ทุกคนรู้ดีว่าการ "นอนหลับ" มีผลต่อการ "ลดน้ำหนัก" เป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยสร้างความสมดุลให้กับอารมณ์ การนอนไม่เพียงพอ หรือนอนน้อยมีผลเสียต่อระบบร่างกาย รวมถึงส่งผลทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงด้วย

แต่คุณผู้หญิงหลายคน มักจะมีอาการนอนไม่หลับที่เกิดจากความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ หรือสิ่งรบกวนจากสภาพแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะพาคุณไปรู้จักกับ 2 ตัวช่วยที่จะทำให้การนอนหลับของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น 

ข้อเสียของการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ข้อเสียของการนอนน้อยคือ ง่วงนอน เบลอแต่เช้านี้ ซึมเซาตลอดทั้งวัน อารมณ์ปรวนแปร หงุดหงิดง่าย มีการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างช้าลง และอาจหลับในโดยไม่รู้ตัว

หากมีพฤติกรรมนอนน้อยสะสมเรื่อยๆ จะส่งผลเสียในระยะยาว ระบบภายในร่างกายจะแปรปรวนและสูญเสียสมดุล โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่สำคัญคือเป็นสาเหตุให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น สมองจะสั่งการให้คุณอยากรับประทานของหวาน ทำให้อ้วนขึ้นไปอีก

...

เปิด 2 ตัวช่วยให้การนอนหลับของคุณง่ายยิ่งขึ้น

1. เมลาโทนิน

ตามธรรมชาติของคนเรา เมื่อค่ำลงร่างกายจะเริ่มสร้างฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่ทำให้ง่วงนอน มีการศึกษาพบว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการนอนก็คือ ระหว่าง 22.00-01.00 น. เพราะเป็นช่วงที่สมองหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินทำให้นอนหลับสนิทขึ้น

เมลาโทนิน เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ปัจจุบันมีการจำหน่ายเมลาโทนินในหมวดอาหารเสริม แต่ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้คุณไม่สามารถหลับเองได้ ทางที่ดีลองปรึกษาแพทย์จะดีกว่าซื้อยามารับประทานเอง เพราะผลข้างเคียงจากเมลาโทนินยังมีอยู่เยอะ อาทิ ปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ และอาเจียน 

2. ทริปโตเฟน

ทริปโตเฟนคือ กรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็น โดยร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่จะได้รับจากอาหารต่างๆ ที่เรารับประทานเข้าไป 

ทริปโตเฟนพบได้ในนม เนย ไข่แดง เนื้อสัตว์ ปลาทู ปลาแซลมอน เนื้อไก่ ถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ แป้งสาลี อินทผลัมแห้ง กล้วย คอตเทจชีส (Cottage Cheese) และอาหารที่มีโปรตีนสูงทุกชนิด ดังนั้นมื้อเย็นของคุณควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนเหล่านี้ หรือไม่ก็ดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วก่อนนอนก็ได้

อาการนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย แต่จะพบได้มากในผู้หญิงและผู้สูงอายุ หากคุณสาวๆ ลองทําตามคําแนะนําข้างต้นแล้วยังไม่ได้ผล ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ ขอแนะนำว่าต้องรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมของแต่ละคนต่อไปนะคะ