"คุณผู้หญิง"หลายคนมักจะมีความเชื่อที่ว่า หากต้องการ "ลดน้ำหนัก" ต้องหันมารับประทาน "ผลไม้" เนื่องจากเชื่อว่าผลไม้ทุกชนิดนั้นรับประทานแล้วไม่อ้วน เพราะให้ความหวานแบบธรรมชาติ แถมยังแคลอรีต่ำ...(เคล็ดลับ "ปั้นก้น" กลม พร้อมนุ่งบิกินีรับซัมเมอร์)

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ เห็นว่าตอนนี้สาวๆ จำนวนมากเข้าใจผิด คิดว่าผลไม้ทุกชนิดสามารถเป็นตัวช่วยลดน้ำหนักได้ จึงซัดแทนมื้อเย็น ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงสุก ทุเรียน ลำไย ลองกอง ลิ้นจี่ และสับปะรด เป็นต้น เราจึงจะมาคลายความสงสัยว่าหากเรารับประทานผลไม้ที่มีน้ำตาลจะทำให้เราอ้วนหรือผอม?

น้ำตาลในผลไม้

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า น้ำตาลที่อยู่ในผลไม้ เวลาที่เราทานคือน้ำตาล "ฟรุกโตส" (Fructose) หรือน้ำตาลที่มาจากธรรมชาติโดยไม่ผ่านการสังเคราะห์ใดๆ จึงมีแคลอรีที่น้อยกว่า และมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าน้ำตาลที่ขายกันอยู่ตามท้องตลาด

...

การทำงานของ "ฟรุกโตส" ในร่างกาย

ฟรุกโตสจะถูกเก็บไว้ในตับ และตับเรามีจำนวนจำกัดที่จะเก็บฟรุกโตสได้ (ประมาณ 50 กรัม/วัน) เช่น แอปเปิ้ล ลูกนึงมีฟรุกโตสประมาณ 11 กรัม ดังนั้นเมื่อเราอยู่ในช่วงลดน้ำหนักโดยมีการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนฟรุกโตสไปเป็นกลูโคส หรือเก็บเป็น liver glycogen แทนที่จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม

(ปัจจุบันมีสารให้ความหวานหลายชนิดที่กลั่นออกมาในรูปแบบน้ำตาลฟรุกโตส เช่น น้ำอัดลมชนิดไดเอต แต่ 1 กระป๋อง ก็มีน้ำตาลฟรุกโตสมากกว่า 50 กรัมแล้ว) 

7 ตัวอย่างผลไม้น้ำตาลสูง (ฟรุกโตส/100 กรัม)

1. ทุเรียนสุกจัด 24 กรัม

2. มะม่วงสุก 21.7 กรัม

3. กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า 18.3 กรัม

4. เงาะ 19.4 กรัม

5. มะขามหวาน 23.4 กรัม

6. ลองกอง 5.2 กรัม

7. ลิ้นจี่ 17.9 กรัม

5 ตัวอย่าง ผลไม้น้ำตาลน้อย (ฟรุกโตส/100 กรัม)

1. ชมพู่ 5.8 กรัม

2. แตงโม 5.2 กรัม

3. ฝรั่ง 4.7 กรัม

4. สตรอว์เบอร์รี่ 0.7 กรัม

5. มะนาว 1.7 กรัม

ขอเตือนอีกทีว่า การลดน้ำหนักที่ดีต้องไม่เครียดหรือกดดันตัวเองมากเกินไป ตราบใดที่คุณทานน้ำตาลส่วนมากจากผลไม้ซึ่งมาจากธรรมชาติ ประโยชน์นั้นมากกว่าโทษแน่นอน บวกกับยิ่งถ้าออกกำลังกายอีกด้วย ก็หายห่วงได้เลยจ้า

อ่านต่อบทความเกี่ยวกับการ "ลดน้ำหนัก" เพิ่มเติม:

...