปที่มีอาการภาวะโรคคงที่ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ทันที ได้แก่
1. ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่ในภาวะคงที่
- โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน
- โรคหัวใจและหลอดเลือดต่างๆ
- โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
- โรคติดเชื้อเอชไอวี
- โรคข้ออักเสบ และ โรคภูมิแพ้ตัวเอง
- โรคสะเก็ดเงิน
- ภาวะสมองเสื่อม
- อัมพาต อัมพฤกษ์
- โรคไตเรื้อรัง
- ผู้สูงอายุที่มีภาวะเปราะบาง
- โรคหิด/ปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- โรคไขกระดูกฝ่อ
- โรคไขกระดูกทำงานผิดปกติ
- โรคมะเร็งทางโลหิตวิทยา และโรคมะเร็งอื่นๆ
...
2. ผู้ป่วยที่ได้รับหรืออยู่ระหว่างได้รับการบำบัดยา
- เคมีบำบัด รังสีรักษา
- การบำบัดทดแทนไต
- ยากดภูมิคุ้มกันที่อาการของโรคสงบ
- เลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือดทุกชนิด
- อิมมูโนโกลบูลินเข้าหลอดเลือดดำ
- ยาสูดสเตียรอยด์
- ยาควบคุมอาการของโรคต่างๆ
3. ผู้ป่วยที่เลือดออกง่าย
- โรคเลือดออกง่าย
- เกล็ดเลือดต่ำหรือเกล็ดเลือดทำงานผิดปกติ
- ได้รับยาต้านหรือเกล็ดเลือด/ยาต้านการแข็งตัวของเลือดที่ไม่ใช่วาร์ฟาริน
- ได้รับยาวาร์ฟารินต้านการแข็งตัวของเลือด
4. บุคคลที่มีประวัติแพ้อาหารหรือแพ้ยาต่างๆ
5. ผู้ป่วยที่ไม่อยู่ในฐานะที่จะรับทราบข้อมูล ผู้เป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต้องตัดสินใจแทน ได้แก่ ผู้ป่วยสมองเสื่อม และ ผู้ป่วยติดเตียง
5. ผู้ดูแลหรือผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว
ผู้ที่ฉีดวัคซีนได้แต่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ผู้ป่วยกลุ่มต่อไปนี้สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ แต่ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่
- บุคคลที่มีประวัติแพ้ยาแอนาฟิแล็กซิสจากวัคซีนที่อื่นมาก่อน แนะนำให้ตรวจสอบส่วนประกอบของวัคซีนที่ผู้ป่วยเคยแพ้ และฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่มีส่วนประกอบนั้น
- ผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการหรืออาการยังไม่เสถียร หรือยังมีอาการที่เป็นอันตรายต่อชีวิต แนะนำให้รับวัคซีนโควิด-19 ทันที่หลังควบคุมอาการได้คงที่แล้วหรือก่อนจำหน่ายกลับ
- ผู้ป่วยที่มีระดับเม็ดเลือดขาวต่ำรุนแรง แนะนำให้รอกระทั่งพ้นช่วงที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำรุนแรง แล้วรีบจัดให้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19
- ผู้ป่วยโรคเลือดที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) หรือบำบัดภูมิคุ้มกัน CAR-T Cells แนะนำให้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เมื่อพ้น 3 เดือนหลังปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) บำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน CAR-T Cells
- ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไต ตับ ปอด หัวใจ แนะนำให้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เมื่อพ้น 3 เดือนหลังผ่าตัดหรือมีอาการคงที่แล้ว หรือพ้น 1 เดือน หลังได้รับการรักษาภาวะปฏิเสธอวัยวะ โดยให้ปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อน
- ผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดด้วยแอนติบอดี หรือ ได้รับยาแอนติบอดี แนะนำให้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดังนี้
6.1) ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เคยได้รับการบำบัดด้วยพลาสมา จากผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 พ้น 3 เดือน หลังได้รับการบำบัด
6.2) ผู้ป่วยที่ได้รับยา Rituximab พ้น 1 เดือน หลังรับยา Rituximab หรือก่อนได้รับ Rituximab ครั้งแรก อย่างน้อย 14 วัน
6.3) ผู้ป่วยที่ได้รับยาแอนติบอดีขนานอื่นๆ เช่น Omalizumab, Benralizumab, Dupilumab พ้น 7 วัน ก่อนหรือหลังได้รับยา
...
คำแนะนำเพิ่มเติม หลังฉีดวัคซีนโควิด
ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ แต่ไม่ควรออกกำลังกายหนักกว่าที่เคยทำ และไม่ควรพักผ่อนน้อยกว่าปกติ 1-2 วัน
การงด “ยา” โรคประจำตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19
สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาลประเทศไทย ได้อธิบายเรื่องยาและโรคประจำตัว เพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นของตัวเองก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19
คำถามที่พบบ่อยก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19
- มีประจำเดือน ฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ไหม คำตอบ ฉีดได้
- ให้นมบุตร ฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ไหม คำตอบ ฉีดได้
- ตั้งครรภ์ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ไหม คำตอบ ฉีดได้ แต่ควรมีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์
...
กรณีผู้เข้ารับวัคซีนเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว ทั้งโรคร้ายแรงและไม่ร้ายแรง รวมถึงผู้ใช้ยาเป็นประจำ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ และเภสัชกร เพื่อวางแผนปรับลดขนาดยาบางตัว ดังนี้
กรณีใช้ยาโรคประจำตัว
- ยา Steroid เช่น Prednisolone
กรณีใช้ยาประจำ ฉีดได้ หากได้รับ Prednisolone น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 มิลลิกรัมต่อวัน หรือมากกว่า 20 มิลลิกรัมต่อวัน กรณีอาการคงที่และอยู่ในช่วงปรับลดขนาดยา
กรณีเริ่มยาครั้งแรก หากอาการคงที่ก่อนเริ่มยาให้ฉีดวัคซีนก่อนเริ่มยา 2 สัปดาห์
- ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น Azathioprine, Mycophenolate, IVIG, Cyclophosphamide (ชนิดกิน), Hydroxychioroquine, Sulfasalazine, Leflunomide
กรณีเริ่มยาครั้งแรก หากอาการคงที่ก่อนเริ่มยาให้ฉีดวัคซีนก่อนเริ่มยา 2 สัปดาห์
- ใช้ยา Methotrexate
กรณีอาการของโรคคงที่แนะนำหยุดยา Methotrexate 1 สัปดาห์ หลังการฉีดวัคซีนในแต่ละครั้ง แล้วจึงให้ยาต่อตามปกติ
- ใช้ยา Warfarin หรือกลุ่ม NOAC เช่น Dabigatran, Rivaroxaban, Apixaban, Edoxaban
- กรณีใช้ warfarin >> INR ต้องน้อยกว่า 4 และใช้เข็ม 23G หรือเล็กกว่า และไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน ควรกดตำแหน่งที่ฉีดอย่างน้อย 2 นาที
- กรณีใช้ NOAC อื่นๆ >> ใช้เข็ม 23G หรือเล็กกว่า และไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน ควรกดตำแหน่งที่ฉีดอย่างน้อย 2 นาที
- ใช้ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Aspirin, Clopidogrel, Ticagrelor, Prasugrel, Citostazol
- ใช้เข็ม 23G หรือเล็กกว่า และไม่คลึงกล้ามเนื้อหลังฉีดวัคซีน ควรกดตำแหน่งที่ฉีดอย่างน้อย 2 นาที
...
- กรณีฉีดวัคซีนอื่นที่ใช้ร่วม วัคซีนไข้หวัดใหญ่, คอตีบ, หัด, หัดเยอรมัน ควรฉีดหากจากวัคซีนโควิด-19 2-4 สัปดาหื
- วัคซีนบาดทะยัก พิษสุนัขบ้า ฉีดได้เลยไม่ต้องเว้นระยะห่างกับวัคซีนโควิด-19
อย่างไรก็ดี เมื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรงแล้ว อย่าลืมโหลดแอปฯ “หมอพร้อม” เพื่อประเมินอาการหลังรับวัคซีนรายวัน รวมถึงรับการแจ้งเตือนเข็มที่ 2 เพื่อให้ครบโดสตามหลักการป้องกันโรคระบาดนี้.
ที่มา : สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย), ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รายชื่อ 25 โรงพยาบาลเปิดจองวัคซีนทางเลือก Moderna (อัปเดต 30 มิ.ย. 64)
- 5 ช่องทางลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด 2564/2021 จองที่ไหนได้บ้าง
- จองวัคซีน Moderna โรงพยาบาลที่เปิดจอง มีค่าใช้จ่ายหรือไม่
- ทำความรู้จัก 6 ประเภท "วัคซีนโควิด-19" มีอะไรบ้าง ก่อนฉีดในปี 2021
- รีวิวการใช้งาน “หมอพร้อม” เพื่อจองฉีดวัคซีนโควิด-19 รอบประชาชนทั่วไป