เข้าสู่ช่วงท้ายของเทศกาลกินเจจะสิ้นสุดในวันจันทร์ที่ 23 ต.ค.นี้ ใครถือศีลกินเจมาตั้งแต่แรกคงพบความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย เพราะการงดเว้นเนื้อสัตว์ ปรับมาทานผักผลไม้ ทำให้ระบบขับถ่ายของร่างกายมันแสนสะดวกสบายจริงๆ อาหารเจเดี๋ยวนี้พัฒนารูปลักษณ์ดูทันสมัย มีทั้งหมูแดงเจ, เป็ดเจ, กุ้งเจ วัตถุดิบสารพัดถูกดัดแปลงออกมาเพื่อให้ได้หน้าตาเหมือนอาหารปกติที่สุด แต่มีร้านหนึ่งยังคงทำอาหารเจรูปแบบดั้งเดิม ทว่ารับประกันว่ารสชาติอาหารเป็นเลิศ เพียบด้วยคุณค่าทางโภชนาการตามเจตนารมณ์ “กินอาหารให้เป็นยา” ใช้ธรรมชาติบำบัดร่างกาย

“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “หัวใจมังสวิรัติ” ของ “คุณพร–อิทธิพร จันทรามินาวงค์” อายุ 51 ปี แม้ชื่อร้านเขียนว่า “มังสวิรัติ” แต่อาหารทุกประเภทเป็นอาหารเจทั้งหมด ปราศจากผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม, หัวหอม, กระเทียมโทนจีน, กุยช่าย และใบยาสูบ ร้านตึกแถว 1 คูหา ตั้งอยู่ริมถนนนวมินทร์ ระหว่างซอยนวมินทร์ 50 และซอยนวมินทร์ 52 หากขึ้นรถเมล์มาจากถนนรามอินทรา กม.8 ลงรถเมล์ปุ๊บก็ถึงหน้าร้านปั๊บ อิ่มท้องมีสะพานลอยคนข้าม นั่งรถเมล์กลับบ้านสบายใจ ร้านนี้มีดียังไงตามผมมาชิมเลยครับ

...

ร้าน “หัวใจมังสวิรัติ” เน้นอาหารสุขภาพเป็นอันดับแรก วัตถุดิบที่ใช้เป็นรูปแบบดั้งเดิม ไม่มีการแต่งเติมหมูเจ เป็ดเจแต่อย่างใด เมนูหลักของร้าน “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” ทำออกมาได้อย่างน่ากิน สีสันของน้ำซุปดูน่าซด เครื่องเครามีครบหมด ทั้งเห็ดหอมสด เต้าหู้ ถั่วงอก โปรตีนเกษตร รสชาติกลมกล่อมชนิดแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ตัวเส้นเหนียวนุ่ม ส่วนความหอมของน้ำซุปต้องยกนิ้วให้กลิ่นหอมเครื่องพะโล้และข่าแก่ ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ได้ทั้งความอร่อย แถมรู้สึกสุขภาพดีขึ้นมาทันที

กำลังซดน้ำซุปเพลินๆ คุณพรเดินยกจาน “เต้าหู้ทอด” มาเสิร์ฟ พร้อมกับน้ำจิ้มมีมาให้เลือก 2 แบบ คือ น้ำจิ้มขิงมีรสเปรี้ยวนำ กับน้ำจิ้มถั่วพริกตำมีรสหวานนำอย่างที่เราท่านคุ้นเคย แผ่นเต้าหู้ชิ้นหนา เนื้อแน่น ทอดด้วยไฟอ่อนๆ ทำให้ผิวนอกเหลืองทอง กัดแล้วกรอบนอกเนื้อแน่นใน รับประกันว่า ถ้าสั่งมากินก่อนทานก๋วยเตี๋ยวอาจทำให้จุกได้ เพราะเต้าหู้ที่นี่เนื้อแน่นแผ่นหนาจริงๆ

คนรักสุขภาพอย่างผมยังคงเผื่อพื้นที่ในกระเพาะอาหารไว้บ้าง ฮะฮ่า เพราะถ้าพลาดจานต่อไปมีหวังเสียใจแน่นอน “เมี่ยงสดสมุนไพร” ใส่ผักสมุนไพรมากถึง 18 ชนิด ทั้ง หัวปลี, ผักเม็ก, ผักติ้ว, ใบบัวบก, ผักเคล, โหระพา, สะระแหน่, ผักชีฝรั่ง, ผักชีไทย, มะตูมซาอุฯ และแครอท อัดแน่นอยู่ภายในแผ่นแป้งญวน ไม่ว่าจะทานคู่กับน้ำจิ้มหวานแบบถั่วพริกตำ หรือน้ำจิ้มรสเปรี้ยวนำแบบขิงอร่อยไม่แพ้กัน หรือจะกินเปล่าๆก็ได้รสชาติ เพราะคุณพรนำผัก 18 ชนิดมาหั่นซอย ปรุงรสชาติด้วยน้ำมะขามเปียก ซีอิ๊วขาว เกลือและน้ำตาลเล็กน้อย ทำให้ทานเมี่ยงสดเปล่าๆก็อร่อย กินไปก็นึกถึงถ้าต้องเดินไปจ่ายตลาดซื้อผัก 18 อย่างก็ปวดหัวแล้วครับ จานนี้พี่พรทำขายราคา 25 บาทเท่านั้น แปลกแต่จริงกินเมี่ยงสดสมุนไพรเข้าไป ทำให้รู้สึกสุขภาพดีขึ้น นี่ถ้ากินเจร้านนี้ทั้งปีมีหวังผมคงหุ่นดีเหมือน “ณเดชน์” แน่นอน

นอกจากนี้ยังมีกับข้าวให้เลือกทานอีก 5-6 อย่างต่อวัน เช่น พะโล้, ผัดเปรี้ยวหวาน, แกงจืดมะระ, จับฉ่าย และคั่วกลิ้ง แถมยังมีข้าวกล้องและข้าวซ้อมมือไว้บริการ ส่วนใครยังไม่หิวขอให้เผื่อเวลามานวดก่อนมื้ออาหารสัก 1 ชั่วโมง ที่นี่เขามีบริการนวดแผนไทย คิดชั่วโมงละ 300 บาท นวดแก้อาการกดจุด คลายเส้น เหมาะสำหรับลูกค้าสูงวัยมาใช้บริการ แม้กระทั่งหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ มีอาการออฟฟิศซินโดรม นิ้วล็อก ปวดเมื่อยสะบักหลัง สามารถมาใช้บริการได้ด้วย มองไปดูที่เชลฟ์วางสินค้า ยังมีเครื่องดื่มสมุนไพรไทยอย่างผักเสี้ยนผี และปอกะบิด ไว้ให้ไปชงกับน้ำ จิบเป็นน้ำชาบรรเทาอาการป่วยจากโรคต่างๆได้อีกด้วย

...

ในช่วงบ่ายแก่ๆ ลูกค้าเริ่มซา ถือโอกาสเชิญคุณพรมานั่งพูดคุย คุณพรเล่าว่า “พี่เป็นคนลาว อาศัยอยู่ที่เวียงจันทน์ เคยทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่ รพ.เชษฐาธิราช เป็นเลขาฯของ ผอ.รพ.เมื่อปี 2536 ได้พบรักกับนายแพทย์สำราญ บุญเพิ่ม หมอชาวไทยที่ไปเปิดคลินิกที่เวียงจันทน์ จากนั้นได้ย้ายตามสามีมาอยู่เมืองไทย มีลูกชายด้วยกัน 3 คน พี่เป็นคนที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับอาหารเจ ร่ำเรียนมาจากสำนักปฏิบัติธรรมสายพระแม่กวนอิม เรียนรู้แตกแขนงออกมาถึงเรื่องกินอาหารให้เป็นยา นอกจากนี้ยังสนใจเรื่องการนวดจัดกระดูก การแก้อาการเจ็บป่วยด้วยวิธีกัวซา เป็นการรักษาทางแพทย์วิถีธรรม ศึกษามาตั้งแต่ 2540 จากนั้นไปเรียนนวดแผนโบราณที่วัดโพธิ์ ทำให้พี่มีความรู้ทั้งการทำอาหารเจและนวดแผนไทย”

ผมอ้าปากค้างนั่งฟังเรื่องความรักระหว่างคุณพร สาวลาวกับหมอชาวไทยด้วยความสนใจยิ่งกว่าอาหารและการนวดเสียอีก รู้สึกแอบทึ่งให้ความกล้าตัดสินใจของเธอที่ย้ายตามสามีมาอยู่เมืองไทยของเรา

...

“อาหารเจร้านพี่พร ไม่มีวัตถุดิบ หมูเจ เป็ดเจ เลยครับ” ผมตั้งคำถามกลับมาที่เรื่องของอาหารอีกครั้ง

“เป็นความตั้งใจของพี่ที่ทำอาหารเจออกมาในรูปแบบดั้งเดิม พี่คิดว่าถ้าเราตั้งใจจะกินเจแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปเลียนแบบเนื้อสัตว์อีก พวกเป็ดเจ หมูเจ มีต้นทุนสูงกว่า วัตถุดิบเน้นไปที่เห็ด ผัก สมุนไพร เต้าหู้ โปรตีนเกษตร อยากให้ลูกค้าได้กินของแบบดั้งเดิม เน้นเพื่อสุขภาพ กลายเป็นการอนุรักษ์อาหารเจไปด้วย พี่ศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพรมาก่อนจึงเน้นให้ลูกค้ากินอาหารให้เป็นยา เพราะในวัตถุดิบอาหารเจบางอย่างมันมีสารปรุงแต่ง แต่อาหารของพี่เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะรู้ว่าร้านเราไม่ได้ปรุงแต่ง ต้องการทำอาหารเพื่อให้ลูกค้าได้ทานอาหารเจเพื่อสุขภาพจริงๆ และอาหารของพี่ไม่มันและไม่เลี่ยนด้วยนะ” คุณพรอธิบายด้วยความตั้งใจ ไม่ละสายตาจากผมเลยสักวินาที

...

“มิน่าล่ะ ทั้งพี่พรและคนในร้านต่างหุ่นดีกันหมด ไม่มีโรคประจำตัวกันสักคน” ผมกวาดตามองพนักงานในร้าน

“เรื่องเจ็บป่วยมันเป็นเรื่องปกติของทุกคน แต่พี่เลือกวิธีการบำบัดด้วยธรรมชาติ ใช้วิธีการนวดแก้อาการปวดข้อ สะโพกเบี่ยง หัวไหล่เบี่ยง ปวดหัว กินอาหารเป็นพิษ ใช้วิธีการนวดได้หมด วิธีการกัวซา คือการขูดพิษออกจากร่างกายแทนการกินแก้ปวด งดการสะสมยาในร่างกาย วิธีกัวซาช่วยให้หายขาดไม่เป็นภาระต่อตับ ไต ก่อนนวดแก้อาการพี่จะสอบถามหาสาเหตุว่า ร่างกายเขาขาดอะไร ควรทานผัก สมุนไพรตัวไหนเพื่อบำรุงร่างกาย อาหารอย่างเมี่ยงสดสมุนไพร มีผักทั้งฤทธิ์ร้อน ฤทธิ์เย็น มีผักให้รสเปรี้ยวเพิ่มวิตามินซี ผักพวกนี้มีผลในการช่วยลดเบาหวานและความดัน โดยเฉพาะระบบขับถ่ายจะดีมาก สุดท้ายขอเชิญชวนคุณผู้อ่านมาชิมอาหารเจได้ตลอดทั้งปีเพื่อให้สุขภาพดี ส่วนใครมีปัญหาเรื่องสุขภาพยินดีให้คำปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย” คุณพรกล่าวทิ้งท้ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส สมกับเป็นเจ้าของร้านอาหารเจ

สนนราคา ก๋วยเตี๋ยวเรือ ชามละ 30 บาท, กับข้าว ถ้วยละ 30 บาท, ข้าวราดข้าวแกง 1 อย่าง 30 บาท, กับข้าว 2 อย่าง 40 บาท, ข้าวเปล่า 10 บาท, เต้าหู้ทอดแผ่นละ 25 บาท และเมี่ยงสดสมุนไพรชุดละ 25 บาท นอกจากนี้ มีสมุนไพรอีกหลายชนิดไว้จำหน่าย ร้าน “หัวใจมังสวิรัติ” เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 06.00-15.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ ยกเว้นวันจันทร์ช่วงเทศกาลกินเจเปิดเป็นกรณีพิเศษ โทรศัพท์ 09-0699-2564.

คุณชายแป๊ะ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่