ตลอดทั้งปี 2567 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง สีกาอ่าง และที่ปรึกษา เฮียวิวัฒน์ อุดมกัลยารักษ์ ณ พหลโยธิน เฮดเดอร์ ได้พาท่านผู้ชมสอดส่องซอกแซกตลาดพระเฮฮามา 52 อาทิตย์เต็มๆ โดยไม่เคยทิ้งงาน เพราะ บอสหยี–สราวุธ วัชรพล ไม่ยอมอนุมัติเลย นับตั้งแต่ พ.ศ.2539 ที่ ไทยรัฐ เปิดจอ สนามพระวิภาวดี ถึงอยู่มุมไหนในโลกก็ต้องรายงานตัวท่านผู้ชม

อาทิตย์สุดท้ายปีนี้ สีกาอ่าง ก็ส่งงานมาจากต่างประเทศ เป็น บทสรุปวิเคราะห์วงการพระ ที่ทุกคนต้องเผชิญกับความเหนื่อยยากมาทั้งปีว่ามีเรื่อง ดัง ดี ดับ ประการใด จากที่วนอยู่กับวงการพระมา 28 ปีเต็ม เห็นเรื่องราวต่างๆ ต้องบอกว่า 67 เป็นปีที่โหดมาก เพราะผลกระทบจากหลายสถานการณ์ที่รุมถล่มมาก่อนนี้ เริ่ม “ส่งผล” ในปีนี้ ตั้งแต่ โควิด–19 ที่ตลาดปิดเงียบ ถึงจะมีการซื้อขายก็เฉพาะ เซียน แต่ ขาจร ในตลาดพระหายเรียบ การซื้อขายหายวูบ พอปราบโควิดได้ โลกก็เจอปัญหาเศรษฐกิจมาตลอด จากผลของสงคราม ทั้งแบบสู้รบ สงครามการค้า การเมืองระหว่างชาติมหาอำนาจ ที่สร้างความวิตกต่อการลงทุน ที่ชะลอ ชะงัก จนหนักถึงเลิกกิจการ ปลดพนักงาน ส่งผลให้หลายธุรกิจต่ำเตี้ยไปตามกัน ตลาดพระ ก็โดนอีก--สังเกตได้ชัดเรื่องหนึ่งจาก พระใหม่ ที่วัดใหญ่ๆต้องจัดสร้างทุกปี แต่หายไปกว่า 90% เพราะคนไม่มีกำลังเช่า--เงินหมุนเวียนในตลาดวัตถุมงคลจึงหายไปมหาศาล ระดับหลายพันล้าน เพราะปกติวัดใหญ่ๆสร้าง แต่ละรุ่นก็ต้องได้เป็น 100 ล้าน--สดๆปีนี้วงการพระยังโดนหางเลขจากผลภัยธรรมชาติน้ำท่วม แต่ก็เฉพาะพื้นที่

...

แต่ที่ทำให้ ตลาดพระ มีปัญหาเรื้อรังคาราคาซังอยู่ไม่น้อยคือ พฤติกรรมของเซียนพระ!! ไม่ต้องบอกชื่อแซ่ เพราะส่วนใหญ่ก็รู้ตัวกัน ที่ผ่านมา สีกาอ่าง ไม่เคยแตะ รอดูว่าจะแก้ปัญหาได้ไหม จนบัดนี้เห็นว่า คลี่คลาย ได้มากแล้ว จึงขอยกมาเพื่อเป็นบทเรียน

ปัญหาหนึ่งเกิดจาก การขายพระ แบบ ไลฟ์สด (live auction) แต่หลายคนพอ ไลฟ์สด ขายพระได้ ซึ่งไม่ใช่พระตัวเอง แทนที่จะรีบจ่ายเจ้าของพระ รับแต่ค่าขายนายหน้า ก็กลับเอาไปใช้เรื่องอื่น แล้วหาวิธีผ่อนเจ้าของพระ เช่น ให้เช็คล่วงหน้า พอถึงเวลาต้องผ่านเช็ค แต่ยังหาเงินไม่ได้ ก็ไปซื้อพระจากอีกคน โดยจ่ายเช็คล่วงหน้าอีก เช่น ซื้อ 1 ล้าน แล้วเอาพระนั้นไปจำนำกับอีกคนแบบร้อนเงิน 5-6 แสน เพื่อเอาเงินไปผ่านเช็คอีกคน--กลไกการซื้อขายจึงเพี้ยนเป็นการสร้างหนี้แบบ ดินพอกหางหมู จนกลายเป็น ดินพอกตัวช้าง

จากที่จับตาดูการซื้อขาย ไลฟ์สด ไลฟ์แห้ง ของ เซียน อ. เซียน ต. เซียน ท. เซียน ล. และคนอื่นๆมา สีกาอ่าง ประเมินว่ารวมๆแล้ววงเงินที่หมุนวุ่นวาย เอานั่นไปปะนั่นโปะนี่ มีหลายพันล้าน เพราะแต่ละคนติดอยู่ที่หลัก 100 ล้าน จนถึง 500 ล้าน!!--บางคนแก้ปัญหาไม่ตกก็ถึงขั้นลาโลก และยังมีมูลค่าความเสียหายจากเซียนบางคน จึงได้เห็นข่าว เซียน ร.นครสวรรค์ ถูกแจ้งจับเมื่อกลางปีว่าขายพระเก๊เกือบ 400 ล้านบาท ที่เป็นข่าวครึกโครมเดือนก่อนคือ ซินแสตี่ลี่ หลอกให้เช่าวัตถุมงคลเสริมโชคลาภ จนคนสูญเงินกว่าร้อยล้าน รวมทั้งเช่าพระจากนักสะสม โอ๊ต ไป 14 องค์ มูลค่า 6 ล้าน และยังมีหลายคนที่สร้าง ความเสื่อม ซึ่งส่งผลให้คนไม่อยากเข้ามาซื้อขายพระ

มาถึงตรงนี้ ท่านผู้ชมคงสงสัยว่าที่ เซียนพระสามารถ สร้างหนี้ ได้เป็นร้อยๆล้าน ยังมีคนยอมให้พระแพงๆไปขายแบบจับเสือมือเปล่า หรือมีคนให้กู้เงินไปซื้อพระ แสดงว่า เซียนพระต้องได้รับความเชื่อถืออย่างหนัก ซึ่งบอกได้ว่าวงการพระยังดีใช่หรือไม่ คำตอบคือ ส่วนหนึ่งก็ใช่ เพราะวงการพระค้าขายด้วยความคุ้นเคย ถ้าเชื่อใจ หยิบพระ ไปขายก่อนได้เลย--จนโชคไม่ดี เจอฝ่ายที่เอาพระไปขายติดปัญหา จึงเกิดเรื่องโยงใยยุ่งกันระนาว

...

ส่วนตลาดพระโดยรวมขอบอกว่า ยังดี ไปได้แน่นอน แต่ดีมากไหมยังตอบไม่ได้ แต่ปี 67 ก็ผ่านมาจนได้ เพราะพยายามสะสางปัญหา และได้รับความช่วยเหลือจากวงการ ไม่มีการถล่มซ้ำ ที่สำคัญคือ วงการพระยังมี แหล่งทุนใหญ่ พึ่งได้ในยามวิกฤติ ซึ่ง คนที่กล้าให้กู้ ก็มี ลูกพี่ใหญ่ เงินเย็น เป็น ที่พึ่งคนวงการ หลายคน เช่น เจ้าสัว ป. ซึ่งมี คนกลาง ที่ไว้ใจ เป็น นายแบงก์นอกระบบ ทั้ง ออกเงินกู้ และ รับจำนำพระ ดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 1.50-2 บาทเท่านั้น (ต่อเดือน)

ถือเป็นกลุ่มที่ไม่เดือดร้อนอะไร อาจจะแค่กำไรน้อยลง เช่น รับจำนำพระไว้ 200 ล้านบาท จากเคยได้ดอกเบี้ยยาวๆ หรือพระหลุด ก็เอาไปขาย เคยได้กำไร 30-50 ล้าน แต่พอตลาดพระขาลงก็อาจได้แค่ 10 ล้าน--แต่ก็ได้

อีกกลุ่มที่พยุงให้ตลาดพระไปได้ มีการซื้อขายหมุนเวียน คือ กลุ่มธุรกิจเทา ซึ่งซื้อกันง่ายๆ พระหลัก 10-50 ล้าน ยังมีการซื้อขาย แต่เงียบๆ กับปีนี้ วงการพระ ยังมีวงเงินจาก พระใหม่ มาแรง อย่าง หลวงปู่ศิลา กาฬสินธุ์ พระอาจารย์ต้อม วัดท่าสะแบง ร้อยเอ็ด พระอาจารย์ดิเรก วัดหนองทราย สุพรรณบุรี มาพยุงให้ไปได้คล่อง ระดับ พันล้าน

...

ก็เป็นการสรุปโดยรวมกว้างๆสั้นๆ พร้อมเอาใจช่วย ตลาดพระปีหน้า ที่หวังว่าจะกระเตื้องขึ้น เพราะ 30 ปีที่ผ่านมาเมื่อดูจากทุกครั้งที่เกิดวิกฤติการเงิน ที่มีผลต่อการทำมาหากินทั่วโลก รวมทั้ง ตลาดพระไทย หนักๆ เช่น วิกฤติต้มยำกุ้งเอเชีย ค.ศ.1997 วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์อเมริกา ค.ศ.2008 วิกฤติโควิด ค.ศ.2020 ฯลฯ แต่หลังจากปีนั้นๆจะเห็นว่า ตลาดพระ ฟื้นตัวแบบปรู๊ดปร๊าดทุกครั้ง และพระยิ่งแพงกว่าเดิม ดังนั้น ก็ขออวยพรให้โชคดีในปี 68 เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

...

สีกาอ่าง

คลิกอ่านคอลัมน์ "สนามพระ" เพิ่มเติม