เทรนด์ "ลดน้ำหนัก" ที่กำลังมาแรงในตอนนี้คงหนีไม่พ้น 'คีโตเจนิค' (Ketogenic Diet) หรือวิธีการลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บ สามารถรับประทานไขมันได้ เพียงแค่ตัดแป้งและน้ำตาลออกไป

แต่ประเดี๋ยวก่อน... ไม่ใช่ว่าพอเราบอกว่าสามารถรับประทานไขมันได้ แล้วคุณจะไปซัดโรตีทอดกรอบเป็นอาหารมื้อหลักก็ไม่ใช่นะคะ วันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จึงจะมาบอกเล่าถึงวิธีการลดน้ำหนักแบบ คีโตเจนิค ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้คุณผู้หญิงเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีไดเอตชนิดนี้อย่างถูกต้องกันค่ะ

คีโตเจนิค ไดเอต คืออะไร?

การลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค มีลักษณะคล้ายกับการลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บ หรือลดคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลให้น้อยลง แต่แตกต่างกันที่คีโตเจนิคจะเน้นไปที่การบริโภคไขมันดี และโปรตีนเป็นหลัก

ทำไมรับประทานไขมัน แต่น้ำหนักยังลด?

เพราะการรับประทานไขมันควบคู่กับโปรตีนเป็นหลัก จะทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายเกิดอาการ "ตกใจ" ที่อยู่ๆ ไม่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลมาให้เผาผลาญแบบปกติ ร่างกายจึงจำเป็นต้องหาแหล่งพลังงานจากที่อื่น สุดท้ายจึงต้องดึงเอาไขมันที่เก็บสะสมไว้ออกมาเผาผลาญแทนน้ำตาล

...

แล้วร่างกายจะเป็นอย่างไร?

ในช่วงแรกของการลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค จะรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีกลิ่นปาก และมีอารมณ์เหวี่ยง (สำหรับบางคน) ซึ่งนี่เป็นอาการปกติที่มักจะเกิดจากการไม่ได้รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล แต่เมื่อรับประทานต่อเนื่องไประยะหนึ่งแล้ว เมื่อร่างกายดึงเอาไขมันออกมาเผาผลาญ...ตับก็จะไม่หลั่งอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาล เราก็จะไม่รู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่ายอีกต่อไป

เริ่มรับประทานอย่างไร?

เน้นรับประทานเฉพาะโปรตีนและไขมันดี ส่วนคาร์โบไฮเดรตนั้นสามารถรับประทานได้ตอนเช้า อาจจะเป็นขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น (เท่านั้น แต่ถ้าเลี่ยงไม่กินเลยใน 14 วันแรกจะดีกว่า) ควบคู่ไข่ต้ม หรือเบคอนก็ยังได้ ควรรับประทานแบบเคร่งครัดติดต่อกัน 14 วัน หลังจากนั้นสามารถปรับเปลี่ยนเป็นการรับประทานแบบโลว์คาร์บควบคู่กันไป แต่ไม่ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ต่อเนื่องเกิน 6 เดือน เพราะอาจทำให้คุณสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่ดีได้

รับประทานอะไรได้บ้าง

สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ หมูสามชั้น เบคอน ชีส นมพร่องมันเนย อะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และถั่วทุกชนิด

เรารู้ว่าคุณกำลังยิ้มอยู่ เพราะที่กล่าวมามีแต่ของโปรดทั้งนั้น แต่ก็ควรกินไขมันต่างชนิดควบคู่กันไป เช่นใน 1 วัน ควรมีทั้งไขมันจากสัตว์และไขมันพืชด้วย

จะให้ดี ต้องดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว แต่อนุโลมให้ดื่มกาแฟ 

อะไรที่ไม่สามารถรับประทานได้

อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เบเกอรี่ เค้ก ชานมไข่มุก ไอศกรีม โรตี ปาท่องโก๋ และอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ ซึ่งพวกนี้ไม่ดีต่อร่างกายอยู่แล้ว อ๋อ...ผักบางชนิดที่มีคาร์โบไฮเดรตปริมาณมากอย่างเผือกและหัวมันก็ขอให้เลี่ยงไปก่อนนะจ๊ะ

ที่สำคัญคือ...คุณต้องโบกมือลาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วยนะ เพราะส่วนใหญ่มีน้ำตาลอยู่มหาศาลเลยจ้า

รีวิวประสบการณ์ส่วนตัว กับการไดเอตแบบคีโตเจนิค

ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ตัวผู้เขียนเองเคยลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้อยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เคร่งเท่าใดนัก ขึ้นอยู่กับความสะดวกในช่วงนั้นๆ ประกอบกับระยะหลังเริ่มออกกำลังกายมากขึ้นทั้งเวทเทรนนิ่งและคาร์ดิโอ ทำให้น้ำหนักและสัดส่วนลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

...

เราต้องบอกว่า ในระยะเริ่มแรกของการลดน้ำหนักนั้น ต้องแข่งกับใจตัวเองเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถรับประทานน้ำตาลได้ ทำให้เกิดอารมณ์เหวี่ยงอยู่พอสมควร อีกทั้งการรับประทานวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ เพราะเราไม่สามารถรับประทานข้าวราดแกง ข้าวผัดกะเพราได้ตามใจชอบดั่งเช่นพนักงานออฟฟิศทั่วไป ทำให้ลำบากอยู่พอสมควร

แต่เมื่อทำได้มาระยะหนึ่งจะเกิดความเคยชิน เลยเลือกอาหารที่รับประทานได้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับการออกกำลังกาย ทำให้น้ำหนักลดไปประมาณ 5 กิโลกรัม ในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน (ก่อนลดมีน้ำหนักตัว 54 กิโลกรัม หลังลดมีน้ำหนักตัว 49 กิโลกรัม) โดยตลอดระยะเวลา 2 เดือนนี้ มีว่อกแว่กไปกับชานมไข่มุกบ้าง (ดื่มให้พอหายอยากแล้วตัดใจทิ้งทันที) 

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนอยากจะเตือนว่า การลดน้ำหนักไม่ว่าจะวิธีไหนก็ควรศึกษาขั้นตอนอย่างละเอียด และวิธีนี้ก็เช่นกัน ควรศึกษาให้ดีถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ที่สำคัญคือคุณควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตลอดจนปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย.

...

ลิ้งที่เกี่ยวข้อง

9 ข้อห้าม ต้องรู้ก่อนไป "นวดแผนไทย"

เปิดสูตร "สครับกากกาแฟ"