Lady MIRROR เคยได้ยินคำนี้มั้ยคะ กับคำที่ว่า...การ "ป้องกัน" ถูกกว่าการ "รักษา" 10 เท่า หนึ่งในคำพูดจาก พญ.กอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกันแห่งจิณณ์เวลเนสคลินิก ระหว่างการพูดคุยถึงเทรนด์การดูแล "สุขภาพ" ในยุคปัจจุบัน และนี่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ ในการเริ่มต้นดูแลตัวเองของผู้หญิงอย่างเรา เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะมีเวลาว่างหรือไม่ก็ตาม แต่การมีสุขภาพที่ดียังมีผลต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน โดยเฉพาะสาววัยทำงาน ที่หลีกหนีไม่พ้นความเครียด ความกดดันจากการทำงาน หรือการนอนน้อยนอนดึก ที่ทำให้การหลับไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ตัวการของการพักผ่อนอย่างไม่ถูกวิธี จึงเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ร่ายกายเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว นี่ยังไม่ได้หมายรวมถึงสาวสายดริงก์หรือสาวกปิ้งย่าง ที่คอยเติมสารพิษลงในร่างกายอยู่ตลอดเวลา แน่นอนหากสาวๆ ยังอยู่ในวัยที่ไม่เกิน 35 ปี อาจยังไม่รับรู้ถึงโรคร้ายใดๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ร่างกายส่งสัญญาณแสดงอาการเจ็บป่วยต่างๆ ออกมา เมื่อนั้น...การรักษาอาจไม่ทันการณ์!! ที่สำคัญต้องใช้เงินในการ "รักษา" เป็นจำนวนมากด้วย

รีวิวแพทย์ทางเลือก ดูแลสุขภาพตัวเองแบบองค์รวม

...

รู้จักการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

แต่จะดีกว่ามั้ย? ถ้าเรารู้ลึกเกี่ยวกับ "สุขภาพ" ของตัวเองและรู้จักป้องกันโรคภัยที่จะเกิดขึ้น ยิ่งในยุคปัจจุบัน...การดูแลสุขภาพตัวเองถือเป็นเทรนด์ที่สาวๆ หลายคนยอมรับ นอกเหนือจากการลดหุ่นเพื่อบอกลาความอ้วนเพียงอย่างเดียว จริงอยู่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ถือเป็นหนึ่งในวิธีการดูแลตัวเองอย่างหนึ่ง แต่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย เพราะการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จะเน้นการดูแลในเชิงการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ ทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล ที่มุ่งไปที่การปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ จากภายในสู่ภายนอก ฟังแล้วก็น่าสนใจไม่น้อย จึงอยากพา Lady MIRROR ทุกคนไปรู้จักศาสตร์แห่งการดูแลตัวเองแบบองค์รวมให้มากขึ้นที่จิณณ์เวลเนสคลินิก จึงเป็นจุดหมายปลายทางในการดูแลตัวเองของเราในวันนี้

พญ.กอบกาญจน์ ผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม บอกกับเราว่า...การมีสุขภาพที่ดี ต้องเริ่มต้นจากภายในสู่ภายนอก ด้วยการใช้หลักความสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยใช้ศาสตร์ธรรมชาติบำบัด ผสมผสานกับการแพทย์ทางเลือก ควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน ในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันและชะลอความเสื่อมจากโรคภัยต่างๆ แต่จะต้องดีที่สุดในจุดที่คุณต้องเป็นได้!! 

SWAT Analysis วิเคราะห์สุขภาพเฉพาะบุคคล

หนึ่งในโปรแกรมที่เราได้เริ่มต้นทำเพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวม คือ การพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ในขั้นตอนนี้ก็ได้ฟังคุณหมอเล่าถึงภาพรวมของการดูแลตัวเองแบบเวลเนส ก่อนที่คุณหมอจะมาทำการแมะที่ข้อมือ ซึ่งเป็นศาสตร์ของการแพทย์แผนจีน ด้วยการสัมผัสลักษณะการเต้นของชีพจร ทั้งนี้ชีพจรในแต่ละตำแหน่งจะแตกต่างกันออกไป การแมะจะบ่งบอกถึงพลังของแต่ละอวัยวะ สำหรับการแมะครั้งนี้นั้นคุณหมอเองก็ออกตัวว่า เราไม่อยากใช้คำว่า "แมะ" สักเท่าไหร่ เพราะหลายคนอาจตีความแตกต่างกันออกไป แต่คุณหมออยากให้ฟังดูว่า สิ่งที่คุณหมอวิเคราะห์จะตรงกับที่เครื่องตรวจหรือไม่ เพราะเดี๋ยวเราจะต้องไปตรวจร่างกายกับเครื่อง PEMF อีกครั้ง ซึ่งคุณหมอบอกกับเราว่า หมอเรียนและทำแบบนี้มาไม่ต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างจากเครื่องเลย นั่นเป็นเพราะประสบการณ์ตรงนั่นเอง ขณะเดียวกันคุณหมอบอกว่าเครื่องดังกล่าว ยังสามารถรักษาสุขภาพในเชิงป้องกันได้อีกด้วย เดี๋ยวเราจะได้ไปทำกัน

คุณคะ...พักผ่อนน้อยใช่มั้ย? กลางคืนนอนไม่หลับรึเปล่า? แล้วช่วงนี้โมโหง่าย? หงุดหงิดง่ายใช่มั้ย? คุณหมอกล่าวหลังจากการสัมผัสชีพจรของเรา ซึ่งก็ต้องบอกตามตรงว่า...เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะระยะหลังมานี่ เราเองก็ไม่ได้ออกกำลังกายหรือดูแลตัวเองเท่าไหร่ แม้กระทั่งการดื่มน้ำให้ได้ปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน แล้วคุณหมอจึงบอกว่า ร่างกายเราขาดน้ำ ตับ ช่องท้อง และระบบการย่อยมีปัญหา ก่อนที่จะส่งเราไปทำ SWAT Analysis ให้ข้อมูลต่างๆ แล้วหาจุดแข็งและจุดอ่อนของสุขภาพ เพื่อที่จะวิเคราะห์สุขภาพตัวเองจากไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของเรา 

สแกนร่างกายหาจุดบกพร่อง

จากนั้นก็ได้ไปทำ PEMF หรือชื่อเต็มๆ ว่า Pulsed Electromagnetic Field Therapy เริ่มต้นด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอ่อนๆ สแกนทั่วร่างกายเพื่อค้นหาเซลล์ที่ทำงานผิดปกติหรือเสียสมดุล ตอนทำก็รู้สึกปลอดภัยมากๆ ไม่รู้สึกเจ็บ และน่ากลัวเหมือนการตรวจร่างกายทั่วไปที่มีเครื่องมือทางการแพทย์เยอะๆ ครั้งนี้มีเพียงเครื่อง PEMF และอุปกรณ์ 2 ชิ้น มาวางที่หน้าท้องและคอเท่านั้น ระหว่างที่เครื่องกำลังสแกนร่างกาย เจ้าหน้าที่ก็ให้ข้อมูลตามที่เราสงสัย แอบสงสัยเจ้าหน้าที่เช่นกัน เพราะเราก็ถามเยอะจริงๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เริ่มบอกข่าวดี ไม่ใช่ซินะ...ข่าวร้ายเล็กๆ มากกว่า นั่นคือผลการสแกนร่างกายที่พบจุดที่เซลล์ทำงานผิดปกติในร่างกาย ซึ่งเซลล์ที่พบปัญหา ก็คือตับ ช่องท้อง และระบบการย่อยอาหาร ตรงมากๆ กับที่คุณหมอบอกไว้ตอนต้น 

...

การตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ในครั้งนี้ บ่งบอกชัดเจนว่า เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของตัวเองได้แล้ว ถ้าตรงไหนพบว่ามีปัญหามาก ก็ต้องไปตรวจร่างกายแบบถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยจนเป็นโรคร้าย และไปวางแผนการรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจากข้อมูลทางกราฟิกของอวัยวะต่างๆ ที่ระบุสีสันความรุนแรงของปัญหา จะพบว่ามีสีแดงเข้มจนถึงสีดำ สำหรับของเราก็ชัดเจนเลยจ้า แต่ก็ยังสบายใจได้หน่อย อย่างน้อยเซลล์ของอวัยวะอื่นๆ ก็ยังไม่พบว่ามีปัญหาแต่อย่างใด 

เปลี่ยนเซลล์พังๆ เป็นเซลล์ที่แข็งแรง

มาจ้า...ทีนี้มาเริ่มทำการรักษาเซลล์ที่ผิดปกติ เริ่มต้นที่การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุ้นเซลล์ที่เสื่อม ให้กลับมาทำงานและทำหน้าที่อีกครั้ง เจ้าหน้าที่บอกว่าการทำแบบนี้ผลที่ได้รับคือ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองให้ดีขึ้น และยังกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้มีภูมิต้านทานโรคดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังช่วยดูดซึมสารอาหารเข้าเซลล์ได้มากขึ้น กระตุ้นการขับของเสียออกจากร่างกาย บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง และอาการภูมิแพ้ได้ ทำให้รู้สึกสดชื่นมีพลังงานมากขึ้น การนอนหลับดีขึ้น และยังฟื้นฟูสมองและความจำ ทำให้อารมณ์ดีและสมดุลด้วย

...

วิตามินบำบัด รักษาตรงจุด

พอทำตรงนี้เสร็จ คุณหมอก็เริ่มให้เราดูแลตับเป็นพิเศษ ด้วยการใช้วิตามินบำบัด เพราะวิตามินจะมีส่วนช่วยให้ลดการอักเสบของเซลล์ลงได้ ซึ่งวิตามินที่เราได้รับ ก็ไปช่วยบำรุงและดูแลตับโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าสาวๆ มาทำ แต่ละคนก็อาจจะได้รับวิตามินที่แตกต่างกันออกไป ตามลักษณะปัญหาที่ตรวจพบของแต่ละคน นอกจากนี้คุณหมอยังให้เราไปประคบตับที่ห้องประคบอีกด้วย โดยนอนประคบความร้อน 20 นาทีแล้วฟังเพลงแบบสบายใจ เราก็แอบว้าว...ตรวจด้วยนวัตกรรมสุดล้ำ แต่การรักษากลับมาในรูปแบบแพทย์ทางเลือก ด้วยการใช้ศาสตร์แบบไทย ผสมผสานกับการใช้ครีมบำรุงตับแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน ทำให้เรารู้สึกสบายใจมากๆ กับการดูแลสุขภาพของตัวเองในการใช้การแพทย์ทางเลือกแบบนี้ เรียกได้ว่า...รู้สึกไม่เป็นโรค แต่รู้สึกว่ากำลังดูแลตัวเองอย่างตรงจุดและถูกวิธีมากๆ 

รีวิวผลการทำ

สุดท้ายขอรีวิวผลการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเฉพาะบุคคล เอาชัดๆ เลยนะ หลังจากที่กลับมาจากการทำในวันนั้น เรานอนหลับได้ดีขึ้นและสามารถนอนได้เร็วขึ้นจริงๆ ยังงงใจกับตัวเอง การทำแบบนี้ช่วยได้จริงๆ และที่สำคัญระบบขับถ่ายดีขึ้นมากๆ ส่วนหนึ่งเราทำตามที่คุณหมอบอก ให้ดื่มน้ำมากๆ เพราะร่างกายขาดน้ำมาก ทำให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ไม่ดีไปด้วย พอเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ร่างกายเริ่มฟื้นฟู ปรับตัวเองจนสมดุล และรู้สึกสมองปลอดโปร่ง ที่สำคัญผิวพรรณดีขึ้น หน้าตาสดชื่นมากๆ อยากบอกกับสาวๆ แบบนี้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีสุขภาพภายในที่ดี ทั้งร่ายกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ความงามที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา ก็จะปรากฏขึ้นที่ภายนอกเอง คุณหมอบอกว่า...การดูแลตัวเองแบบนี้ เป็นการลงทุนดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ที่จะสร้างความงามจะยั่งยืนจากภายในสู่ภายนอกได้จริงๆ 

...

เอาล่ะ...สาวๆ นี่คือทางเลือกหนึ่ง ที่กำลังเป็นเทรนด์ดูแลสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่ง ลองไปทำตามกันดูนะคะ เพราะบางทีการใช้ชีวิตของเรา ก็ถือเป็นการทำร้ายร่างกายได้เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อรู้ว่าต้องทานอาหารวันละ 3 มื้อ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับให้เพียงพอ ทุกคนรู้หมดหนทางแห่งสุขภาพดี แต่จะมีใครทำได้หรือไม่...อันนี้สาวๆ ตอบในใจเลยจ้า.