อีกครั้งที่ทีมงานซอกแซกชุด “พิเศษ” ได้รับเชิญจากกระทรวงวัฒนธรรมโดยท่านปลัดกระทรวง ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ให้ไปเที่ยวงาน “ฉลองกรุง” รัตนโกสินทร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 242 ปี ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ณ บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
ที่ต้องใช้คำว่า “อีกครั้ง” ก็เพราะเมื่อปีกลายหัวหน้าทีมซอกแซกและคณะได้รับเชิญมาแล้วครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งกลับมาเขียนเล่ายาวเหยียดด้วยความสุขใจ และภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยภายใต้พระบารมีพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งมี “กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์” เป็นเมืองหลวง
ได้มีโอกาสเดินชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งแต่เดิมก็คือส่วนหนึ่งของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ “วังหน้า” หรือวังของพระมหาอุปราช ซึ่งมีฐานะเป็นองค์รัชทายาทที่มีสิทธิ์จะขึ้นครองราชสมบัติต่อไปนั่นเอง
สำหรับ “วังหน้า” แห่งนี้แต่เดิมมีพื้นที่กว้างขวางมาก รวมพื้นที่ทั้งหมดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ไปจนถึงมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ และอีกส่วนที่เคยเป็นวิทยาลัยนาฏศิลป์+วิทยาลัยช่างศิลป์เอาไว้ทั้งหมด
ปัจจุบันจะเหลือเฉพาะส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์และโรงละครแห่งชาติเท่านั้น ที่เปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้ โดยเฉพาะพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์เวลา 09.00-16.00 น. (ยกเว้นในช่วงพิเศษต่างๆ จะมีการประกาศแจ้งกำหนดอีกครั้ง)
มีโอกาสก็อย่าลืมแวะไปนะครับ
สำหรับพวกเราชาวทีมงานซอกแซกชุดพิเศษได้มีโอกาสเดินชมครบทุกพระที่นั่งไปแล้วในการรับเชิญมาร่วมฉลองปีที่ 241 ของกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อปีกลาย ดังนั้นในปีนี้จึงขออนุญาตทางฝ่ายเจ้าภาพเข้าสู่พระที่นั่งเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
...
ได้แก่พระที่นั่ง พุทไธสวรรย์ อันเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปเก่าแก่คู่ประเทศมาตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย
คณะของเราโดย เฉพาะหัวหน้าทีมซอกแซกจะเข้าไปกราบท่านทุกครั้งที่มีโอกาสมาที่นี่ รวมทั้งในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
จากนั้นก็ออกเดินไปรอบๆบริเวณพื้นที่ที่มีการจัดงานตามจุดต่างๆที่พอจะมีที่ว่างอยู่ในอาณาบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล
เพื่อเยี่ยมชมตลาดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์โอทอป โดยคำแนะนำของช่างศิลปะจากกระทรวงวัฒนธรรม กลายเป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมที่สวยงามทรงคุณค่าแบบไทยๆเพิ่มขึ้น
ถัดไปอีกหน่อยก็เป็น ตลาดย้อนยุค จัดสาธิตและปรุงจำหน่ายอาหารชาววังและอาหารจากจังหวัดต่างๆที่เรียกว่า 1 จังหวัด 1 เมนู อร่อยๆไม่แพ้กันทั้งคาวและหวาน
ใกล้ๆกันนั้นจะเป็นซุ้มเฉลิมฉลองที่สวยงามประดับไฟหลากสี พร้อมชื่องานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งจะมีประชาชนมาเข้าคิวรอถ่ายภาพ “เช็กอิน” เป็นที่ระลึกยาวเหยียด พร้อมกับเดินเข้าสู่อุโมงค์ไฟฟ้าอันเป็นที่ตั้งแสดงนิทรรศการ “สวนแสงเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทุกรัชกาล
อีกพักหนึ่งก็เดินมาถึงเวทีแสดงมหรสพทางวัฒนธรรมประจำถิ่น ซึ่งจะมีพี่น้องประชาชนมานั่งรอดูชมแน่นขนัด ซึ่งในคืนที่คณะของเราไปเยือนเมื่อวันพุธที่ 24 เมษายนนั้น มีการแสดงพื้นบ้าน “โนรา” จากภาคใต้ ตามมาด้วยการแสดง “เพลงฉ่อย” ทรงเครื่องของสมาคมเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ก่อนจะถึงการแสดงร่วมสมัยชุด “น้องมีนา” มือกลองฟันน้ำนม ที่มีชื่อเสียงจากการรัวกลอง ชนะการประกวดมาหลายที่มียอดวิวในยูทูบในติ๊กต่อกหลายสิบล้านวิว
ตามด้วยการแสดงของ “นักร้องลูกทุ่ง” อนันต์ ไมค์ทองคำ หรือ อนันต์ อาศัยไพรพนา อดีตเด็กไทยชนเผ่า “ปกาเกอะญอ” หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ กะเหรี่ยง จากยอดดอยที่สูงเสียดฟ้าของอำเภอ ท่าสองยาง จังหวัดตาก
อนันต์ อาศัยไพรพนา ต้องเดินวันละหลายๆกิโลเมตร เพื่อไปเรียนหนังสือในโรงเรียนไทย ต้องฝึกปรือที่จะพูดภาษาไทยให้ชัดถ้อย ชัดคำและด้วยใจรักในเสียงเพลงไทยลูกทุ่งเขาจึงหัดร้องเพลงไทยลูกทุ่งด้วย ร้องได้ดีจนไม่มีสำเนียงชนเผ่าเหลืออยู่เลย และต่อมาครูของเขาก็เขียนจดหมายมาถึงรายการ “ไมค์ทองคำ” ของทีวีช่อง 23 เวิร์คพอยท์ ขอส่งเขามาร่วมประกวดด้วย ซึ่งทางเวิร์คพอยท์ก็ยินดีให้โอกาส
ในที่สุดเด็กปกาเกอะญอ หรือเด็กกะเหรี่ยงรายนี้ก็คว้าแชมป์ไมค์ทองคำของปีนั้นไปได้และ เข้าสังกัดในค่ายเพลงหนึ่งของเวิร์คพอยท์เพิ่งจะครบสัญญาเป็นนักร้องอิสระเมื่อไม่นานมานี้
...
ในคืนที่เขามาร้องในเวทีเฉลิมฉลอง 242 ปีรัตนโกสินทร์ ซึ่งหัวหน้าทีมซอกแซกไปยืนให้กำลังใจอยู่พักหนึ่งนั้น พบว่าบรรดา “แม่ยก” และ “แฟนเพลง” รุ่นป้ารุ่นน้าที่รักเขาเหมือนลูกหลานมาให้กำลังใจแน่นขนัดเช่นเคย ขึ้นคล้องพวงมาลัยธนบัตรให้น้องอนันต์จนล้นคอแล้วล้นคออีก
ทราบว่าทุกวันนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของอนันต์ ไมค์ทองคำ ดีขึ้นอย่างมาก มีบ้านสวยงาม มีรถยนต์ขับขี่และเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ หลังจบปริญญาตรีที่วิทยาลัย นอร์ธเทิร์น จังหวัดตาก เรียบร้อย
สรุปความประทับใจของการไปเที่ยวงาน “ใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ปีนี้ของหัวหน้าทีมซอกแซกก็คือ...การแสดงจาก 3 ภาคของประเทศไทยบนเวทีเดียวกันนี่เอง
ได้แก่ “รำโนรา” จากน้องๆที่รำได้สวยงามมากจากภาคใต้...การแสดง “เพลงฉ่อย” ทั้งสนุกสนานเฮฮา ของภาคกลาง...
ตบท้ายด้วยเพลงลูกทุ่งจากหนุ่ม ปกาเกอะญอ หรือหนุ่มกะเหรี่ยงจากยอดดอย ภาคเหนือ ผู้ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในชีวิตนี้
นี่คือแผ่นดินไทยภายใต้ร่มพระบารมีโดยแท้...ขอให้คุณสู้ ขอให้คุณใช้ความพยายามอย่าท้อถอย อย่ามองโลกแง่ร้าย...ล้มแล้วก็ลุกได้ แพ้แล้วก็ชนะได้ วันหนึ่งคุณก็จะไปได้ถึงฝันเหมือนเช่น “กันต์ ไมค์ทองคำ” ที่สู้ชีวิตจนได้มายืนบนเวทีอันยิ่งใหญ่ เวทีหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ประเทศไทยในปัจจุบัน.
“ซูม”
คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม
...