หลังจากทางการจีนให้สายรหัสพันธุกรรมไวรัสอู่ฮั่นมาเป็นตัวเปรียบเทียบ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สั่งการให้ห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยสามารถตรวจยืนยันผู้ป่วยคนจีนรายแรกที่พบในไทยได้ทันทีภายหลังการระบาดของโรค

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานเดียวของกระทรวงสาธารณสุขในการตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นหรือโคโรนา ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (nCoV2019) ที่กำลังระบาดอยู่ในจีนขณะนี้โดยส่วนกลางตรวจที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (สวส.) สามารถรายงานผลได้ภายใน 3 ชม. หลังจากได้รับตัวอย่างส่งตรวจ

...

“การตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ใช้เทคนิคการตรวจในห้องปฏิบัติการที่เรียกว่า Realtime RT-PCR หรือการตรวจรหัสพันธุกรรมเฉพาะตัวไวรัสอู่ฮั่น RT คือ Reverse transcriptase เป็นกระบวนการเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมอาร์เอ็นเอ (RNA) ของไวรัสให้เป็นสายคู่แบบดีเอ็นเอ (DNA) ก่อน แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการตรวจแบบ PCR (Polymerase chain reaction) ซึ่งแม่นยำ เชื่อถือได้ และใช้เวลาไม่นาน” คุณหมอโอภาสบอกพร้อมกับให้ข้อมูลว่า ไวรัสอู่ฮั่น เป็นอาร์เอ็นเอไวรัสในกลุ่มโคโรนาไวรัส มีระยะฟักตัวในคน 2-7 วัน เมื่อหายจากโรคแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดเหมือนไวรัสไข้หวัดทั่วๆไป คนติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ทั้งที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย หรือมีอาการหนักจนปอดบวม เชื้อจะอยู่ในตัวคนได้ราว 7-10 วัน จะถูกกำจัดโดยภูมิคุ้มกันของตัวคนเราเอง

คุณหมอโอภาส บอกว่า สิ่งส่งตรวจที่นำมาตรวจ ได้แก่ สารคัดหลั่งในลำคอ (Throat swab) นำมาตรวจด้วยเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม ถ้าใช่ตัวเชื้อ ก็จะมี probe หรือ ส่วนแสดงผลจากการเรืองแสง และ primer เป็นสารพันธุกรรมสั้นๆของเชื้อมาตรฐาน ที่จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสายพันธุกรรมจนต่อเชื่อมไปถึง probe แล้วจะสะท้อนแสงขึ้น จึงสามารถดูได้ทันที วิธีตรวจจึงเรียกว่า Real-time RT-PCR

“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาการตรวจด้วยวิธี Real-time RT-PCR โดยออกแบบ primer และ probe ที่มีความจำเพาะต่อเชื้อ Novelcorona virus 2019 (nCoV2019) โดยตรวจหาสารพันธุกรรมยีนเป้าหมาย จากสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจในคอ (Throat swab) ซึ่งไม่ว่าคนไข้จะมีอาการไอหรือไม่ไอ มีน้ำมูกหรือไม่มี ก็สามารถตรวจหาเชื้อได้”

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า ขณะนี้ห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจหาเชื้อโคโรนา ไวรัส 2019 ได้ มีทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยในส่วนกลางส่งตรวจได้ที่ห้องปฏิบัติการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (ส่วนกลาง) และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ (ศวก.) ส่วนในภูมิภาคขณะนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เชียงใหม่, นครสวรรค์, ชลบุรี, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต และสงขลา มีความพร้อมทางห้องปฏิบัติการในการรับมือสถานการณ์ระบาดของไวรัสอู่ฮั่น สามารถตรวจหาเชื้อได้แบบจำเพาะ แม่นยำ ใช้เวลาไม่นาน

...

“สิ่งที่ต้องระวังและควบคุมมากที่สุดไม่ใช่ผลการตรวจ แต่เป็นสิ่งส่งตรวจที่ต้องมีการเก็บอย่างเหมาะสม บางครั้งหากตรวจแล้วผลออกมาไม่ตรง อาจเกิดจากตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือด้อยคุณภาพ ได้แก่ ตำแหน่งที่เก็บสิ่งส่งตรวจไม่สัมพันธ์กับพยาธิสภาพของโรค หรือระยะเวลาที่เก็บห่างจากวันเริ่มป่วยมากเกินไป ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ทบทวนคำแนะนำการเก็บและนำส่งสิ่งส่งตรวจพร้อมกับเก็บตัวอย่างใหม่ส่งตรวจซ้ำ” คุณหมอโอภาสบอกและว่า แต่หากผลการตรวจเป็นบวกจะดำเนินการตรวจยืนยันอีกครั้งด้วยการตรวจลำดับนิวคลิโอไทด์ (Nucleotide sequencing) ใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์ 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้การสรุปผลการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อ nCoV 2019 มีความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนรักษาต่อไป โดยบอกว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ ขอให้ประชาชนมั่นใจ

ด้าน นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บอกว่า ขณะนี้ผลตรวจแล็บผู้ป่วยที่พบในไทย คนที่มีผลบวกพบเชื้อไวรัสอู่ฮั่น เมื่อตรวจซ้ำพบว่า ผลเป็นลบในเวลาไม่เกิน 10 วัน ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีผู้ป่วยหรือผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นก็จะต้องกักตัวแยกไว้ดูแลรักษาหรือสังเกตอาการ 14 วัน ถ้าได้ผลตรวจเชื้อเร็ว คนที่ถูกกักตัวเมื่อตรวจแล้วให้ผลลบก็จะได้ไม่ถูกกักยาวนานถึง 14 วัน ทั้งนี้ การติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น อาจมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้ เมื่อติดเชื้อแต่ไม่มีอาการก็ติดต่อได้ แต่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดได้ว่า “โรคนี้รุนแรงมาก” จึงติดต่อได้แม้เป็นช่วงระยะฟักตัว แต่จริงๆแล้วการไม่มีอาการโอกาสติดน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่คนจะติดเชื้อไวรัสนี้จากสิ่งคัดหลั่งจากทางเดินหายใจที่ออกมาทางน้ำลาย เมื่อไม่มีอาการก็จะไม่มีน้ำมูก ไม่มีเสมหะ

...

“ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนก จริงๆแล้วความรุนแรงของโรคไม่ได้รุนแรงมากอย่างที่หวาดกลัวกัน เพียงแค่คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน จึงเกิดการระบาดได้ง่าย และต้องใช้เวลาอีกเป็นปี การระบาดก็จะชะลอตัวลงกลายเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป” รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวและย้ำว่าไวรัสอู่ฮั่นไม่ได้ติดต่อทางอากาศ แต่ติดต่อผ่านทางละอองฝอยของสิ่งคัดหลั่งจากเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวไวรัสหลายร้อยเท่า การใส่หน้ากากอนามัยธรรมดาจึงสามารถป้องกันได้

...

ล่าสุด ประเทศที่มีการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อแล้ว ประกอบด้วย ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ไทย เวียดนาม กัมพูชา ศรีลังกา เนปาล เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฟินแลนด์.