สัปดาห์นี้ผมยังคงอยู่ที่จังหวัดระนอง นั่งเรือสปีดโบ๊ตจากท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำไปยัง “เกาะพยาม” ระหว่างเดินทางได้รำลึกถึงความหลังเมื่อ 16 ปีก่อน ผมมาเที่ยวเกาะพยามครั้งแรก ชอบบรรยากาศความเงียบสงบ สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ทำสวนยางพารา ปลูกกาหยู หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไว้จำหน่าย มี “นกเงือก” และ “เหยี่ยวแดง” คอยบินถลาลมอวดโฉมผู้มาเยือนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ผมมีภาพจำมากมายกับการมาเที่ยวครั้งนั้น แพลงก์ตอนเรืองแสงระยิบระยับรอบตัวตอนลงเล่นน้ำทะเลยามค่ำคืน แสงส่องประกายจากหิ่งห้อยนับหมื่นบินวนอยู่ใต้ต้นยาง เหล่านี้ล้วนเป็นภาพในความทรงจำ กลับมาหนนี้จึงเหมือนมาเยี่ยมเยือนญาติสนิทที่ห่างหายไปนาน

“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้านอาหาร “เลซี่ ฮัท” ของ “พี่ยอด-เกรียงศักดิ์ สุจิระกุล” อายุ 60 ปี ผู้เปรียบเหมือนพี่ชายของผม ในอดีตพี่ยอดเป็นอดีตพนักงานบริษัท เขาตัดสินใจหันหลังให้กับชีวิตมนุษย์เงินเดือน แล้วมาใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ จุดเริ่มต้นเมื่อ 16 ปีก่อน พี่ยอด ร่วมกับหุ้นส่วนอาศัยพื้นที่ริมหาดอ่าวใหญ่ สร้าง “บังกะโลไม้ไผ่” 12 หลัง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้มาอยู่กับธรรมชาติ มีไฟฟ้าให้ใช้จากเครื่องปั่นไฟถึง 22.00 น. นอนกับลมทะเลและป่าเขา ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวในยามค่ำคืน

...

“สวัสดีครับพี่ยอด” ผมยกมือไหว้ หลังเดินเลาะหาดทรายหน้าอ่าวใหญ่เข้าไปสวมกอดพี่ชายที่ไม่ได้พบปะกันนานหลายปี กอดนั้นแน่นกระชับบ่งบอกถึงความรักและคิดถึงที่มีให้กัน

“รู้ว่าจะมาเที่ยว พี่เตรียมปูดำให้อย่างดี และทำขาหมูพะโล้ไว้ให้กินด้วย” พี่ยอดเรียกปูดำตามความคุ้นเคยของคนภาคใต้ ซึ่งก็คือปูทะเลนั่นเอง

ผมมองไปรอบๆ “เลซี่ ฮัท” เห็นการเติบโตขึ้นตามวันเวลาที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ขยายบังกะโลเพิ่มขึ้นเป็น 30 หลัง และมีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ยังคงเสน่ห์ของ “เลซี่ ฮัท” คือห้องพัดลม นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนอาจคิดว่ามาเที่ยวทำไมถึงต้องทนลำบาก ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องการหลีกหนีความศิวิไลซ์ โหยหาเข้ามาสัมผัสกับการกินอยู่กับธรรมชาติแบบนี้ กลายเป็นเอกลักษณ์ทำให้ชาวต่างชาติติดใจมาเที่ยวซ้ำ และอยู่กันนานนับเดือน โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือน กุมภาพันธ์ อากาศกำลังเย็นสบาย 24 องศาฯ

กำลังเพลินกับธรรมชาติรอบตัว พี่ยอดซึ่งรับหน้าที่เป็นเชฟด้วยตัวเองก็นำอาหารจานแรกมาเสิร์ฟ “แกงส้มปลาดุกทะเล” สีสันของแกงส้มชามนี้ เรียกน้ำลายสอจริงๆ พริกแกงตำเองมีส่วนผสมของขมิ้นอันเป็นเอกลักษณ์ ของแกงส้มใต้ ใส่หน่อไม้ดองกับปลาดุกทะเลหั่นเป็นท่อนๆ รสสัมผัสของเนื้อปลาดุกทะเลนิ่มนวลละมุนลิ้น เครื่องแกงหอมขึ้นจมูก รสชาติแกงส้มใต้ขนานแท้ต้องเป็นแบบนี้

พี่ยอดเล่าว่า “อาหารของ “เลซี่ ฮัท” เน้นความเป็นไทย เป็นอาหารใต้แท้ๆ ทำให้มันพอดีกับสิ่งที่มันควรจะเป็น อย่างแกงส้มต้องใช้ปลาดุกทะเล แกงกับหน่อไม้ดอง หรือจะแกงกับปลากด ปลาริวกิว ก็ได้ แต่ไม่ไปแกงกับผักผิดประเภท ถ้าไม่มีหน่อไม้ดอง ไปเอาผักอื่นมาใส่แทนมันไม่ได้ สู้ไม่ใส่ซะเลยดีกว่า คนใต้ถือว่าห้ามเลย เพราะมันไม่ใช่แกงส้ม อย่างพริกแกงพี่ตัดปัญหาด้วยการตำเอง บางทีซื้อพริกแกงมามันใส่เกลือเยอะไปเพื่อไม่ให้เสีย ถ้านำไปแกงแล้วใส่กะปิลงไปปรุงอีก ทำให้รสเค็มจัด ตำพริกแกงเองดีที่สุด ปรุงรสด้วยกะปิมันได้รสชาติหนักแน่นและนิ่มนวลมากกว่าเกลือ”

“หมูกะปิใส่สะตอ” จานนี้ใครได้ชิมรับประกันอร่อยตาลุก รสชาติความหวานเค็มของหมูหวานกับกะปิเข้ากันลงตัว หมูสามชั้นนิ่มนวลไม่มีความแข็งกระด้าง ความมันเคลือบวาวสวยงาม กินกับสะตอมันเข้ากันอย่างลงตัว

พี่ยอดเผยเคล็ดลับการปรุง “หมูกะปิใส่สะตอ” ว่า “คนทั่วไปมักเอากะปิเข้าไปผัดกับหมูสามชั้นเลยทันที ทำให้รสชาติเค็มและสีมันไม่สวย ความจริงแล้วต้องคั่วหมูสามชั้นก่อน ให้น้ำมันออกพอเคลือบจนหมูสามชั้นแวววาว จากนั้นค่อยละลายกะปิเข้าไปผัด ทำให้หมูหวานไม่เสียรสชาติ เอาสะตอมาใส่ตอนผัด ผัดไปอีกสักครู่ก็ตักใส่จาน หมูกะปิจะสวยน่ากิน”

...

อีกจานไฮไลต์คือ “แกงคั่วปูดำ” ปูทะเลตัวใหญ่สดๆ นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงแกงคั่วชามนี้ แกงคั่วมีรสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้าน นิยมนำมาแกงกับฟักทอง ความหวานของฟักทองช่วยตัดความเผ็ดร้อนของพริกแกง จานนี้ได้กินแล้วต้องยกนิ้วให้ ทั้งรสชาติของแกงตัดกับรสหวานจากฟักทอง และความสดของเนื้อปูที่กินได้ถึงใจจริงๆ

ยกให้เป็นเมนูในดวงใจก็ต้อง “ขาหมูพะโล้” ไม่น่าเชื่อว่า เดินทางมาไกลถึงบนเกาะ แต่มีขาหมูระดับเทพไว้ให้ชิม น้ำพะโล้เคี่ยวจนเข้มข้นเข้าเนื้อ ขาหมูเปื่อยกำลังดี คากิที่เคี่ยวไว้สามารถเลาะกระดูกออกได้อย่างง่ายดาย เพิ่มคอลลาเจนให้ร่างกาย ขาหมูพะโล้เป็นเมนูพิเศษที่ลูกค้าอยากทานต้องจองล่วงหน้า

นอกจากอาหารใต้ขึ้นชื่อของร้านแล้ว ยังมีเมนูแนะนำไม่ควรพลาดอย่าง “ผัดฉ่าปลาดุกทะเล” พี่ยอดเล่าว่า “สมัยก่อนเวลาชาวเลออกไปหาปลา พอถึงเวลาทำกับข้าว หาอะไรได้ก็ใส่เข้าไปผัด มีพริกสด มีกระเทียมก็ใส่ลงไปผัด จับปลาอะไรได้ก็หั่นใส่ลงไปผัด เวลาผัดเสียงดังฉู่ๆฉ่าๆ เลยเรียกกันติดปากว่า ผัดฉ่า”

...

พี่ยอดยังแนะนำให้ชิม “กุ้งอบวุ้นเส้น” จานนี้ทำแบบสไตล์ง่ายๆ มีรสชาติเค็มปะแล่ม เพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด และ “ข้าวผัดดำ” เป็นข้าวผัดแบบทางใต้ ใส่หมูแล้วก็ใส่น้ำส้มสายชูนิดหน่อย คล้ายๆกับผัดซีอิ๊วแต่ใส่พริกขี้หนูลูกโดดเข้าไปด้วย คนไม่ชอบก็เขี่ยออก ส่วนใครอยากเพิ่มรสชาติก็ลองเคี้ยวพริกลูกโดดดู คล้ายกับเวลากินกับสาคูไส้หมู ลูกค้าอยากมาทานอาหารรบกวนโทร.มาจองล่วงหน้า เพราะวัตถุดิบต้องเตรียมสดๆ อยากทานอะไรขอให้สั่งมา ทางร้านยินดีให้บริการ

...

“เกาะพยาม เคยลงในหนังสือท่องเที่ยวระดับโลกชื่อ Stefan Loose เป็นหนังสือท่องเที่ยวในโซนยุโรปพิมพ์ด้วยภาษาเยอรมัน แนะนำการท่องเที่ยวคล้ายกับหนังสือ Lonely Planet มีระบุเนื้อหาการท่องเที่ยวในประเทศไทยว่า “เกาะพยาม” เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของการมาเที่ยวประเทศไทย มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกาะพยามยาวถึง 10 หน้า แสดงว่าเขาให้ความสนใจ ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก เกาะพยามยังคงเป็นธรรมชาติแบบดิบๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฤดูกาลท่องเที่ยวเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงพฤษภาคม ขอเชิญมาสัมผัสธรรม ชาติแบบโลคอล สไตล์” พี่ยอดกล่าวเชิญชวน

สนนราคา แกงส้มปลาดุกทะเล 250 บาท, ข้าวผัดปู 250 บาท, แกงปู 250 บาท, ขาหมู 200 บาท, อาหารเช้า American Breakfast ชุดละ 150 บาท และอาหารตามสั่ง เริ่มต้นที่ 80 บาท “เลซี่ ฮัท” เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. โทรศัพท์ 09-3668-7619 หรือ Facebook : Lazy Hut Kho Payam ราคาที่พักเริ่มตั้งแต่ 600-1,350 บาท.

คุณชายแป๊ะ

คลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม