นักชิมระดับตำนานถึงยุคนักรีวิวอาหาร เชื่อว่า...รู้จักกิตติศัพท์ “ก๋วยเตี๋ยวเป็ด” กันทั้งนั้น ยิ่งเป็นยุคเก่าๆขายกันชามละไม่กี่บาทแถมน้ำแข็งใส่น้ำชาฟรี ปัจจุบันอย่างว่าจำต้องปรับเป็นชามละ 50-60 บาทตามภาวะเศรษฐกิจบ้านเมือง

“คุณชาย 1” ว่า...คนจะไปจังหวัดไหนตำบลใดในไทยเป็นต้องมีก๋วยเตี๋ยวเป็ดเปิดขายกันทุกซอกทุกมุม อร่อยบ้างพอกินได้บ้างไม่ว่ากัน... แต่หนนี้ได้คุณหมอธงชัย ลิมปวัฒนศิริ ที่นอกจากเป็นหมอถือมีดผ่าตัดแล้วยังเป็นนักชิมตัวยงไม่แพ้นักชิมนักรีวิวอีกด้วย หมอเล่าว่า...สมัยนุ่งขาสั้นเรียนหนังสือโรงเรียนเตรียมฯ ทุกเย็นวันศุกร์จะต้องเดินลัดสามย่านไปกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดก่อนไปหัวลำโพง ขึ้นรถไฟกลับเมืองหลวงพ่อโสธร

ร้านนี้อยู่มุมจุฬาซอย 36 ติด ถ.บรรทัดทอง ลูกค้าสมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นคนงานเชียงกง หรือไม่ก็ขาประจำนั่งแท็กซี่จากประตูน้ำมากิน...เดี๋ยวนี้ละแวกนั้นเปลี่ยนไปคงเหลือแต่ “บ๊วยโภชนา” ยืนหยัดให้ขาประจำและขาจร ซึ่งว่าก็ว่าจะเป็นคนสูงวัยเสียมากกว่า... เพราะเด็กยุคนี้นิยมกินก๋วยเตี๋ยวตามห้างหรือไม่ก็ร้านหรูติดแอร์

...

อีกอย่างเหตุที่รู้จักร้านนี้มาก่อน... เพราะชื่อเสียงขึ้นชั้น 1 ใน 10 ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดอร่อยสุดปังในย่านบรรทัด ทองมานาน นักชิมลิ้นทองต่างรู้จักกันดีว่าอยู่แถวสะพานเหลือง สามย่าน ชื่อร้าน “บ๊วยโภชนา” เป็นห้องแถวคูหาเดียวข้างอาคารตั้งโต๊ะอีก 2–3 โต๊ะให้เพียงพอลูกค้าประจำวันนั่ง

คุณชายไปถึงร้านเจอแต่ อาม่าอรพิณ แซ่เฮีย ไม่เจอ อากงเซียมบ๊วย แซ่เฮีย ซึ่งมาจากจีนเพราะขึ้นสวรรค์ไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า อาม่าเล่าว่า...เดิมทีหรือกว่า 52 ปีก่อนอากงเป็นพ่อค้ารถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวกับเย็นตาโฟอยู่แถว ถ.พระราม 4 จากนั้นเจ้าของร้านขายถ่านเจ้าประจำใจดี ให้เงินก้อนหนึ่งไปซื้อตึกที่อยู่มานานกว่า 50 ปี ทำร้านขายก๋วยเตี๋ยวดีกว่าขายรถเข็นกลายเป็นร้าน “บ๊วยโภชนา” จนป่านฉะนี้

ทุกวันนี้อาม่ามีหลานเป็นหนุ่มวัย 33 ปี เรียน 2 มหาวิทยาลัย 7 ปีแต่ไม่จบชื่อ “สุธี เลิศไกรกุล” หรือ “กอฟ” มาช่วยกับแฟนสาว “ณัฐนี นิมะกุล” หรือ “นัท” แต่คุณชายก็ยังเห็นอาม่าอดยืนหน้าเตาต้มน้ำซุปคอยสับเป็ดขณะปากก็ช่างพูดไปตามประสาไม่ได้...บรรยากาศดูกันเองดี

คุณชายเลือกนั่งโต๊ะตรงข้างอาคารดูสัญญาณไฟจราจรไปพลางๆพอ “ไฟอำนาจ” สีแดงของอดีตทหารป่าลาวแดงวาบขึ้นรถก็ติดกันหนึบหนับ ครั้น “ไฟลังเล” สีเหลือง รถถึงเร่งเครื่องเบาๆไม่เบิ้ลน่ารำคาญ จนสีเขียว “ไฟสะดวก” วาบขึ้นถึงขับออกไป...เพลินดีระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว

แล้วไม่นาน “ชะเอิงเอิงเอ้ย” เป็ดที่ติดชาร์ตอันดับ 1 ใน 10 ของเมืองหลวง ก็ถูกยกมาเสิร์ฟตรงหน้า ขณะกำลังร้อนจนได้กลิ่นควันผสมน้ำพะโล้น่ากินเชียวแหละ...จานเริ่มต้นนี้เป็น “ไส้แก้วกับขาเป็ด”

นัยว่า...ให้มาเรียกน้ำย่อยไปก่อน ว่าแล้วก็จัดแจงใช้ตะเกียบคีบเรียวไส้แก้วสีขาวละไม จิ้มน้ำจิ้มสูตรพริกตำโรยผักชี ครั้นลงมือชิม อืมม์...รสชาติเปรี้ยวเค็มเผ็ดหวานปลายลิ้นเคมีคงตรงกับคนอ่อนเผ็ด...ไส้แก้วกรอบนิ่มพอดี๊ พอดี จนนึกว่าไม่ใช่ไส้เป็ด ส่วนขาที่เลาะกระดูกเหลือแต่เนื้อละมุนชวนกินนั้นนนนนนนน

สัมผัสแรกที่คุณชายโซ้ยบอกได้เลยว่า...ฮื่อ เนื้อนั้นนุ่มกับรสพะโล้ปนเครื่องปรุงหอมอย่างบอกไม่ถูก...รู้อย่างเดียวว่า “ห่าวชือ (อร่อย)”

...

นาทีต่อไปนี้เหมือนเสียงกลองรัว...“ตะเลง เต่ง ตุม” เมื่อเมนูเอก “เป็ดรวมมิตร” ออกมาทีแรกเห็นท่าว่าเป็นหม้อดินแต่ไม่ใช่ กลายเป็นหม้อโลหะอมความร้อนควันโขมงกอฟหลานสุดเลิฟอาม่าบอก “แต่ก่อนเสิร์ฟหม้อดินกลิ่นไทยๆเสียตรงแตกง่าย ลองเปลี่ยนเป็นหม้อญี่ปุ่นดูดีแต่แพง ได้หม้อเกาหลีถึงลงตัวไม่แพงเว่อร์แต่เก็บความร้อนอัจฉริยะแตกยาก แถมอินเทรนด์ตามสมัย”

เมนูนี้บรรจุสารพัดชิ้นส่วนเป็ดทั้งก้อนเลือด เนื้อ ปีก ขา ตีน ไส้ ขาดแต่ลิ้นเพราะวันหนึ่งขายเป็ด 15 ตัวจึงมี 15 ลิ้นต้องสั่งล่วงหน้าถึงจะได้กิน...เมนูนี้ได้กลิ่นพะโล้โชยมากับควันร้อนๆช่างหอมอบอวลชวนฝัน

ถึงตรงนี้กอฟยอมเผยพะโล้สูตรนี้ลับเฉพาะจากจีนผสมเครื่องไทยบางอย่าง เช่น ซางเกียงโป๊ยกั๊ก หรือจันทร์แปดกลีบ ชินนาม่อนรสเผ็ดแต่หอมผสมด้วยน้ำต้มเป็ด “คุณสมบัติตำรานี้จีนแนะช่วยชะลอความแก่ ควบคุมระดับเลือด ป้องกันอัลไซเมอร์ ถนอมรากฟันให้คงทน แก้โรคแพ้อาหารและสารเคมี แล้วยังช่วยผู้สูงอายุคลายปวดกล้ามเนื้อและลดน้ำตาลในเลือดแก่ผู้ป่วยเบาหวาน” กอฟว่าไว้อย่างนั้น

อย่าได้รีรอ เร่งรีบลงมือกับเป็ดพะโล้สูตรสารพัดนึกแก้สารพัดโรคกันเลยดีกว่า รับว่าเนื้อแต่ละอย่างห่าวชือๆ...อร่อยๆอย่างไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณซ้ำ ส่วนเลือดนั้นเสน่ห์อยู่ที่ไร้กลิ่นคาวเข้าปากแล้วเคี้ยวเบาๆเป็นพอ มีแต่ปีกกับตีนกินเนื้อแล้วเคี้ยวบดกระดูกอ่อนกรุบๆตาม...ถูกปากนักแล

...

คุณชายคิดเองนะ...กินเป็ดร้านนี้เผ็ดเหมือนกินเป็ดเสฉวน เค็มแบบเป็ดเซี่ยงไฮ้เหมาะกินกับข้าวสวยหอมหวานฉบับเป็ดซูโจว เนื้อเปื่อยและน้ำพะโล้เข้มข้นไม่ต่างเป็ดกวางตุ้ง...จึงเป็นจุดหมายที่ทัวร์จีนเคยแห่มาลงทุกวัน...แต่เดี๋ยวนี้คงเหลือแต่มาเลย์ สิงคโปร์ มากิน

อยากเล่าแบบไม่ขำ...มีสิงคโปเรี่ยนนายหนึ่งเทียวไล้เทียวขื่อ ชวนอาม่าไปขายแดนลอดช่อง แต่อากงไม่ยอมอยู่ดี...เพราะกลัวอาม่าจะมีคู่จิ้นใหม่!

เอาล่ะครับ ใครอยากลองไปชิมไปทาน สนนราคาใส่หม้อกับ 2 อย่างอยู่ที่ 200 บาท... รวมมิตร 280 บาท ก๋วยเตี๋ยวเป็ด 60 บาท ข้าวหน้าเป็ด 70 บาท

ร้าน “บ๊วยโภชนา” เปิดขายตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม โทรศัพท์ 08-7684-8230...มีสาขาให้ “อาเจ๊ก” ขายย่านทองหล่อ ลูกอาม่าขายแถวเหม่งจ๋าย “กอฟ” กับ “นัท” เปิดสาขาใหม่ล่าสุดเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาในเทอร์มินอล 21 พระราม 3

ขอกระซิบ...ทุกร้านล้วนกงสี ไม่มีแฟรนไชส์นะจ๊ะ!

...

คุณชาย 1