“มาชิตะ แปลว่า อร่อย มาหาหน่อย แปลว่า คิดถึง ...” อุ้ย งานเสี่ยวก็มา ไม่ต้องตกใจกับมุกเสี่ยวของเรา เพราะจริงๆ แค่อินไปนิดนึงกับความเป็นเกาหลี สัปดาห์นี้คู่มือคนเมืองไทยรัฐออนไลน์ได้ไปร้านอาหารเกาหลีชื่อดัง บลูโกกิ บราเธอร์ส ซึ่งได้ไปลองแล้วอร่อยจนเราต้องพูดเป็นภาษาเกาหลีว่า ‘มาชิตะ’...
ก่อนจะไปชิมเมนูเด็ด เราขอเท้าความก่อนว่า 'บลูโกกิ บราเธอร์ส' เป็นร้านอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมมานานนับ 10 ปี ตอนนี้สาวกไม่ต้องไปกินกันไกลถึงเกาหลีแล้ว เพราะร้านนี้ได้เปิด 2 สาขาในไทยเป็นที่เรียบร้อย
...
บลูโกกิ เปรียบเสมือนตัวแทนของอาหารเกาหลีที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก รสชาติอาหารกลมกล่อม ทานง่าย และกรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอนตั้งแต่การนำเนื้อไปหมักกับซอสชั้นดีแล้วนำไปย่างบนเตาไฟจนได้ที่ พร้อมเสิร์ฟให้กับลูกค้า เพราะคำว่าบลูมีความหมายว่าไฟ ขณะที่คำว่าโกกิ หมายถึงเนื้อ ดังนั้นบลูโกกิจึงหมายถึงเนื้อย่าง ที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตอย่างพิถีพิถัน
เมนูแรก : บลูโกกิ บราเธอร์ส สเปเชียล
...
แค่เมนูแรกมาเสิร์ฟยังไม่ทันจะได้ลิ้มลองน้ำลายสอแล้วจ้า เมนูนี้เป็นเมนูที่รวมสองเมนูเข้าด้วยกัน คือเนื้ออุนยาง ที่เป็นรูปหัวใจ และเนื้อกวางยางเป็นตัวเนื้อผัดใส่ต้นหอม เราได้สอบถามเชพทำไมเนื้ออุนยางถึงต้องเป็นรูปหัวใจ เพราะมีสาขาหนึ่งที่เกาหลี ทำเพื่อเอาใจลูกค้าที่มาเป็นคู่รัก แล้วถูกใจลูกค้าเราเลยเปลี่ยนรูปลักษณ์มาตลอดเลยจนถึงตอนนี้ ซึ่งเมนูนี้ก็จะเป็นตัวที่ขายดี รสชาติก็จะออกเป็นสไตล์เกาหลี มีความหวานเค็ม ส่วนตัวเนื้ออุนยางเป็นตัวเนื้อหมักกับซอสทิ้งไว้รสชาติจะไม่ค่อยเข้มมากเป็นเพราะจะให้รสชาติของเนื้อโดดเด่น กวางยางจะนำมาผัดกับต้นหอมญี่ปุ่นจะมีกลิ่นหอมของหอมเพิ่มขึ้นมาซึ่งจะเข้ากับตัวเนื้อเป็นอย่างดี เข้าปากแล้วอร่อยฟินสุดๆ
เมนูที่ 2 : หมูสามชั้นย่าง
...
ฉันรักหมูสามชั้นย่างที่สุด!!! เมนูนี้เป็นเมนูขายดีในเมืองไทย เพราะคนไทยทานเนื้อน้อยกว่าหมูอยู่แล้ว หมูสามชั้นของที่นี่เป็นหมูที่คัดพิเศษ หมูสดมากไม่มีมันเยอะ แปลกันตรงๆ ก็คือมันน้อยกว่าเนื้อหมู เมื่อนำเนื้อหมูสามชั้นไปย่าง ควรย่างให้ความสุกกำลังดีมีความกรอบนิดนึงจะแจ่มมากเลย ทั้งยังนำไปจิ้มกับน้ำจิ้มก็จะเข้ากั๊นเข้ากัน ทานคู่กับผัก อู้หู มาชิตะะะะ
เมนูที่ 3 : หมูผัดเผ็ดสไตล์เกาหลี และชีส
...
อีเมนูเกาหลีที่ไม่ควรพลาด เป็นเนื้อหมูสไลด์ผัดกับหอมใหญ่ และต้นหอมญี่ปุ่น ใช้ซอสสูตรของทางร้านโดยเฉพาะ รสชาติออกหวานทั้งยังหอมมันของชีสที่ทานไปแล้วมีความเข้ากันดี เมนูนี้ที่เพิ่มเข้ามาเป็นตัวของชีสเพราะชีสฮิตมาก สมัยนี้ใครจะทานอะไรก็ชอบเอามาดิปกับชีส ทำให้เมนูนี้ขายดีสุดๆ
เมนูที่ 4 : หม้อไฟเกาหลีสูตรดั้งเดิม
เมนูนี้จะสาวกเกาหลีจะขาดไม่ได้ เมนูนี้มีค่อนข้างเยอะบอกเลยว่าต้องทานสองคนอิ่มสุดๆ ซึ่งเชฟได้บอกกับเราอีกว่า ในหลายร้านมักมีเมนูนี้ แต่ของทางร้านเด็ดตรงซอส เป็นสูตรพิเศษที่ปรุงขึ้นมาเอง แตกต่างจากร้านอื่นตรงที่เขาอาจจะใช้แค่ซอสชูจังเฉยๆ แต่บลูโกกิทำซอสเพิ่มขึ้นมาใส่เครื่องปรุงค่อนข้างเยอะ รสชาติก็จะมีความแตกต่างกัน ตัวผักกับตัวเนื้อต่างๆก็ใส่ไปเลยเต็มๆ หม้อใหญ่เบิ้มอิ่มสุดๆ
เมนูที่ 5 : ข้าวผัดกิมจิ ชีส
ปกติทางร้านมีข้าวผัดกิมจิอยู่แล้ว แต่พอดีกับช่วงนี้เป็นทางร้านมีเป็นแคมเปญ ชีสเฟสติเวิล จึงได้นำชีสมาใส่ในเมนูต่างๆ ซึ่งเมื่อได้ลองชิมกันแล้วสัมผัสได้ถึงตัวข้าวผัดชีสรสชาติเข้มข้น เพิ่มเติมตรงมีการใส่ชีสเอาใจลูกค้าวัยรุ่นและเข้ากับเทรนด์ปัจจุบันที่บอกเลยว่าชีสฟีเวอร์สุดๆ