วิกฤติด้านพลังงาน และผลกระทบจากการใช้พลังงานกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ และพยายามหาทางแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการหาพลังงานทางเลือก หรือการลดผลกระทบจากมลพิษที่เกิดจากการใช้พลังงานดังกล่าว ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
จากเหตุและผลดังกล่าว ทำให้ในอุตสหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาพลังงานธรรมชาติ ที่สร้างมลพิษทางอากาศ มีการพัฒนารถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) ออกมาเพื่อแทนรถเครื่องยนต์สันดาป หรือเครื่องยนต์ใช้น้ำมันเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาไม่ให้รุนแรงมากไปกว่านี้ ซึ่งสถานการณ์ตลาดรถ EV ในปีนี้ มีภาพไปในทิศทางอย่างไร
พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่สายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ในฐานะรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ได้มาบอกเล่าให้ฟังถึง "เทรนด์รถ EV ในปี 2024 นี้"
...
เทรนด์รถ EV ปี 2024
พีระพงศ์ ได้เล่าถึงเทรนด์ และแนวโน้มตลาดรถพลังงานไฟฟ้าปี 2024 ว่า "มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนยอดจดทะเบียนประมาณ 70,000 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 10%
จากภาพรวมตลาดรถยนต์ที่มีการจดทะเบียนประมาณ 7 แสนคัน และในปีนี้คาดว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 20-30%"
"ส่วนการจองรถพลังงานไฟฟ้าภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ผ่านมา (ครั้งที่ 44) มีประมาณ 40,000 คัน คาดว่าในปีนี้น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องอีก 15% นอกจากนี้ หากประเมินจากการจัดงาน มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ก็พบว่าแบรนด์รถยนต์รายเดิมแทบทุกราย หันมาเพิ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแบรนด์รถหน้าใหม่ที่ผลิต และจำหน่ายเฉพาะรถ EV อย่างเดียวมากถึง 11 แบรนด์ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ จากจำนวนผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 50 แบรนด์ แบ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ 36 แบรนด์ และแบรนด์รถจักรยานยนต์ 14 แบรนด์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตลาดรถ EV มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง และยังเชื่อว่าในปีนี้จะมีแบรนด์รถ EV รายใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นแบรนด์จากประเทศจีน แม้ว่าแบรนด์รถ EV รายใหญ่จะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราเกือบทั้งหมดแล้วก็ตาม" ผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ กล่าว
พร้อมไหม? , ถ้าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าใช้ในปีนี้
เชื่อว่าเป็นหนึ่งคำถามที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน ถึงแม้ว่าปีนี้แนวโน้มตลาดรถ EV มีการเติบโต
ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมายในการจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่รถพลังงานไฟฟ้าได้พัฒนาเทคโนโลยี หรือมีความสมบูรณ์พร้อมสำหรับผู้บริโภคชาวไทยจะลงทุนซื้อมาใช้หรือไม่นั้น
...
พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา มีมุมมองว่า "จากที่เคยได้มีการสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลผู้เข้าร่วมงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ส่วนใหญ่กว่า 50% ยังเลือกจะซื้อรถเครื่องยนต์ใช้น้ำมัน เพราะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการทำงานอาจจะยังไม่สอดคล้องกับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีรถยนต์เพียงคันเดียว หากรถเกิดเสีย หรือได้รับอุบัติเหตุ อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการซื้ออะไหล่มาซ่อมบำรุงนาน หรือหาช่างผู้ชำนาญมาดูแลได้ยาก ผนวกกับไลฟ์สไตล์การทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ อาจจะไม่สะดวกต่อการใช้สถานีชาร์จรถไฟฟ้า"
พีระพงศ์ เล่าต่อว่า "นอกจากนี้รวมถึงที่พักอาศัยยังไม่มีระบบชาร์จไฟฟ้ารองรับ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่พักอาศัยอยู่ตามคอนโดมิเนียม ซึ่งทางโครงการอาจจะยังไม่มีที่ชาร์จไฟไว้รองรับ อย่างไรก็ตาม ทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีของรถพลังงานไฟฟ้าก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง รวมถึงมีการเพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้าที่มากขึ้น เพื่อรองรับกับปริมาณรถที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนราคารถพลังงานไฟฟ้าปัจจุบันก็มีแนวโน้มลดลง รถรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวราคาไม่สูงเหมือนในอดีต ซึ่งเป็นเพราะกลไกลการแข่งขันของธุรกิจที่มีผู้เล่นจำนวนมาก แม้ว่ารถบางรุ่นจะไม่ได้ลดราคาลง แต่มีการเพิ่มออปชั่นพิเศษ มีดีไซน์รถสวยงามทันสมัย มีการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคา จึงถือว่าเป็นโอกาสและจังหวะน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเลือกใช้รถพลังงานไฟฟ้า แต่คงต้องพิจารณาให้รอบครอบดูความเหมาะสมว่าเราพร้อมแค่ไหน"
...
เลือกซื้อรถ EV อย่างไรในปี 2024
ปัจจุบันพัฒนาการของรถ EV ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนารูปลักษณ์ ดีไซน์ ออปชั่นต่างๆ ประกอบกับทางเลือกที่หลากหลาย ในการซื้อรถพลังงานไฟฟ้าที่มีหลากหลายรุ่น อีกทั้งหลายแบรนด์พร้อมกระตุ้นการขายด้วยโปรโมชั่นแบบจัดเต็ม และข้อเสนอต่างๆ ที่เร้าใจผู้บริโภค จึงเชื่อว่าจะมีกลุ่มคนที่อยากจะจับจองเป็นเจ้าของรถพลังงานไฟฟ้าบ้างสักคัน แต่การเลือกซื้อรถ EV ในปี 2024 ยังคงมีหลายเรื่องให้พิจารณา
รองประธานผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ให้คำแนะนำว่า "อันดับแรกควรดูเรื่องของระยะทางในการขับว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ และควรทดลองขับขี่จริง เพราะบางครั้งตัวเลขที่ค่ายรถเคลมไว้ เมื่อนำมาขับขี่จริงภายใต้สภาพแวดล้อม อากาศ และการจราจรของเมืองไทย อาจจะไม่ได้ระยะทางตามที่ค่ายรถเคลมไว้ก็ได"
"นอกจากนี้ ควรศึกษาในเรื่องของเทคโนโลยีค่ายรถนั้นๆ นำมาใช้กับรถ EV ว่าการใช้งานสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตนเองหรือไม่ มีฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นอย่างไร การทดลองขับขี่และใช้งานจริงจึงนับเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเลือกซื้อรถ รวมถึงคงต้องศึกษาในรายละเอียดอื่นๆ ประกอบเพิ่มเติมด้วย อาทิ เรื่องความปลอดภัย การบริการ ความคุ้มค่า เป็นต้น" ผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ กล่าวเสริม
...
ก้าวต่อไปของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม
พีระพงศ์ ยังมีมุมมองต่อการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้าในอนาคตว่า "เชื่อว่ามีการพัฒนาเทคโนโลยีและแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ที่ยังคงไม่สมบูรณ์ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง"
ประธานเจ้าหน้าที่สายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อ "การพัฒนาของรถพลังงานไฟฟ้า คงเป็นรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป และต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรที่จะส่งผลต่อภาพรวมอุตสหกรรมรถยนต์เมืองไทย เหมือนกรณีตัวอย่างในช่วงปี 2000 ที่รถยนต์ไฮบริดเข้ามาทำตลาด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรถยนต์สันดาปสู่รถยนต์ไฮบริด กว่าระบบจะเสถียร และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ส่งผลต่อภาพรวมตลาดรถยนต์ ก็กินระยะเวลานานนับ 20 ปี"
นอกจากการพัฒนาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้ว จากประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และการรักษ์โลกค่ายผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ก็มุ่งหาเทคโนโลยีเพื่อมีช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
พีระพงศ์ ยกตัวอย่างให้ฟังว่า "การพัฒนารถยนต์ใช้พลังงานไฮโดรเจน เป็นทางเลือกใหม่ของการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งสร้างความยั่งยืนในอนาคต เพราะแม้ว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกที่ดี ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังต้องพึ่งพาโรงงานผลิตไฟฟ้า ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และการเพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้าให้มีจำนวนมากจะคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่อย่างไร"
คนรุ่นใหม่กับการเลือกใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักที่เลือกซื้อรถยนต์ใช้จะมีอายุ 20-40 ปี ตามข้อมูลของ พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ที่พบว่าเป็นกลุ่มหลักของคนเข้าชมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ มากที่สุด โดยมีสัดส่วนผู้ชายจะมาชมงานมากกว่าผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่จะมาเป็นคู่ หรือไม่ก็มาเป็นครอบครัว เพราะการเลือกซื้อรถจะต้องสอบถามความเห็นของคนรัก หรือคนในครอบครัว เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีส่วนในการใช้รถร่วมกัน
ขณะที่ระยะเวลาการเปลี่ยนรถจะเฉลี่ยประมาณ 5 ปี โดยมีเทรนด์ที่น่าสนใจในปัจจุบัน ซึ่งพบว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่น มีความสามารถในการหาเงินได้ด้วยตนเอง จะเลือกซื้อรถระดับราคาแพงเพิ่มมากขึ้น
ส่วนประเด็นการเพิ่มปริมาณมากขึ้นของระบบรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น จะส่งผลต่อการซื้อรถของคนรุ่นใหม่หรือไม่นั้น พีระพงศ์ มองว่า "ด้วยระบบผังเมืองของบ้านเรา และสภาพอากาศยังเป็นปัจจัยส่งผลให้คนรุ่นใหม่ยังคงเลือกจะใช้รถยนต์ เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง จึงทำให้ตลาดรถยนต์ยังคงมีความต้องการอยู่ แต่ด้วยพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ซึ่งนิยมการเช่าทรัพย์สินมากกว่าการเป็นเจ้าของ ในอนาคตพฤติกรรมการใช้รถจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบการเช่าแทนการซื้อก็มีความเป็นไปได้ หากทั้งตลาดมีแต่รถไฟฟ้า และราคาตกลงอย่างต่อเนื่อง"
ส่วนงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นี้ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2567 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Mobility of Joyful Experiences” ซึ่งภายในงานจะพบกับแบรนด์รถยนต์และรถจักรยานยนต์ชั้นนำ ที่ขนรถรุ่นใหม่มาเปิดตัวกว่า 50 รุ่น และครั้งแรกกับแบรนด์ยนต์จากเวียดนามวินฟาสต์ (VINFAST) และรถต้นแบบต่างๆ นอกจากนี้ ผู้จัดงานได้เพิ่มพื้นที่พิเศษในฮอลล์ 4 เพื่อโชว์รถไฮเปอร์คาร์ ซุปเปอร์คาร์ อาทิ Lamborghini Countach LPI800-4 ที่มีเพียง 112 คัน ทั่วโลกเท่านั้น และคันสุดท้ายนำมาจัดแสดงอยู่ในงานนี้ด้วย นับเป็นงานใหญ่ที่ไม่ควรพลาดการเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง
“คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานรวม 1.5-1.6 ล้านคน ถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม และหากคุณไม่ได้มาชมงานในครั้งนี้คุณจะพลาดชมเทคโนโลยีด้านยานยนต์ในยุคนี้ เพราะไม่สามารถไปหาชมได้ตามโชว์รูมทั่วไปอย่างคอนเซปต์คาร์ที่หาดูได้ยากหากจะลองขับก็มีพื้นที่สำหรับทดลองขับรถได้รองรับด้วย และผู้เข้าร่วมงานยังได้เปรียบเทียบโปรโมชั่นที่แต่ละบริษัทมีให้ด้วย" พีระพงศ์ ผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 45 นี้ กล่าวในตอนท้าย
ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย