ต้นเดือนที่ผ่านมา “คนไทย” กำลังสนุกกับการท่องเที่ยวในประเทศ “คุณชาย 3” เพิ่งไปเห็นมากับตา...กระจุกตัวอยู่บริเวณน้ำตกสาริกา นางรอง วังตะไคร้ จังหวัดนครนายก ซึ่งธารน้ำใสไหลจากเทือกเขาใหญ่ลงมา รีสอร์ตที่นั่นถูกจองเต็มล่วงหน้า ทำให้ขาจรตระเวนหาห้องพักกันเหงื่อตก...

ทริปนี้...ไม่ได้คิดจะไปกินไก่ย่างส้มตำ เพราะวางแผนไปเยือนร้านอาหารตำนานเดิมชื่อ “น้องนก” ที่เปลี่ยนเป็น “ฤาชาปราจีน” ให้งงเล่น...โดยไม่ได้เปลี่ยนเจ้าของ ร้านที่ว่าสไตล์สตรีทฟู้ดริมทางหลวงหมายเลข 33 นครนายก-ปราจีนบุรี ตรงรอยต่อกึ่งกลางสองจังหวัดที่ห่าง 14 กิโลเมตรเท่ากัน ตั้งอยู่บ้านหนองชะอม ต.โคกไม้ลาย ฝั่งปราจีนบุรี...จำง่ายๆก่อนถึงตลาดผลไม้หนองชะอมราว 500 เมตร

ปัจจุบันบริหารโดย ณฤาชา ซื่อวาจา ทายาทรุ่น 3 ที่เคยเป็นผู้จัดการธุรกิจไซเบอร์แห่งหนึ่ง...โดยแรกเริ่มนั้นมาจากคุณยายทำหมูสะเต๊ะเร่ขายตามงานวัดที่บ้านปากพลี โคกไม้ลาย เมื่อ 50 ปีก่อน พอปี 2520 ถึงรุ่นพ่อพัฒนาเป็นร้านตามสั่ง และย้ายมาอยู่ถาวรถึงวันนี้...

เอาล่ะครับ “คุณชาย 3” ขอเปิดฉากด้วยเมนู “หมูสะเต๊ะคุณยาย” ที่วางยั่วให้แอบกลืนน้ำลายอยู่เฮือกใหญ่ โถ...ใครจะทนได้...กับสะเต๊ะจานร้อนๆจากเตาปิ้ง กลิ่นเครื่องเทศอบอวลชวนกิน มีน้ำจิ้มและอาจาดครบเครื่อง จึงไม่ฟังอีร้าค่าอีรมชิงชิมอย่างไม่เกรงใจคนเป็นเจ้าของ

...

สาบานได้...นี่ไม่ใช่การชิมเพื่อชมเอาใจ แต่หมูสะเต๊ะจานนี้เนื้อนุ้ม...นุ่ม เป็นสูตรที่คุณยายเลือกคัดเฉพาะเนื้อหมูสันนอกติดมันเล็กน้อยให้ย่างแล้วไม่แข็ง แต่ได้สรรพคุณความนุ่ม

คุณยายลองผิดลองถูกเป็นครูพักลักจำ ส่งต่อให้ลูกหลานโดยใช้เครื่องเทศหมักด้วยผักชี-ยี่หร่าผสมนมสด ไข่กับกะทิ ให้กลิ่นหอม...รับรองว่ารสชาติไม่ต่าง SATAY ต้นตำรับเกาะชวาและมาเลเซีย...ไม่ต่างของปิ้งย่างย่านอลิซาเบธวอล์ก มาริน่าเบย์ กลางเกาะสิงคโปร์ แล้วเมนูถัดมาก็ยังอยู่ในกลุ่มสตาร์ตเตอร์เรียกน้ำย่อย ได้แก่ ปาปาย่า โป๊กๆ “ส้มตำปลาเนื้ออ่อนทอดกรอบ” ปลอดปูนาปลาแดก (ร้า) ให้กลิ่นติดครก ชนิดส้มตำชาววังครัวหลวง ที่เมื่อตำปรุงรสเปรี้ยว หวาน เค็มเข้าที่ดีแล้ว ก็จะนำไปคลุกรวมกับปลาเนื้ออ่อนตัวจิ๋วเท่านิ้วก้อย ซึ่งทอดรอไว้ก่อน...รสชาติที่ได้ชัวร์กลมกล่อมระดับกลางๆ ทั้งความหวาน เปรี้ยวและเค็มเล็กน้อย

เสน่ห์นั้นสำคัญนัก...จากการประยุกต์แบบฟิวชันทันสมัย อยู่ตรงการใช้ปลาเนื้ออ่อนทอดกรอบมาผสมส้มตำให้ดูแปลก...แถมเนื้อปลาที่อุ้มน้ำยังช่วยเพิ่มกลิ่นส้มตำในเนื้อปลาได้อย่างน่าอัศจรรย์

จากนั้นก็เริ่มขยับมาที่เมนูหลักยอดนิยมประจำร้าน นั่นก็คือ “ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม” รู้มาว่าทีเด็ดไม่ได้อยู่ที่การนำปลาเนื้ออ่อนจิ๋วมาใช้...หากแต่อยู่ที่การทอดปลาให้กรอบนอกนุ่มใน แล้วเก็บใส่ตู้เย็นอุณหภูมิ 5-8 องศา ไม่ควรแช่แข็งเนื้อจะยุ่ย ให้ดีต้องเอาออกมาอุ่น 1 ถึง 2 ครั้ง

อันนี้แหละ...ที่เป็นเคมีเติมความกรอบจากเนื้อไปถึงก้างอ่อน...กินได้โดยไม่ต้องกลัวก้างติดคอ...ตักข้าวสวยหอมมะลิร้อนๆกินกับปลาที่ยังร้อน ได้กลิ่นกระเทียมชวนกิน ส่วนปลานั้นกินได้ตั้งแต่หัวยันหาง

“เมนูนี้มีให้เลือกเป็นปลาเนื้ออ่อนผัดพริกแกง จะเผ็ดร้อนไปอีกแบบ แต่ถ้าอยากซดน้ำกลั้วคอไปด้วย ต้องเลือกต้มโคล้งปลาเนื้ออ่อน เพราะเข้มข้นถึงเครื่อง” ณฤาชาแนะนำ

O O O O

ข้ามช็อตไปสู่เมนคอร์ส...ใช่เลย! “ปีกไก่ตุ๋นน้ำแดง” อาหารเหลาราคาแพง ที่นึกไม่ถึงว่าจะหาเปิบได้จากร้านสตรีทฟู้ดละแวกนี้...เท่าที่รู้ใครมาถึงเป็นต้องสั่งขึ้นโต๊ะ เทียบชั้นปาร์ตี้โต๊ะแชร์เยาวราช...ว่าไปนั่น

ณฤาชา เล่าว่า คนค้นคิดสูตรคือคุณแม่ ทายาทรุ่น 2 ลองนั่นลองนี่...จนได้สูตรสำเร็จ คือปีกไก่ต้องคัดชนิดปีกเต็มมีน่องปนมาด้วย ปรุงรสด้วยเครื่องเทศต้มรวมผักชียี่หร่า มีอบเชย กระเทียมและพริกไทยช่วยแต่งรส “อันนี้สำคัญ ...ต้องต้มทิ้งข้ามคืน ให้น้ำเข้าเนื้อจนเปื่อยง่ายต่อการกิน เคล็ดลับอีกอย่างขณะต้มให้ใช้ความร้อนแค่พอดี ไม่ร้อนจนเกินไปเพราะจะทำให้ปีกและน่องแตกไม่น่ากิน”

ถึงตรงนี้ขอไม่ฟังใครให้เสียเวลา...จัดแจงโซ้ยปีกและน่องไก่กับข้าวสวย แบบนุ่มชุ่มปากจากการเลาะเนื้อให้หลุดกระดูกได้ง่าย...และแทบกลืนลงคอได้โดยไม่ต้องเคี้ยว ส่วนกระดูกอ่อนถือเป็นสิ่งโอชะกรุ๊บๆๆ...อยู่ในกระพุ้งแก้ม ให้ดีควรซดน้ำจากเครื่อง ปรุงที่ใส่น้ำจิ้มพริกตำ จะช่วยให้คล่องคอยิ่งขึ้น...หรือจะกินแบบธรรมเนียมจีนต้นแบบ เขาจะใช้หมั่นโถวหรือซาลาเปาไร้ไส้เป็นเครื่องเคียงคู่กัน

...

ลูกค้าหลายรายกินแล้วอดไม่ได้...ที่จะสั่งใส่กล่องหิ้วติดมือกลับไปอร่อยที่บ้านอีกต่างหาก

O O O O

จบภารกิจ “อาหารคาว”...ขอกระซิบดังๆว่าขอให้สั่งผลไม้แช่อิ่มจำพวกมะม่วง มะดัน มะขาม มะปราง มะกอก กระท้อน ...เป็นของหวานล้างปาก เพราะที่นี่ปลูกเอง...ดองเอง

ไม่ใส่สารเรียกความหวาน และใช้สารกันบูดที่ไม่ปลอดภัยต่อชีวิต

เป็นที่รู้กันด้วยว่า...วันใดสมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯเสด็จฯมาทรงเป็นพระอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แห่งเขาชะโงก ข้าราชบริพารจะต้องไปหาซื้อมาถวาย เนื่องจากทรงโปรดมะขาม มะม่วงดอง ร้านในตำนานนี้มากสุด

...

ก่อนจะแยกย้ายจากกันไป มาดูเรื่องราคาอาหารกันสักนิด... “ฤาชาปราจีน” ร้านอาหารริมทางแบบบ้านๆ แต่อร่อยไม่แพ้ภัตตาคารใหญ่ กำหนดราคาอาหารปรุงใส่จานไว้อยู่ที่ 80-100 บาท เมนูจานเดี่ยวเพื่อประชาชนรากหญ้าเฉลี่ย 40-45 บาท...เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น...

ใครจะบุกไปพิสูจน์ โทร.แจ้งล่วงหน้าได้ที่ 0-3740-5405 หรือ 09-2645-6388

แล้วจะรู้ว่า...ไปนครนายก-ปราจีนบุรี ทั้งที...จะกินอาหารดีๆ ราคายุติธรรม ต้องนี่เลย...ร้าน “ฤาชาปราจีน”.

คุณชาย 3