รถจักรยานไฟฟ้าเป็นสินค้าที่เริ่มได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการใช้งานที่ง่าย สะดวก และมีฟังก์ชันใช้แรงไฟฟ้าช่วยปั่นจึงช่วยลดแรงของผู้ใช้งานได้มาก รวมถึงบางรุ่นนำที่ปั่นออก ใช้แรงไฟฟ้าขับเคลื่อนอย่างเดียว วันนี้หากคุณกำลังตัดสินใจเลือกซื้อ “รถจักรยานไฟฟ้า” กันอยู่ มาฟังข้อเปรียบเทียบจากไทยรัฐออนไลน์เพื่อให้ได้สิ่งที่ตรงใจที่สุด

จักรยานไฟฟ้า ปั่นได้ / ปั่นไม่ได้ กึ่งสกูตเตอร์

จักรยานไฟฟ้า แบบปั่นได้ และปั่นไม่ได้ แตกต่างกันตรงที่ไม่มีบันไดจักรยาน (ขาถีบ) ซึ่งบางรุ่นนำที่ปั่นออกไปให้ใช้ระบบไฟฟ้าอย่างเดียว แต่ก็มีผู้ใช้ส่วนหนึ่งที่ต้องการแท่นปั่นเผื่อไว้ในกรณีสำรองที่แบตเตอรี่หมดระหว่างทาง จะได้ไม่เปลืองแรงเข็น

ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย : E-Bike หรือ Elecronic Bike, EV Bike
จักรยานไฟฟ้า ปั่นได้ / ปั่นไม่ได้ราคา : 7,500 - 20,000 บาท
ความเร็ว : ประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

...

จักรยานไฟฟ้าพับได้ 

จักรยานไฟฟ้าแบบพับได้ คือจักรยานที่พัฒนาให้น้ำหนักเบา และมีข้อต่อที่พับเก็บได้ง่าย เหมาะสำหรับไว้ท้ายรถเมื่อเดินทางออกแคมป์ หรือไว้ขึ้นรถไฟฟ้าสำหรับเดินทางห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่ไกลมากนัก น้ำหนักของจักรยานพับได้มักจะเบาเพื่อให้ผู้ใช้งานยกได้สะดวก และมักออกแบบมาให้ใช้งานนั่งได้คนเดียว

ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย : Coswheel, DYU
จักรยานไฟฟ้าพับได้ ราคา : 15,000 - 30,000 บาท
ความเร็ว : ประมาณ 25-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จักรยานไฟฟ้าล้อเดียว

จักรยานไฟฟ้าล้อเดียว คือจักรยานที่อาศัยการทรงตัวที่สมดุลกันเพื่อบังคับให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และไฟเตือนที่ตัวเครื่องเพื่อให้ผู้ร่วมทางสังเกตเห็น มีเทคโนโลยีกันละอองน้ำ เพื่อปั่นลุยน้ำได้ไม่พัง และมีแท่นลากเพื่อยกจูงไปกับคุณได้ทุกที่

ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย : Immotion, Kinsong, Ninebot, CXINWALK
จักรยานไฟฟ้าล้อเดียว ราคา : 15,000 - 70,000 บาท
ความเร็ว : ประมาณ 25-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จักรยานไฟฟ้า 3 ล้อ

จักรยานไฟฟ้า 3 หรือสกูตเตอร์ไฟฟ้า 3 ออกแบบมาให้ผู้สูงอายุ ป้องกันการล้มจากการขับขี่ มีตะกร้าให้บรรทุกของ และทำความเร็วได้ไม่มากนัก เหมาะสำหรับใช้ขี่ในหมู่บ้าน แทนการเดินและการปั่นจักรยานทางไกล ปลอดภัยกับการเดินทาง

ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย : EM Electric Bicycle, YIDI, K Lion
จักรยานไฟฟ้า 3 ล้อ ราคา : 18,000 - 50,000 บาท
ความเร็ว : ประมาณ 25-34 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จักรยานไฟฟ้า มีข้อดีอย่างไร

...

1. น้ำหนักเบากว่ารถจักรยานยนต์
นำ้หนักที่เบากว่ารถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ใช้งานง่าย เนื่องจากบางครั้งต้องใช้ขับเพื่อไปส่งลูกเล็กไปโรงเรียน หรือไปซื้อกับข้าว หากสาวๆ ขับมอเตอร์ไซค์ไม่เก่ง ก็เหมาะใช้จักรยานไฟฟ้าเป็นทางเลือก

2. ขึ้นรถไฟฟ้าได้
การใช้งานรถจักรยานไฟฟ้าในเมืองหลวงนั้นเป็นที่นิยม เพราะจักรยานไฟฟ้าเป็นพาหนะที่ใช้ขึ้นรถไฟฟ้าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปทำงาน หรือเดินทางในระยะทางที่สั้นๆ จากรถไฟฟ้า

3. ประหยัดแรง
จักรยานไฟฟ้าไม่ต้องออกแรงปั่น เมื่อเทียบกับการปั่นจักรยานในระยะไกลๆ เป็นประจำ ก็ช่วยลดการใช้แรงจากกล้ามเนื้อได้มากขึ้น

4. ปลอดภัยกว่ารถจักรยานยนต์
ความเร็วสูงสุดของรถจักรยานไฟฟ้าอยู่ที่ 30 -40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงเป็นความเร็วที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ และเหมาะกับผู้สูงอายุ

5. หาที่จอดง่าย
ในกรณีที่เร่งรีบ ต้องจอดรถในพื้นที่จำกัด รถจักรยานไฟฟ้าจะหาที่จอดง่ายกว่ารถอื่นๆ อย่างไรก็ดีอย่าลืมล็อกรถด้วย ป้องกันรถสูญหาย

จักรยานไฟฟ้า มีข้อเสียอย่างไร

...

1. ราคาสูงกว่าจักรยานทั่วไป
หากคุณคาดหวังว่าจะซื้อรถจักรยานไฟฟ้ามาเป็นเครื่องทุ่นแรง จะต้องยอมรับว่าจักรยานไฟฟ้ามีราคาที่สูงกว่าจักรยานทั่วไป 2 เท่าขึ้นไป เนื่องจากต้องใส่แบตเตอรี่พร้อมด้วยอะไหล่ระบบไฟฟ้า ที่ช่วยให้มอเตอร์ของเครื่องวิ่งแทนกำลังปั่นของผู้ใช้งานได้

2. ชิ้นส่วนบางอย่าง เมื่อชำรุดแล้วผู้ใช้ซ่อมแซมเองไม่ได้
ร้านซ่อมจักรยานทั่วไปอาจจะไม่รับซ่อม เพราะระบบของจักรยานไฟฟ้า มีมอเตอร์, สายไฟ, แบตเตอรี่ ที่มากกว่าจักรยานทั่วไปที่มีปัญหาพบบ่อยคือ โซ่หลุด, ยางแตก, กระดิ่งหาย ดังนั้นหากต้องการใช้จักรยานไฟฟ้าต้องศึกษาวิธีการซ่อมแซมเอง หรือซื้อจากศูนย์ที่มีบริการหลังการขาย

3. ปั่นลุยน้ำไม่ได้
จักรยานไฟฟ้าไม่ควรนำมาใช้ตอนฝนตก เพราะหากไฟรั่วแล้วอาจจะช็อตผู้ขับขี่ได้ ดังนั้นจักรยานไฟฟ้าส่วนใหญ่จึงใส่เทคโนโลยีกันละอองน้ำในตัวเครื่องเป็นระบบ IP54 ขึ้นไป ทำให้ราคาของเจ้าจักรยานไฟฟ้าสูงขึ้น

4. หนัก
จักรยานไฟฟ้าทั่วไปน้ำหนักไม่เบาเลยทีเดียว หากคิดว่าจะเลือกจักรยานเบาๆ สักคัน ต้องลองขับก่อนค่อยเลือกซื้อ แต่มีบางยี่ห้อที่ใช้วัสดุอะลูมิเนียมเฟรม ทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้น แต่ก็ตามมาด้วยราคาจักรยานที่สูงขึ้นเช่นกัน

5. รับน้ำหนักได้น้อยกว่ารถจักรยานยนต์
หากคุณต้องการซื้อจักรยานไฟฟ้าสักคัน เพื่อรับส่งบุตรหลานไปโรงเรียนพร้อมกัน 2 คนขึ้นไปต้องคิดหน่อย เพราะน้ำหนักที่รับได้สูงสุดมักอยู่ที่ 100 - 120 กิโลกรัม เท่ากับผู้ใหญ่ 1 คน กับเด็กตัวเล็กๆ ได้ 1 คน ถ้าน้ำหนักมากจะยิ่งทำให้มอเตอร์ใช้งานเกินกำลัง ส่งผลต่ออายุการใช้งานในอนาคต

จักรยานไฟฟ้า กินไฟไหม

...

จักรยานไฟฟ้า ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง สามารถคำนวณค่าไฟจาก Unit x ค่าไฟ วิธีการคำนวณมีดังนี้

1. ดูจำนวนกำลังไฟที่ใช้ หน่วยเป็น “วัตต์”
2. คูณ “จำนวนชั่วโมงที่ใช้ต่อวัน”
3. คูณ 30 เพื่อให้ได้จำนวนชั่วโมงต่อเดือน
4. หน่วยไฟฟ้า (Unit) ที่ใช้ต่อเดือน คือข้อ 3 นำมาคูณกับค่าไฟ

ผู้ใช้งานจะทราบว่าจักรยานไฟฟ้ากินไฟเท่าไร เมื่อคำนวณคิดเป็นค่าไฟต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งรถจักรยานไฟฟ้าควรมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 3 ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ขึ้นอยู่กับ มอเตอร์ และการรับหนักของรถเมื่อใช้งาน ดังนั้นหากต้องการซื้อรถจักรยานไฟฟ้ามาใช้สักคัน ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะ มอเตอร์ กับ แบตเตอรี่ เพื่อป้องกันการใช้ไฟเกินความจำเป็น