"กลิ่น" คือหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้า ที่สามารถบำบัดสุขภาพกาย สุขภาพจิต และจิตวิญญาณได้ Lady MIRROR รู้หรือไม่ ความมหัศจรรย์ของกลิ่นมีมากมายกว่าคุณคิด กลิ่นไม่แค่ความหอม ฉุน หรือเหม็นเท่านั้น แต่ "กลิ่น" ยังเป็นตัวแทนของความรู้สึก และยังสร้างพลังต่างๆ ได้มากมาย เช่น กลิ่นช่วยสร้างความทรงจำ กลิ่นสร้างจินตนาการ หรือกลิ่นบำบัดสุขภาพ มีความเชื่อกันว่า...กลิ่นที่ดีจะนำมนุษย์ไปสู่ความต้องการได้ หนึ่งใน CEO ผู้ก่อตั้งดีวานาสปา "ธเนศ จิระเสวกดิลก" ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกลิ่นบำบัด บอกกับ MIRROR ว่า ศาสตร์ของกลิ่นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เริ่มตั้งแต่การที่คนจีนใช้กลิ่นธูปเพื่อวิงวอนขอพรจากเทพเจ้า จากนั้นเริ่มมีการใช้กลิ่นเพื่อความสวยความงาม เช่นการทำน้ำหอมของชาวฝรั่งเศส จนต่อมาเมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง คนเริ่มรู้จักใช้ "กลิ่น" ในการบำบัดรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย ใจ และจิตวิญญาณนั่นเอง
กับคำถามที่ว่า...ทำไม "กลิ่น" ถึงทรงพลังขนาดนี้? เพราะกลิ่นสามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และเข้าลึกถึงความรู้สึกด้านใน และด้วยความที่กลิ่นนั้นมีหลายมิติ เช่น กลิ่นแรกที่ได้สัมผัส กลิ่นที่ติดทน จนถึงกลิ่นสุดท้ายที่จะยังคงอยู่เสมอ เฉกเช่นการเดินเข้าไปทุ่งลาเวนเดอร์ที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ หรือการอยู่ในป่าแล้วได้กลิ่นของเปลือกไม้ หรือกลิ่นไอทะเล นี่คือมิติและเสน่ห์ของ "กลิ่น" ที่สามารถเข้าถึงทุกคนได้จริงๆ ทำให้ศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพ นำเรื่องราวของ "กลิ่นบำบัด" มาดูแลสุขภาพโดยตรง เรามาดูกันสิว่า...กลิ่นสัมผัสทั้ง 5 กลิ่นจะบำบัดสุขภาพกายและใจได้อย่างไร?
5 "กลิ่น" สัมผัส บำบัดสุขภาพกายและสุขภาพใจ
...
กลิ่น "Rose" เพิ่มความสงบนิ่ง
กลิ่น "Rose" เป็นกลิ่นที่เหมาะกับสาววัยทำงานมาก เพราะกลิ่นของดอกกุหลาบที่หอมหวานนั้น จะช่วยปรับระดับของระบบประสาทและอารมณ์ คือ ช่วยให้สงบ ระงับประสาท ลดอาการใจสั่น กระวนกระวายใจ ลดความเครียด วิตกกังวล ลดความโศกเศร้า และลดความกลัว หรือทำให้รู้สึกเป็นสุข ซึ่งกลิ่นมะลิจะช่วยในเรื่องของสมาธิ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบนิ่ง หากระหว่างวันหรือช่วงบ่าย สาวๆ ใช้กลิ่นกุหลาบในที่ทำงาน จะทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นด้วย
"Jasmine" แก้อาการนอนไม่หลับ
"กลิ่นบำบัด" อย่าง "Jasmine" ที่หอม ละมุน และไม่ฉุนจนเกินไปนั้น โดยมะลิจะมีคุณสมบัติต้านความเครียด เมื่อร่างกายได้รับกลิ่นนี้ สมองจะสร้างให้เกิดคลื่นอัลฟาขึ้น เพื่อไปปลดปล่อยฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้สาวๆ รู้สึกผ่อนคลาย คลายความวิตกกังวล ให้กับคนที่เป็นฌรคซึมเศร้าได้ และกลิ่นนี้ยังช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น แก้ปัญหาให้กับคนนอนไม่หลับโดยเฉพาะ หรือคนที่นอนหลับแบบไม่มีประสิทธิภาพด้วย
เพิ่มความแอกทีฟด้วย "Orange"
มาถึงกลิ่นบำบัดที่ 3 เป็นกลิ่นของ "Orange" ที่มีส่วนผสมของสารที่ได้จากพืชตระกูล Citrus ที่ให้ความรู้สึกเปรี้ยว กลิ่นนี้จะช่วยให้สาวๆ รู้สึกกระฉับกระเฉง กระชุ่มกระชวย และสร้างความกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดี โดยเราแนะนำให้ใช้กลิ่นนี้ในตอนเช้านะคะ ใครที่ขี้เกียจลุกจากที่นอน ลองจุดเทียนหอมหรือสเปรย์กลิ่นนี้ให้ทั่วห้อง รับรองคุณจะแอกทีฟพร้อมลุกจากเตียงขึ้นมาทันที นอกจากนี้ยังจะแอบบอกว่า กลิ่นนี้ยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นและมีน้ำมีนวลด้วยนะคะ
...
สดชื่นแบบตะวันออกจาก "Lemongrass"
"Lemongrass" หรือกลิ่นตะไคร้ กลิ่นบำบัดนี้อาจทำให้สาวๆ หลายคนร้องยี้ขึ้นมาได้ แต่เชื่อหรือไม่คะว่า...กลิ่นตะไคร้มันคือกลิ่นที่เป็นตัวแทนโลกตะวันออกเลยนะคะ บางคนอาจคิดว่าเหมาะที่จะเป็นกลิ่นอาหารที่ฉุนๆ มากกว่า แต่จริงๆ แล้วกลิ่นตะไคร้จะให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ลดความกระวนกระวาย และบรรเทาอาการปวดศรีษะ ในเวลาเดียวกันกลิ่นตะไคร้ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อย แลพการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อลงด้วย ทั้งนี้ถ้าสาวๆ ลองฉีดกลิ่นตะไคร้ภายในห้องทำงานตอนช่วงสายของวัน จะทำให้สาวๆ ทำงานได้อย่างลื่นไหลแน่นอน โดยเฉพาะคนที่ต้องใข้ความคิดมากๆ เพราะกลิ่นนี้จะช่วยสร้างความสดชื่น ทำให้สมองปลอดโปร่งด้วยจ้า
"Lotus" บำบัด "ความทรงจำ"
กลิ่นสุดท้ายของกลิ่นบำบัด คือ "Lotus" หรือกลิ่นบัว กลิ่นที่แทนคุณค่าของชีวิต ด้วยการนำบัวมาเป็นดอกไม้แห่งการบูชา และการนำประกอบในทุกส่วนของต้นบัวมาใช้ประโยชน์ ตั้งแต่ดอก ฝัก ใบ ต้น และราก ทำให้บัวจึงเป็นเสมือนตัวแทนของประโยชน์และคุณค่านั่นเอง ด้วยความล้ำลึกแห่งคุณค่าและกาลเวลา ทำให้กลิ่นของบัวช่วยบำบัดความทรงจำ รักษาโรคอัลไซเมอร์ และปรับสมดุลให้ร่างกาย ทำให้เรามีชีวิตยืนยาวมากขึ้น เพราะในกลิ่นของดอกบัวจะมีสรรพคุณสร้างสมดุลทางอารมณ์ ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย เกิดสมาธิหรือการจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ทำให้ไม่ยึดติดอยู่ในอดีต หรือวิตกกังวลถึงอนาคต เรียกว่าบำบัดความทรงจำได้อย่างดี
...
นี่คือเรื่องราวของ "กลิ่น" และ "กลิ่นบำบัด" ที่รักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจ และจิตวิญญาณ สาวๆ คนไหนรู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจ ลองหันมาให้ความสำคัญกับประสาทสัมผัสทั้งห้าดูนะคะ เพราะนอกเหนือจาก "กลิ่น" จะบำบัดร่างกายและจิตใจ การสัมผัสด้วยรูปหรือเสียง ก็สามารถบำบัดสุขภาพได้เช่นกัน ติดตามอ่านบทความเกี่ยวกับ "สุขภาพ" ได้ที่นี่ ไว้วันหน้าเราจะมาคุยกันเรื่อง "สีบำบัด" กันบ้าง...ดีมั้ยคะ?