แนวโน้มด้านการกินอาหารมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอิทธิพลจากทุกสิ่ง ตั้งแต่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ปี 2568 นักโภชนาการคาดการณ์ว่าเทรนด์อาหารและโภชนาการจะถูกปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด
หนึ่งในการตั้งเป้าหมายปีใหม่ของใครหลายคนคือการรักษาสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเลือกกินอาหารที่เหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละบุคคล ซึ่งเทรนด์ด้านอาหารและโภชนาการที่อาจมาแรงในปี 2568 คือ อาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ สารทดแทนน้ำตาลที่มีน้ำตาลต่ำ โปรตีนจากพืช และอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบของร่างกาย
1. อาหารต้านการอักเสบ
อาหารกลุ่มนี้ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากมีคนดังหลายคนทำตามและได้ผลลัพธ์ที่ดี จึงทำให้อาหารที่ช่วยต้านการอักเสบของร่างกายยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบ (antioxidants) ได้แก่ ผลไม้ ผัก ถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง ปลาที่มีโอเมก้า-3 สูง และชา ซึ่งนอกจากช่วยในการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงของภาวะความเสื่อมทางสมองอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
...
2. ใช้อินทผลัมทดแทนน้ำตาล
แม้ว่าน้ำตาลจะมีโทษต่อร่างกาย แต่เราก็ไม่สามารถกำจัดความอยากกินของหวานออกจากชีวิตได้ทั้งหมด ทางที่ดีที่สุดคือการใช้ทางเลือกอื่นเพื่อทดแทนความหวานจากน้ำตาลที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น อินทผลัม ผลไม้ที่มีรสหวานจัดและมีรสชาติคล้ายคาราเมล จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าการใช้น้ำตาลที่แปรรูปจากอุตสาหกรรม
ตามความเห็นของนักโภชนาการ ผลไม้ชนิดนี้ค่อยๆ ลดความอยากน้ำตาลของร่างกายลง นอกจากนี้ อินทผลัมอุดมด้วยใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่ปกป้องเซลล์ เช่น โพลีฟีนอล แทนนิน และฟลาโวนอยด์ และยังเป็นแหล่งของแคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม และวิตามินเอ รวมทั้งมีไขมันต่ำมาก
3. โปรตีนจากพืช
การได้รับโปรตีนเพียงพอในอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่คนจำนวนมากยังได้รับโปรตีนไม่ถึงความต้องการในแต่ละวัน นักโภชนาการคาดการณ์ว่าในอนาคต อาหารที่มีโปรตีนจากพืชจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เช่น ถั่วชนิดต่างๆ และเต้าหู้ สารอาหารจากพืชจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้อง เสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ทำให้มีการย่อยอาหารที่ดี และการชะลอวัยที่ดี รวมทั้งยังมีรสชาติอร่อยด้วย
4. ผลไม้เขตร้อน
นักโภชนาการแนะนำว่าควรมีผลไม้เขตร้อนหลากหลายชนิดไว้ในตู้เย็น เช่น ฝรั่ง เสาวรส สับปะรด และกล้วย นอกจากย่อยง่ายแล้วยังมีรสชาติอร่อยมากและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะเต็มไปด้วยใยอาหาร (ไฟเบอร์) และสารต้านอนุมูลอิสระ พร้อมทั้งช่วยดูแลสุขภาพลำไส้ และยังดีต่อการควบคุมน้ำหนักด้วย
5. ชา
การดื่มชายังไม่เคยตกเทรนด์ นอกจากทำให้ร่างกายอบอุ่นแล้ว ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ชายังเป็นขุมทรัพย์แห่งสุขภาพที่ดี เพราะช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของมะเร็ง และยังช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น และยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
...
ด้าน BIOFACH ผู้จัดงานแสดงสินค้าอาหารออร์แกนิคชั้นนำของโลก ยังได้เสริมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทรนด์อาหารปี 2568 ว่าปีหน้าผู้บริโภคจะให้ความสำคัญ 3 ด้านหลัก ได้แก่
ความยั่งยืนของการผลิตอาหาร
ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่ผลิตในท้องถิ่นและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนมากขึ้น เพื่อความโปร่งใส คุณภาพ และลดการพึ่งพาตลาดโลก แนวโน้มนี้ส่งเสริมการผลิตอาหารในท้องถิ่นและการใช้ห่วงโซ่อุปทานทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความตึงเครียดทางการเมือง และความท้าทายทางเทคโนโลยี แบรนด์อาหารสามารถสร้างความแตกต่างได้โดยการสื่อสารถึงที่มาของวัตถุดิบและการใช้ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
...
พัฒนาการของอาหารจากพืช (Plant-based)
แนวโน้มอาหารจากพืชยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาไปสู่การสร้างอาหารใหม่ๆ ที่หลากหลายรสชาติจากพืช เช่น เห็ด สาหร่าย และผักอื่นๆ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับเนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการลดลง ทำให้ผู้บริโภคที่รับประทานอาหารจากพืชอย่างเคร่งครัดอาจเปิดใจรับประทานเนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยงได้ในอนาคต
ความสำคัญของสุขภาพแบบองค์รวม
แนวโน้มสุขภาพแบบองค์รวมกำลังมีบทบาทสำคัญในตลาดอาหาร ผู้บริโภคมีความสนใจมากขึ้นในการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่มีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมต่ำ อาหารจากธรรมชาติ และอาหารที่มีสารอาหารสูง นอกจากนี้ แนวคิด "อาหารเป็นยา" กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยผู้บริโภคมองหาอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อความอิ่มท้องเท่านั้น
...
เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสอดคล้องกับคุณค่าของตนเองมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอาหารอย่างมาก