เชื่อศรัทธากันว่าการทำบุญ “ทอดผ้าป่า” โดยไม่เฉพาะเจาะจงผู้รับจักมีอานิสงส์อันแรงกล้า ดังมีเรื่องเล่าว่า...เทพบุตรตนหนึ่งรู้ตัวเองว่าจะหมดบุญและจุติจากสวรรค์ มีราศีเศร้าหมองไม่อภิรมย์ในทิพยสมบัติ จึงแสวงหาวิธีที่จะต่ออายุให้อยู่ในสรวงสวรรค์อีกนานๆ
จึงไปเฝ้าพระอินทร์แล้วก็เล่าเรื่องความทุกข์ให้ฟัง...พระอินทร์แนะนำว่า ให้แสวงหาพระสงฆ์ สาวกพระพุทธเจ้าที่กำลังจะออกจากนิโรธสมาบัติแล้วให้นำผ้าป่าไปถวายจะสามารถต่ออายุได้อีก
เทพบุตรตนนั้นรู้ว่าวันนี้พระสารีบุตรจะออกจากนิโรธสมาบัติจึงนำผ้าทิพย์คลุกฝุ่นแล้วจำแลงตนเป็นคนยากจนนำผ้าไปพาดกิ่งไม้เฉพาะหน้าที่พระสารีบุตรจะผ่านไปมองเห็นได้ พระสารีบุตรทราบด้วยญาณว่าคนยากจนที่นำผ้ามาพาดกิ่งไม้หมายจะให้ท่านอธิษฐานนำไปตัดเย็บจีวรนั้นเป็นเทพบุตร...
จึงตำหนิว่าไม่ควรทำอย่างนั้นเป็นการเอาเปรียบคนยากจนที่น่าสงสารคนอื่นๆ
อีกเรื่องเล่ามีว่า...“ถ้าใครได้ทำบุญกับพระสาวกที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติตั้งจิต ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น แต่ท่านจะโปรดได้เฉพาะผู้ทำบุญรายแรกเพียงรายเดียวเท่านั้น”
“ผ้าป่า”...เป็นบังสุกุลที่ไม่มีเจ้าของ เป็นผ้าเก่า หรือผ้าเปื้อนที่ถูกทิ้ง หรือพาดไว้ตามกิ่งไม้ในป่า ซึ่งพระสงฆ์จะหยิบไปใช้ในการทำจีวร
บางครั้งก็เป็นผ้าที่ชาวบ้านตั้งใจนำไปถวายไว้ โดยไม่มีกล่าวคำถวาย หรือประเคนเหมือนถวายของทั่วไป ซึ่งพิธีการดังกล่าวจะเรียกว่า “ทอดผ้าป่า”
ทุกวันนี้หากจะทำพิธีทอดผ้าป่า ไม่จำเป็นจะต้องนำผ้าพาดไว้บนกิ่งไม้แล้วทิ้งไว้ พระรูปใดมาพบเข้าก็ชักเอาไป เพราะสามารถนิมนต์พระให้มาชักผ้าป่า หรือนำกิ่งไม้มาปักไว้ในกระถาง จากนั้นก็นำผ้ามาผูกแขวนไว้ และถวายสิ่งของเครื่องใช้ให้พระได้เลย ซึ่งสามารถจัดได้ตลอดทั้งปีตามกำลังศรัทธา
...
อีกทั้งยังได้มีการต่อยอดไปทอดที่...โลงศพ หรือทอดบนสายโยงศพ เพื่อให้พระชักผ้านั้นไป เป็นการอุทิศกุศลให้แก่ผู้ตายอีกด้วย
“ผ้าป่าสามัคคี”...ได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นผ้าป่าที่มีการแจกบุญไปตามสถานที่ต่างๆ ให้ร่วมกันทำบุญแล้วแต่ศรัทธา โดยจัดเป็นกองผ้าป่ามารวมกัน เมื่อถึงวันทอดจะมีขบวนแห่ผ้าป่ามารวมกันที่วัดอย่างสนุกสนาน บางทีจุดประสงค์ก็เพื่อร่วมกันหาเงินสร้างถาวรวัตถุต่างๆ เช่น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ฯลฯ
ทำดี...ได้ดี ทำชั่ว...ได้ชั่ว คือสุภาษิตสอนใจ “ทำบุญ”...อย่าหวังสิ่งตอบแทน ทำด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์จะเป็นคุณกับตัวอย่างที่สุด
ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 วัดสุวรรณบำรุงราชวราราม (คลอง 9 ลำลูกกา) อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จะจัดงาน “ทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศลอันยิ่งใหญ่” จำนวน 100,000 กอง กองละ 200 บาท สามารถโทร.ติดต่อร่วมจองเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่าสามัคคีเข้ามาได้ที่เบอร์ 08-6986-6555
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญได้โดยการสแกนคิวอาร์โค้ดที่ให้ไว้นี้ได้ทันทีเช่นกัน ชื่อบัญชี : “พระครูสุวรรณวรการ” หรือร่วมทำบุญได้ที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 354-224- 2328 ชื่อบัญชี “วัดสุวรรณบำรุงราชวราราม”...ขออนุโมทนาบุญทุกท่านเทอญ
“บุญใหญ่” นี้จะนำไปขยับขยาย “ซื้อที่ดินทำทางเข้าวัด” และยังใช้สำหรับเชื่อมต่อไปยังถนนทางทิศใต้ เนื้อที่ทั้งหมด 2 งาน 76 ตารางวา เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 12 ล้านบาท
ผ่านมาถึงวันนี้...แม้จะได้เงินจากผู้ใจบุญมามากโข แต่ก็ยังขาดอยู่อีกมากนัก แน่นอนว่าเงินส่วนนี้...ยังมีความสำคัญและจำเป็น ถึงวันนี้ก็ยังเปิดรับการบริจาคจากผู้ใจบุญกันอย่างต่อเนื่อง
...
พระครูสุวรรณวรการ เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ในฐานะเจ้าอาวาส ฝากประชาสัมพันธ์บอกบุญ ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญใหญ่ซื้อที่ดินจากถนนส่วนบุคคลให้มาเป็นของทางวัดผ่านกิจกรรมงานบุญต่างๆที่ดำเนินการจัดอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นไปได้...ใครที่รู้แล้วก็ช่วยบอกบุญต่อๆกันไปขยายเป็นวงกว้าง
ย้ำว่า...การซื้อที่ดินทำทางเข้าวัดในครั้งนี้ เนื่องจากจะมีการขยายถนนและเวนคืนที่ดิน ช่วงประตูหน้าวัดเดิมจะทำให้ทางเข้าออกจะไม่สะดวก จึงจำเป็นต้องซื้อทางเข้า-ออกวัดทางใหม่ตามกำลังศรัทธา
“ไม่มีใคร เกิดที่ไหน เป็นอะไร เพียงเพราะบังเอิญ” Cr.เฟซบุ๊กเพจ “Dungtrin”...
จะเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดต้องเชื่อเรื่องกรรมและผลแห่งกรรมเสียก่อน แล้วจะเห็นเหตุเห็นผลได้ง่ายขึ้น ไม่อย่างนั้นแม้คำตอบอยู่ตรงหน้า...แม้คำตอบติดอยู่กับตัวมาแต่เกิดก็จะเหมือนไม่มี เพราะไม่เข้าใจและพอไม่เข้าใจก็เชื่อไม่ลง
พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเห็นเหมือนพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ นั่นคือ...คนและสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นแดนเกิด ไม่มีใครเกิดที่ไหน เป็นอะไร เพียงเพราะบังเอิญ ไม่มีใครประสบทุกข์เพราะ
...
ถูกกลั่นแกล้ง ไม่มีใครประสบสุขเพราะเกิดการลำเอียง ความจริงนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่มีใครไปแก้ไขได้
เหล่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเพียงรู้เห็นด้วยอภิญญาอันล่วงตาเนื้อของมนุษย์แล้วนำมาบอก นำมาประกาศ นำมาทำให้เป็นความรู้ที่บอกต่อง่ายเท่านั้น ก่อนเกิดต้องมีบุญหรือมีบาปเป็นตัวกำหนด เป็นตัวคัดสรรว่าสมควรเข้าช่องเข้าชั้นไหน เพื่อรับเวรรับกรรมที่ทำมา สมควรเป็นสัตว์นรก เดรัจฉาน เปรต มนุษย์ หรือเทวดา
อยู่ๆ จะเป็นจิตวิญญาณที่ผุดขึ้นกลางจักรวาลแล้วค่อยๆเริ่มจากการเป็นตัวต่อตัวแตนเล็กๆไม่ได้ เพราะแม้จะมีอัตภาพเล็กจ้อยเพียงใดก็จัดเข้าช่องชั้นเดรัจฉาน ซึ่งต้องบันดาลขึ้นจากบาปอกุศล ต้องมีหลุมดำดูดเข้ามาสู่ความเป็นเดรัจฉานก่อนเกิด ไม่มีทางเกิดขึ้นเองโดยปราศจากที่มาที่ไป
ความไม่รู้ตัวว่าอยู่ในวังวน ไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่ากายใจนี้คือเหยื่อล่อให้งับหลงยึดหลงเชื่อกันว่าคือตัวเรา คือเราคิด คือเราพูด คือเราทำ...เมื่อไม่รู้ ก็ได้ชื่อว่าถูก “อวิชชา” บดบังความจริงอยู่ จึงคิด จึงพูด จึงทำ อย่างที่เกิดแรงดันจากข้างใน โดยไม่ทราบว่าคิดพูดทำไปอย่างนั้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
...
“ไม่รู้ ไม่ใช่ไม่ผิด...แต่ถือเป็นความผิดที่ไม่รู้ ถ้าครั้งนี้สะสมบาปไว้มาก ครั้งต่อไปก็เหมาะจะมีกายใจอันเป็นทุกข์ ถ้าครั้งนี้สะสมบุญไว้มาก ครั้งต่อไปก็เหมาะจะมีกายใจอันเป็นสุข เป็นกฎที่ไม่มีความสงสารหรือส่งเสริมใคร แม้คำสาปแช่งให้ไปเกิดเป็นนั่นเป็นนี่ไม่มีผล!”
“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.
รัก-ยม
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม