- ในวันที่ใครหลายคนยังคงเหนื่อยล้าจากการทำงานและสถานการณ์บ้านเมือง ธัญศา นักเขียนช่างกินของเราจึงปลอบประโลมตัวเองด้วยการนำ 'แยมส้ม' ที่เหลือก้นขวด มาทำเป็นสลัดแสนชื่นใจที่ช่วยให้มีพลังใจสู้ต่อ
ต่อให้ไม่มีความรัก เราก็รักตัวเองผ่านการทานอาหารดีๆ ได้ - ใครคนหนึ่งกล่าวไว้
ไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งได้ดูซีรีส์เกาหลีเรื่อง Run On ที่เล่าเรื่องราวระหว่าง โอมีจู สาวนักแปลซับไตเติล (คำบรรยายในหนังหรือซีรีส์) ผู้พยายามใช้ชีวิตให้ดีบนเส้นทางที่ไม่เคยง่ายสำหรับเธอ กับ คีซอนกยอม หนุ่มนักวิ่งทีมชาติโปรไฟล์ดีเจ้าของสถิติอันดับ 2 ตลอดกาล ผู้ไม่เคยตั้งคำถามถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง
นอกจากความสนุกของซีรีส์ที่พาเราไปสัมผัสกับกระบวนการทำงานตามอาชีพของตัวละครในเรื่องแล้ว ส่วนตัวฉันยังประทับใจในทัศนคติของคุณโอมีจู นางเอกคนเก่งด้วย โดยเฉพาะในฉากที่โอมีจูบอกกับคีซอนกยอมว่า
...
“เพราะอย่างนั้น ฉันถึงต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้ามีตรงไหนพังไปก็ต้องซ่อมให้เรียบร้อย ฉันอยากจะสนิทกับตัวเองมากที่สุด ฉันไม่อยากรักตัวเองมากเกินไป แต่ก็ไม่อยากโหดร้ายกับตัวเองมากนัก ฉันคิดว่าการรักษาสมดุลนั้นให้ดี คือการบ้านตลอดชีวิตของฉันค่ะ”
ประโยคนี้ทำให้ฉันย้อนกลับมามองตัวเองและตกผลึกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตให้ดี หรือการมีความสัมพันธ์ที่แข็งแรง ทุกอย่างควรเริ่มจากการที่เราต้องรักตัวเองให้ 'พอดี' เสียก่อน
เชื่อว่าทุกคนคงมีบางสิ่งไว้ 'ชุบชูใจ' ในเวลาที่เราทุ่มเทพลังทั้งหมดไปบนลู่วิ่งที่ชื่อว่าการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้คน-เหมือนที่โอมีจูและคีซอนกยอมที่ต่างเป็นกำลังใจให้อีกฝ่ายไปสู่เส้นชัยของตัวเอง, สัตว์เลี้ยง, งานอดิเรก หรือแม้กระทั่งเป็นอาหารที่เราชอบ
ฉันเองก็เช่นกัน เพราะในวันที่เหนื่อยล้า เพียงแค่ได้ทานของอร่อยๆ ก็สามารถช่วยปลอบประโลมหัวใจได้ ยิ่งเป็นของอร่อยที่ดีต่อร่างกายด้วย ก็ยิ่งรู้สึกอิ่มใจเข้าไปใหญ่
เมื่อเช้าก่อนออกมาทำงาน ฉันเก็บ 'แยมส้ม' ที่เหลือก้นขวดไว้ เพราะเห็นไอเดียจาก Pinterest ที่เขาเอาแยมมาทำเป็นน้ำสลัดใสแล้วอยากทำบ้าง แต่วันนี้ ฉันขอทำเป็น 'น้ำสลัดโยเกิร์ต' แทน ซึ่งแม้สูตรนี้จะใช้แยมส้ม แต่ฉันคิดว่าหากใครมีแยมอะไรที่ชอบ ก็น่าจะใช้ได้ทั้งนั้น
ระหว่างพักผ่อนยืดเส้นยืดสายขณะทำงาน ฉันลองค้นข้อมูลเล่นๆ และพบว่า ถึงแม้ในบ้านเราจะเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า 'แยมส้ม' แต่ที่จริงมันถูกจัดว่าเป็น 'มาร์มาเลด' (Marmalade) อันเป็นวิธีการถนอมอาหารที่ใช้ส่วนของผิวและน้ำของผลไม้ตระกูลซิตรัส (Citrus) มาเคี่ยวกับน้ำตาล ซึ่งจะแตกต่างจากแยม เพราะในขณะที่มาร์มาเลดใช้แค่น้ำและผิวของผลไม้ แต่แยมจะใช้วิธีใส่น้ำตาลลงไปในผลไม้เพื่อดึงน้ำออกมา จากนั้นจึงค่อยนำส่วนผสมทั้งหมดไปเคี่ยว
นอกจากนี้ ในต่างประเทศก็ยังมีเจลลี่ทาขนมปังที่มีวิธีทำใกล้เคียงกัน แต่เจลลี่จะมาจากการกรองเอาเนื้อผลไม้ออกให้เหลือแต่น้ำ ก่อนปล่อยให้เย็นและเซตตัว ซึ่งมักจะทำกับผลไม้ที่มีเปลือกหรือเนื้อค่อนข้างแข็ง อย่างเช่น องุ่น เป็นต้น
และแม้เราจะคุ้นเคยว่ามาร์มาเลดเป็นแยมส้มก็ตาม แต่ที่จริง แยมอะไรที่เป็นผลไม้ตระกูลซิตรัส จะแยมมะนาว, แยมเลมอน หรือแม้แต่แยมยูซุของเอเชีย ก็จัดว่าเป็นมาร์มาเลดได้ทั้งนั้น โดยมาร์มาเลดแบบที่เป็นที่นิยมและรู้จักกันดีก็คือ Bitter Orange หรือ Seville Orange ซึ่งบ้านเรารู้จักกันในชื่อ 'ส้มซ่า' นั่นเอง
ในที่สุด ฉันกลับมาถึงบ้านพร้อมกับผักสลัดและวัตถุดิบอื่นๆ สำหรับมื้อเย็น ล้างมือให้เรียบร้อย เปิดตู้เย็นเอากระปุกแยมที่เก็บไว้ ใส่โยเกิร์ต, น้ำมันรำข้าว, น้ำเลมอน, ผิวเลมอนขูด และน้ำผึ้ง ก่อนจัดผักสลัดใส่จาน แล้วราดน้ำสลัดลงไป
...
ผักหวานกรอบกับน้ำสลัดเปรี้ยวอมหวานที่ทานคู่กับขนมปังกรุบกรอบ ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นหายเหนื่อยจากการทำงานเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งจะว่าไปแล้ว สลัดตรงหน้าที่ฉันกำลังเพลิดเพลินอยู่นี้ ก็คงเปรียบได้กับจุดพักดื่มน้ำระหว่างการวิ่งระยะไกล ที่แม้จะยังไม่ถึงเส้นชัย แต่เราก็ได้หยุดแวะเติมพลังให้ตัวเองบ้าง ก่อนที่จะหมดแรงไปต่อ
และแม้วันนี้ เราอาจยังไม่เจอโอมีจูหรือคีซอนกยอมในชีวิตจริง แต่เราควรเริ่มรู้จักที่จะรักและดูแลตัวเอง รู้จักให้รางวัลตัวเองที่พยายามใช้ชีวิตมาอย่างดี
ที่สำคัญ อย่าลืมปลอบใจตัวเองในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจเสียบ้าง ...โดยเริ่มจากการทำการบ้านข้อแรก อย่างการทำอาหารที่ดีต่อร่างกายและจิตใจของเรานี่แหละ
วิธีทำ 'สลัดแยมส้มโยเกิร์ต'
ส่วนผสม:
- แยมส้ม
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
- น้ำมันรำข้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- ผิวเลมอนขูด
- น้ำเลมอน ½ ลูก
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักสลัด
- ขนมปังกรอบ หรือท็อปปิ้งอย่างอื่นที่ชอบ
...
1) ขูดผิวเลมอน
2) ใส่โยเกิร์ต, น้ำมันรำข้าว, น้ำเลมอน และน้ำผึ้ง ลงไปในกระปุกแยม คนให้เข้ากัน
...
3) จัดผักสลัดใส่จาน ใส่ท็อปปิ้งที่ชอบ จะขนมปังกรอบ, ผัก, ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ก็ได้ พร้อมราดน้ำสลัดลงไป -- เพียงเท่านี้ สลัดแยมส้มโยเกิร์ตแสนชื่นฉ่ำใจ ก็พร้อมให้เรารับประทานแล้ว
อ้างอิง: Wikipedia (1, 2), Duerrs.co.uk, Pinterest