นับเป็นกษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่ง ที่ทรงปรีชาการรบทั้งปราบหัวเมืองกบฏและกู้ชาติหลัง “อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ลงฤา” บุคคลผู้นั้นคือ “นายสิน” อดีตสามัญชนคนไทยเชื้อสายจีนบิดาอพยพมาจากเมืองเฉิงไห่ ซัวเถา

นายสินเกิดวันอาทิตย์ เวลา 10.00 น. เดือน 5 ขึ้น 5 ค่ำ จุลศักราช 1069 ปีขาลฉอศก ตรงกับวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2277 เริ่มรับราชการเป็นมหาดเล็กจนได้เป็นเจ้าเมืองตาก พระยศขณะนั้นคือ “พระยาวชิรปราการ”...ในค่ำคืนหนึ่งของวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 4 ค่ำปีจอ พ.ศ.2309 พระองค์ได้รวบรวมพลไพร่ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมทัพพม่าซึ่งล้อมกรุงศรีอยุธยาขณะอ่อนแอ ด้วยพระทัยแน่วแน่ว่าถ้าขืนอยู่ก็ตายสู้หนีจากกรุงไปตั้งหลัก แล้วกลับมากู้ชาติภายหลังจะดีกว่า โดยได้ขนไพร่พลไปตีหัวเมืองจันทบุรีจนสำเร็จ

จากนั้นนำทัพกลับกรุงศรีอยุธยาตีพม่าแตกกระเจิง คืนสู่เอกราชเมื่อวันศุกร์ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก ตรงกับวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 แล้วทรงปราบดาภิเษก ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2311 เป็น “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” ผู้ทรงสร้างกรุงธนบุรีราชธานีแห่งใหม่กาลนั้น

...

กระทั่งต่อมาได้เป็น “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” พระมหากษัตริย์ในหัวใจคนไทยแต่ละสมัย ดังจะเห็นจากพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ย่านวงเวียนใหญ่ และวัดหงส์รัตนาราม กรุงเทพมหานครและศาล พระบรมรูป พระราชวังเดิม หรือศาลจังหวัดตาก อีกทั้งศาลหลังคาทรงมาลา จ.จันทบุรี หรือศาลในลานวัดลุ่มมหาชัยชุมพล กลางเมืองระยอง รวมถึงศาลที่กระจายอยู่ตามท้องถิ่นต่างๆมากมาย

O O O O

ศาลวัดลุ่ม ถ.ตากสิน ต.ท่าประดู่ ระยอง นับเป็นอีกสถานศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมืองนี้ มีคนไทยและคนไทยเชื้อสายจีนรุ่นลูกหลาน ที่บรรพบุรุษส่วนใหญ่คือแต้จิ๋วสายเดียวกับบิดานายสิน อาศัยอยู่เมืองนี้แต่ครั้งอยุธยาราว พ.ศ.1998 โดยคนที่นั่นเชื่อว่า...ก่อนกรุงแตกเมื่อพระยาวชิรปราการหนีมาพักทัพยังวัดลุ่มก่อนไปตีหัวเมืองจันทบุรี ได้ปรากฏมีชายฉกรรจ์ระยองจำนวนมากอาสาไปร่วมรบครั้งกระนั้นด้วย

นำมาซึ่งความภูมิใจในความกล้าหาญของเหล่าบรรพชนคนเมืองของยุคนั้นตราบถึงยุคนี้

ศาลที่ว่าสร้างขึ้นด้วยภารกิจสะเดาะเคราะห์นางทองปาน ภู่สุวรรณ ซึ่งป่วยออดๆแอดๆเป็นประจำ จนคืนหนึ่งได้ฝันถึงพ่อตากว่ากำลังเดือดร้อนไร้ที่ประทับ นางตื่นขึ้นไปหารือเจ้าอาวาสวัดลุ่มขณะนั้น ได้รับคำแนะนำกลับมาให้จัดสร้างศาลดังกล่าวขึ้น

ศาลนี้สร้างครั้งแรกปี พ.ศ.2477 เป็นศาลาเล็กๆ ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อทองเหลืองในท่าประทับยืนสูง 70 เซนติเมตร เสร็จแล้วได้เฉลิมฉลองโดยนำออกแห่ช่วงตรุษจีนให้ชาวถิ่น ได้สักการะกลายเป็นงานประเพณีประจำทุกปีกับอีกครั้ง 28 ธันวาคมอันเป็นวันปราบดาภิเษก

ครั้นปี พ.ศ.2503 ได้หล่อพระบรมรูปเท่าองค์จริง กับ พ.ศ.2507 ได้สร้างศาลหลังใหม่รูปคอนกรีตจตุรมุข ปี พ.ศ.2532 ปรับปรุงพระบรมรูปเป็นลงรักปิดทองให้ประชาชนบูชาเป็นที่พึ่งทางใจ โดย ททท. สำนักงานระยอง ได้จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภท “อะเมซิ่งสถานศักดิ์สิทธิ์” เที่ยวได้ตลอดทั้งปี

สุริยนต์ ฟองจันทร์ ผู้ดูแลศาลแต่ครั้งอายุได้ 17-18 ปีถึง 43 ปี เล่าว่า...ศาลแห่งนี้แทบไม่เคยแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใดๆให้เห็น มีแต่สิ่งดลใจต่อความเชื่อสู่ “ศรัทธา” จากผู้เลื่อมใสในตัวพ่อมาตลอด อย่างต้นสะตือเจริญพันธุ์อยู่คู่ศาลคาดว่ามีอายุราว 300 ปี วัดได้โดยรอบ 5 เมตรสูง 15 เมตร สรรพคุณเป็นไม้แก่นแข็งเหนียวพืชสมุนไพรชนิดนี้ใช้ใบต้มอาบแก้โรคอีสุกอีใส หัด ส่วนเปลือกหุ้มลำต้นใช้ปรุงยาแก้ท้องร่วงได้

...

“สะตือต้นนี้มีความสำคัญกับพระราชประวัติพ่อตาก” สุริยนต์ ว่า

“พระองค์เคยทรงนำช้างคู่พระทัยชื่อพังคีรีบัญชรมาผูกไว้ก่อนเป็นช้างศึกไปตีจันทบุรีจนชนะกับกู้กรุงศรีอยุธยาจนสำเร็จ ปัจจุบันสะตือยังถือเป็นของสูงให้คนกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล มีเรื่องเล่าถึงวาระสำคัญมักมีหญิงงามแต่งชุดไทยให้เห็นในเงามืดแบบมาดี คล้ายนางไม้มาขอร่วมพิธีด้วย”

O O O O

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...มีชาวบุรีรัมย์คนหนึ่งมาไหว้ขอพรพ่อตากสินคราวมาท่องเที่ยวระยองเป็นครั้งแรก ได้อธิษฐานขอให้ได้พบลูกซึ่งหายไป 20 ปี โดยไม่หวังจะได้ดังคำอธิษฐาน

“จนเมื่อกลับบุรีรัมย์พ่อตากก็เข้าฝันให้รู้ลูกยังมีชีวิตทำงานอยู่เชียงใหม่ จึงเดินทางไปสืบหาตามความฝัน ในที่สุดก็เป็นจริงตามคำที่พ่อตากบอกทุกประการ”

อีกรายเป็นชายชาวจังหวัดตาก ที่ไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนนอกจากจังหวัดใกล้เคียง แต่ที่ปฏิบัติประจำคือไปสักการะศาลพระเจ้าตากสินที่นั่นสม่ำเสมอ คืนหนึ่งเกิดพ่อตากมาเข้าฝัน

...

“กูมาอยู่ทางทะเลภาคตะวันออกนานแล้ว คิดถึงไม่เห็นมึงมาเยี่ยมกูบ้าง”

ชายคนที่ว่าลงมือค้นหาพ่อตากถูกอัญเชิญไปประทับอยู่ที่ใดบ้าง กระทั่งพบที่ ต.ท่าประดู่ ระยอง มีศาลพ่อตากสินประทับอยู่ใกล้ทะเล ประชาชนหลั่งไหลไปสักการะตลอดปี จึงรีบเดินทางไปบูชาดวงวิญญาณด้วยความรำลึกถึง เป็นมงคลชีวิตแก่ตนเองและครอบครัว

แล้วก็มีอยู่รายหนึ่งเป็นนักธุรกิจลงทุนบ้านจัดสรรอยู่ อ.ปลวกแดง ขายโครงการได้เกือบหมด เหลืออีก 5 หลังขายไม่ออกมาร่วม 2 ปี สุดท้ายต้องหันไปพึ่งพ่อตากด้วยการบนบาน ศาลกล่าว ถึงขายออกทั้ง 5 ยูนิตปิดโครงการได้อย่างน่าอัศจรรย์

จากนั้นถึงไปแก้บนด้วยหัวหมู เหล้าขาว ขนมหวานและผลไม้ตามความเชื่อ ส่วนการบนทั่วไปประกอบด้วยตุ๊กตาหุ่นช้างคล้ายคชสารออกรบ หรือไม่ก็ม้าศึกท่าคึกคะนองหมายรบพุ่ง และไก่ชนรำเวทีไปถวาย บางรายขอมีบุตร คู่ครอง หน้าที่การงาน ธุรกิจการค้า ก็คงใช้ตุ๊กตาช้าง ม้า ไก่ แล้วก็น้ำแดง

...ที่ไม่เหมือนศาลอื่นคือมีพระมาลาวางเหนือพานบวงสรวง พร้อมศัสตราวุธของนักรบผู้หาญกล้า โดยมีดาบให้เช่าถวาย ถ้าดาบเดี่ยว 90 บาท ดาบคู่ 200 บาทรวมดอกไม้บูชา สำหรับรายที่แก้ทุกข์ มีกระดิ่งร้องเรียนถึงพ่อตากคิดค่าเช่ากระดิ่งละ 20 บาท...ทั้งหมดคือสิ่งที่พ่อประทานให้

...

ยกเว้นคำอธิษฐานขอหลุดพ้นการเกณฑ์ทหาร ที่พระองค์มักจัดให้คือ “ใบแดง” ทุกรายไป

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม