ทุกวันนี้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอัญมณีและเครื่องประดับติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก สร้างรายได้จากการส่งออกให้ประเทศปีละ 4 แสน 8 หมื่นล้านบาท จ้างงานคนในอุตสาหกรรมมากกว่าล้านคน ยิ่งไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันแล้ว ที่เครื่องประดับฝีมือคนไทยจะโด่งดังไกลเทียบชั้นแบรนด์ดังระดับโลก เมื่อ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ทรงร่วมกับ “BEAUTY GEMS” แบรนด์เครื่องประดับอัญมณีชั้นนำของไทย รังสรรค์คอลเลกชันเครื่องประดับชั้นสูง “AMOUR ÉTERNEL HAUTE JOAILLERIE COLLECTION” นำเสนอผลงานสุดวิจิตรรวม 62 ชิ้นงาน สู่สายตาชาวโลก ณ พระราชวังบางปะอิน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความรักในงานออกแบบ, มุมมอง, รสนิยมละเมียดขององค์ดีไซเนอร์, ความเกี่ยวพันระหว่างแฟชั่นการแต่งกายและโลกอัญมณี ตลอดจนความเป็นเลิศทางหัตถศิลป์ของช่างฝีมือชั้นครู ซึ่งถือเป็นมรดกล้ำค่าแห่งแผ่นดินไทย

...

เจาะลึกรายละเอียดของผลงานเครื่องประดับชั้นสูงคอลเลกชันลำดับที่สี่ “AMOUR ÉTERNEL HAUTE JOAILLERIE COLLECTION” เปี่ยมไปด้วยความละเมียดละไมในการออกแบบ และจัดวางชิ้นส่วน ประกอบโครงตัวเรือน เพื่อให้เอื้อต่อการสวมใส่แนบชิดกับผิวกาย ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงน้ำหนักชิ้นงาน ต้องโปร่งเบา และถ่ายทอดความรู้สึกสง่างามตามอากัปกิริยาการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนของสร้อยคอ, สร้อยข้อมือ, แหวน และต่างหู

เฉกเช่นผลงานตัดเย็บเสื้อผ้าชั้นสูงจากแผนกห้องเสื้อแฟชั่นโอต์กูตูร์ ประกายระยิบระยับสลับสีของมวลอัญมณีที่เจียระไนอย่างพิถีพิถันหลากรูปทรงได้ถูกร้อยเรียงขึ้นลวดลาย เพื่อขับขานเรื่องราวงานสร้างสรรค์ ภายใต้ 2 ธีมหลักคือ “ความรักในธรรมชาติ” สำหรับองค์ดีไซเนอร์แล้ว ธรรมชาติเป็นยิ่งกว่าแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจ หากเป็นจุดกำเนิดความรักและความปรารถนา ที่จะถ่ายทอดความงดงามตามธรรมชาติ สู่ผลงานสร้างสรรค์เสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น หรือเครื่องประดับ ความเป็นเลิศของช่างฝีมือชั้นครูคือพลังขับเคลื่อนสำคัญในการจำลองรายละเอียดแง่มุมต่างๆ รวมถึงท่วงท่าอากัปกิริยา, จังหวะการเปลี่ยนแปลงตามวงจรชีวิตของพฤกษานานาพรรณ และสัตว์น้อยใหญ่ในสวนแห่งจินตนาการให้มีความสมจริง พร้อมกันนี้ ยังแสดงถึงวิสัยทัศน์ในการเพิ่มอำนาจแห่งอิสตรีผ่านลูกเล่นการใช้เครื่องประดับตกแต่งได้อย่างลงตัว ดังปรากฏให้เห็นในคอลเลกชันล่าสุด ทั้งดอกไม้พระนามและดอกไม้พื้นบ้านไทย, ก้านใบพรรณไม้, หมู่มวลสัตว์น้อยใหญ่ในสวนสวยของเจ้าหญิง รวมถึงดวงดาว และพระจันทร์เสี้ยวแห่งรัตติกาล

...

...

อีกธีมสำคัญยกให้ “สัญลักษณ์แห่ง  SIRIVANNAVARI”  ถึงเวลาโลดแล่นของสัญลักษณ์ทางการออกแบบประจำพระองค์ เช่น “เกือกม้า” และ “ดวงดาว” ในฐานะเครื่องหมายนำโชค และตัวแทนความหวัง ขณะที่ “ตะขอปากม้า” สะท้อนความรักที่ทรงมีต่อศิลปะการขี่ม้า นอกเหนือจาก S Signature หรือโลโก้อักษร S ตัวย่อพระนามาภิไธยประจำพระองค์ งานออกแบบทั้งหมดคือแนวคิดใหม่ของความหรูหรา ซึ่งตั้งใจถ่ายทอดเป็นเครื่องประดับที่ให้อิสระในการพลิกแพลงวิธีสวมใส่ได้หลากหลาย โดยทุกชิ้นงานผ่านกระบวนการคิด, จินตนาการ และทดลอง ให้สามารถโอบกระชับรอบลำคอ, ข้อมือ, ข้อนิ้ว รวมถึงแนบชิดผิวใบหูได้เหมาะเจาะลงตัว เฉกเช่นการสวมชุดโอต์กูตูร์ที่สั่งตัดพิเศษขึ้นเฉพาะบุคคล ตามธรรมเนียมของห้องเสื้อชั้นสูง ขาดไม่ได้ยังรวมถึงงานออกแบบรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก “อาร์ต เดโค” ที่ถูกถ่ายทอดมาสู่โครงสร้างตัวเรือนเปิดโปร่ง จากการประกอบชิ้นส่วนรายละเอียดในแนวดิ่ง ให้เกิดการทิ้งตัวอย่างงามสง่า

...

ทักษะความชำนาญตามธรรมเนียมดั้งเดิมของศิลปะเครื่องประดับชั้นสูง ล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือของช่างหัตถศิลป์ชั้นครู ซึ่งปัจจุบันมีผู้สืบทอดฝีมือไม่ถึงร้อยคน ไม่ว่าจะเป็นงานเจียระไนเพชรทรงหยดน้ำเหลี่ยมกุหลาบ (briolette) หรืองานฝังขึ้นตัวเรือนแบบไร้หนามเตย (invisible setting) ที่ต้องใช้งานเจียระไนอัญมณีรูปทรงเฉพาะ ร่วมกับโครงสร้างตัวเรือนที่อาศัยร่องรางรองรับการฝังสอดแทนการใช้หนามเตยเกี่ยวยึด เพื่อให้อัญมณีแต่ละเม็ดชิดขอบติดกันจนกลบโลหะตัวรองด้านล่างอย่างหมดจด ก่อผลลัพธ์เสมือนงานปักสุดวิจิตรบรรจงจนมองไม่เห็นเนื้อผ้าชิ้นพื้น ทุกอย่างคือความล้ำค่าพอๆกับอัญมณีหายาก เช่น “พัดพารัดชา” ไพลินสีกลีบบัวอันทรงเอกลักษณ์

“เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง” คือการขับขานเรื่องราวของกระบวนการสร้างสรรค์ ผลงานอันควรค่าต่อการเป็นมรดกของแผ่นดินจากแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” อย่างแท้จริง โดยผลงานแต่ละชิ้นดุจเวทีระดมความเลอค่าอันหาได้ยากยิ่ง และเป็นการหลอมรวมความชำนาญแขนงต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนคัดเลือกรัตนชาติและอัญมณี หรือกรรมวิธีหล่อไขแวกซ์เขียวสำหรับขึ้นแบบชิ้นส่วนโครงสร้างตัวเรือน ตลอดจนงานเจียระไน, เทคนิคการฝังอัญมณี รวมถึงกระบวนการขัดผิวตัวเรือนทองคำขาว, เพชร และพลอย เพื่อสืบสานงานฝีมือเครื่องประดับตามธรรมเนียมดั้งเดิมของช่างศิลป์ไทย

ผลงานชิ้นเด่นประจำคอลเลกชัน มีอาทิ  “เข็มกลัดกุหลาบเพชรหยาดน้ำค้าง”  (PUREST ROSE brooch) งานออกแบบที่ขยายผลจากเข็มกลัด “Rosa Queen Sirikit” ในคอลเลกชัน “Heirlooms of Elegance” ถ่ายทอดความเป็นราชินีแห่งมวลพฤกษาได้อย่างสมจริง, “เข็มกลัดนกยูงขาว” (MAJESTIC PAON DIAMOND brooch) โชว์ความอ่อนช้อยของพวงขนและแพนหางราวกับมีชีวิตด้วยเทคนิคงานช่างฝีมือชั้นสูง, ชุดเครื่องประดับ “ร้อยเหลี่ยมพัดพารัดชา” (Edge of Symmetric) โดดเด่นด้วยไพลินเฉดสีชมพูเข้มอมส้มอันทรงเอกลักษณ์และเพชรน้ำเจียระไนหลากรูปทรงเรขาคณิต ในเซ็ตมีทั้งสร้อยคอ, ต่างหู และแหวน, ชุดเครื่องประดับ  “ลูกไม้ลายหยดน้ำ” (Lace of Briolette parure) สร้างเอกลักษณ์ด้วยการเจียระไนเพชรหยดน้ำโดยใช้หน้าตัดเหลี่ยมกุหลาบทบคู่เรียงร้อยต่อเนื่องไปทั่วมิติ อาศัยแรงบันดาลใจจากลักษณะโปร่งเบาของตาข่ายลูกไม้เป็นต้นแบบจำลองโครงสร้าง สู่ตัวเรือนทองคำขาวน้ำหนักเบาในยามทิ้งตัวแนบสรีระ ในเซ็ตมีทั้งสร้อยคอ, สร้อยข้อมือ และต่างหู, ชุดเครื่องประดับ “ร้อยระย้าหยาดไพลิน” (Panache of Sapphires parure) บทสรุปธรรมเนียมคลาสสิกของงานสร้างสรรค์เครื่องประดับชั้นสูงในการทวีความงดงามตามธรรมชาติของมวลเพชรพลอย โดยอาศัยเนื้อเงาวาววามของโลหะตัวเรือนสีกลมกลืนเป็นกลไกเร่งความเข้มแสง เพิ่มประกายระยิบระยับไม่หยุดนิ่ง ด้วยแรงบันดาลใจจากแถบลูกไม้ลายตาข่ายโค้ง ในเซ็ตมีสร้อยคอกับต่างหู และ ชุดเครื่องประดับ “ระย้าลำดวนขาว” (Melodorum Melodrama Parure) ร้อยเรียงเป็นเครื่องประดับดอกลำดวนแสนยวนใจ ด้วยเทคนิคการหล่อแบบแยกชิ้น ก่อนนำไปฝังเพชรขึ้นตัวเรือนทีละส่วน เพื่อนำมาประกอบร่างเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบ

ผลงาน “AMOUR ÉTERNEL HAUTE JOAILLERIE COLLECTION” สร้างสรรค์ในรูปแบบ One-Of-A-Kind และ Limited Edition ทั้งหมด สามารถชมคอลเลกชันได้แล้วที่ร้าน “SIRIVANNAVARI” สยามพารากอน และ “BEAUTY GEMS” สาขาเซ็นทรัล ชิดลม.


ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่