พระขุนแผนเคลือบ พิมพ์แขนอ่อน กรุวัดใหญ่ชัยมงคล (ป่าแก้ว) อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา พระกรุเนื้อผงขาว (ปูนขาวผสมดินขาว) เคลือบน้ำยาด้านหน้า (ซึมถึงด้านหลัง) อย่างเครื่องเคลือบโบราณ ลักษณะเป็นพระพิมพ์ทรง ๕ เหลี่ยม ด้านหน้าเป็นองค์พระนั่งปางมารวิชัย อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว (ยอดขุนพล) ด้านหน้าทาน้ำยาเคลือบ ด้านหลังเรียบ มีลายนิ้วมือ
เข้า สนามพระ อาทิตย์นี้ ก็ได้ยินใครๆบอกว่า เหมือนเข้า สนามการเมือง เลยวุ้ย เพราะมีแต่เสียงคุยถึง ผลการเลือก สว. ขรม และพูดเหมือนๆกันว่า แทบไม่รู้จักใคร และวิจารณ์แบบสงสัยว่า บางคนมีผลงาน มีความสามารถไหม มาได้ยังไง
เท่าที่ฟังว่าห่วงกันมากคือ กี่คนเป็น สว.อิสระ และกี่คนที่ สั่งได้ เพราะ ความอิสระ หรือ ไม่อิสระ มีผลต่อการบริหารบ้านเมืองว่าจะเป็นไปยังไง ซึ่งถ้า ไม่อิสระ ก็แน่นอนว่าการเมืองต้องวิบัติหนักขึ้น
ประสาชาวบ้านไม่มีปากเสียง ก็ทำได้แค่ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยให้ชีวิตไม่ยากลำบากนัก เพราะตอนนี้ก็ทำมาหากินยากจนจะไม่ไหวกันแร้ว และถ้าใครคิดมิชอบต่อบ้านเมือง
เพื่อประโยชน์ตัวเอง ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งให้ไปสู่ความพินาศ ใครกตัญญูต่อแผ่นดิน ก็ขอให้เจริญรุ่งเรือง
...
- สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์แรกคือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ วัดใหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ พระพิมพ์เนื้อปูนขาว ผสมมวลสารผงพุทธคุณ ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่สร้างตามคำอาราธนาของ เสมียนตรา (ด้วง) ต้นสกุล ธนโกเศศ โดยมอบ พิมพ์พระวัดระฆัง จำนวนหนึ่งให้เป็น ต้นแบบ กับ ผงวิเศษ ๕ ประการ เป็นมวลสารผสมเนื้อพระ เพื่อบรรจุองค์พระเจดีย์ที่สร้างสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๓
- หลังจากนั้นก็มีลักลอบตกกรุบ้าง แต่ส่วนใหญ่พระก็จำวัดจำกรุมาอย่างสงบ จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๓๖ เกิดสงครามกรณีพิพาทฝรั่งเศสเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง คนกลัวอันตรายจึงหาของดีคุ้มครอง ทำให้กรุพระนี้ถูกบุกรุกต่อเนื่อง จนถึงปี พ.ศ.๒๔๕๙ ทำให้องค์พระเจดีย์ทรุดโทรม เจ้าอาวาสขณะนั้นจึงก่ออิฐ “ปิดช่องตกพระ” ไว้
- แต่กรุก็ปลอดภัยไร้กังวลมาได้ไม่นาน พอสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็มีการขโมยพระออกจากกรุอีก คราวนี้ใช้วิธีขุด เจาะ ทำให้องค์พระเจดีย์ชำรุดเสียหายมาก วัดต้องจัดพระ เณร เฝ้าเวรยามกันจนไม่เป็นอันสวดมนต์
- จึงตัดสินใจเปิดกรุให้รู้แล้วรู้รอดไป เมื่อวันที่ ๒๔ พ.ย.๒๕๐๐ ได้พระพิมพ์หลายพันองค์ แยกพิมพ์ได้ ๘ พิมพ์คือ ๑.พิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์เจดีย์ ๓.พิมพ์เกศบัวตูม ๔.พิมพ์ฐานแซม ๕.พิมพ์เส้นด้าย ๖.พิมพ์สังฆาฏิ ๗.พิมพ์ฐานคู่ ๘.พิมพ์อกครุฑ ไม่นับพิมพ์ปรกโพธิ์กับพิมพ์ไสยาสน์ที่มีน้อย
- แต่ละพิมพ์ยังมีรายละเอียดแตกต่าง แยกเป็นพิมพ์ย่อยได้อีก อย่าง พระพิมพ์อกครุฑ มีแยกได้เป็น พิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก องค์นี้ของอดีต รมว. อุดมเดชรัตนเสถียร เป็น พระพิมพ์กลาง สภาพสมบูรณ์สวยแชมป์เฉียบอีกองค์หนึ่ง
- ต่อไปคือ พระขุนแผนเคลือบ พิมพ์แขนอ่อน กรุวัดใหญ่ชัยมงคล (ป่าแก้ว) อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา พระกรุเนื้อผงขาว (ปูนขาวผสมดินขาว) เคลือบน้ำยาด้านหน้า (ซึมถึงด้านหลัง) อย่างเครื่องเคลือบโบราณ ลักษณะเป็นพระพิมพ์ทรง ๕ เหลี่ยม ด้านหน้าเป็นองค์พระนั่งปางมารวิชัย อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว (ยอดขุนพล) ด้านหน้าทาน้ำยาเคลือบ ด้านหลังเรียบ มีลายนิ้วมือ
- พิมพ์พระแยกได้เป็น ๓ พิมพ์ ๑.พิมพ์อกใหญ่ ฐานสูง ๒.พิมพ์อกใหญ่ ฐานเตี้ย ๓.พิมพ์เล็ก (แขนอ่อน) สร้างราวปี พ.ศ.๒๑๓๔ ตอน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชาของพม่า เมื่อกลับถึงกรุงศรีอยุธยา จึงได้สร้างพระพิมพ์นี้เป็นที่ระลึก ฉลอง “ชัยชนะ”
- โดยองค์พระอาจารย์ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น วัดใหญ่ชัยมงคล) เป็นประธาน สร้างพระเจดีย์ประธานบรรจุพระไว้เป็นกรุต้นกำเนิดทุกองค์มีน้ำยาเคลือบสีเหลืองเข้ม ซอกลึกเป็นสีน้ำตาลดำ ต่อมาพบที่กรุโรงเหล้า ปี พ.ศ.๒๕๐๖ และพบอีกจำนวนมากที่กรุวัดเชิงท่า อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นพระพิมพ์เดียว เนื้อเดียวกัน ต่างที่สีน้ำยาเคลือบอ่อนกว่า เพราะองค์พระโดนน้ำเจือจาง
- ถึงปี พ.ศ.๒๕๐๘ พบที่ ต.บางใหญ่ จ.นนทบุรี มีสีน้ำยาเคลือบเป็นสีเขียวอ่อน แตกต่างจากองค์นี้ ของ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง ที่เป็น พระพิมพ์เล็ก (แขนอ่อน) กรุวัดใหญ่ชัยมงคล ต้นกำเนิดสภาพสมบูรณ์ สวยเดิม ที่ปัจจุบันเจอน้อยมากๆ แม้ภาพถ่ายก็มักเป็นองค์เดิมๆ ที่นับได้แค่หลักหน่วย--ปัจจุบันราคาองค์งามพร้อมแบบนี้ แพงเทียบ พิมพ์ใหญ่ ที่หลักล้านกลางๆแล้ว
...
- องค์ที่สาม เป็น พระรอด เนื้อเขียว พิมพ์เล็ก กรุวัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน เป็นพระสภาพงามสมบูรณ์สวยเดิม เนื้อเขียว ระดับ “องค์ครู” มาแต่ไหนแต่ไร ถูกเก็บรักษาอยู่ในรังเหมืองแร่บูรพา ของ เจ้าสัวสมพันธุ์ พิศลยบุตร นักนิยมสะสมพระสวยพระแชมป์ยุคแรก ผู้สร้างตำนานซื้อพระสวยแบบที่เรียกว่าขับสิบล้อชนแหลก เพราะถ้าเจ้าของพระไม่กล้าบอกราคา ก็จะยื่นกระดาษดินสอให้เขียนราคามาตามใจ ทำให้ได้ครอบครองพระชั้นดีมีคุณภาพ สวยแชมป์มากมาย และมีแต่ ซื้อเข้า ไม่ขายออก
- พระรังนี้จึงจำวัดนิ่งสนิทมานาน จน ๑๕ ปีก่อน ถึงคราว สมบัติผลัดกันชม พระจึงออกสู่วงการ รวมทั้งองค์นี้ ที่สายตรงชื่นชมว่า สมบูรณ์สวยงามครบเครื่องทั้งฟอร์มทรงลงตัวเป๊ะ พิมพ์พระพุทธศิลป์ชัดเจน มีตาจมูกปาก คราบฝ้ารากรุดินแดง บอกอายุอย่างเป็นธรรมชาติ
...
- ต่อด้วย พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์ขนมเปี๊ยะ (ไม่มีปีก) กรุลานทุ่งเศรษฐี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พระพิมพ์หายาก สภาพพองาม เพราะผิวมีรอยลบเลือนผ่านการใช้ได้สัมผัส แต่พิมพ์พระ เนื้อมวลสาร ยังมีให้พิจารณาได้ว่าเป็นพระแท้ดูง่าย
- และพอบอกว่าเจ้าของคือ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ คนก็สบายใจ เพราะชื่อนี้ถือเป็นหนึ่งในมืออาชีพ สายตรงตัวจริง ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งแต่ภาพพระสวยพระแชมป์มาเผยแพร่ แต่ครั้งนี้ส่งภาพพระสภาพพอสวยมาให้ชมบ้าง เอาใจคนที่ชอบพระสวยไม่มาก แต่ต้องแท้มาก และราคายุติธรรม
- ตามมาด้วย เหรียญเสมารุ่นแรก พ.ศ.๒๔๗๐ พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทธสโร) วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เหรียญพระเกจิฯยอดนิยมอันดับ ๑ เมืองสี่แคว
...
- และเป็นเหรียญพระเกจิฯยอดนิยม ราคาหลักล้าน ที่มีสร้างไว้จำนวนน้อย และมี เนื้อทองแดง อย่างเดียว จึงหาเหรียญแท้ได้ยากสุดๆ ส่วนใหญ่อยู่ในรังของนักนิยมพระเจ้าถิ่นเบอร์ต้นๆ องค์นี้ของ เสี่ยเต้ วรชัย (ร้านพระประทาน) เป็นเหรียญสภาพงามแชมป์ สภาพเดิมๆ
- อีกรายการก็หาดูยาก เป็น ผ้ายันต์รอยเท้า (ปั๊มคราม) พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทธสโร) วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ นิยมเรียกเป็น ผ้ายันต์ โดยที่ในผืนผ้าเป็นรอยปั๊มฝ่าเท้าเหยียบครามของ หลวงพ่อเดิม ที่ท่านทำตั้งใจทำออกให้ศิษย์ได้ทำบุญบูชาใช้แทนผ้ายันต์ ตอนงานบุญฉลองพระอุโบสถ
- ลักษณะเป็นผ้าขาวเนื้อหยาบ เหยียบคราม ปั๊มเป็นรอยเท้าคู่อยู่กลางผืนผ้า แบบเรียบง่าย ไม่มีอักขระเลขยันต์เขียนหรือปั๊มใดๆแม้แต่ตัวเดียว
- เล่ากันมาว่า มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้พระเครื่องวัตถุมงคลใดๆ เพราะท่านสร้างไว้ด้วยพลังสมาธิจิต ตอนเหยียบน้ำคราม และปั๊มรอยเท้าลงบนผืนผ้า ท่านกำหนดจิตอธิษฐานด้วย วิชานะปัดตลอด โดยเหยียบผ้าผืนบนสุดเพียงครั้งเดียว รอยเท้าจะติดตลอดถึงผ้าผืนสุดท้าย ชัดเจนเหมือนกัน แล้วท่านยังนำมาภาวนา ปลุกเสก ก่อนนำออกให้ทำบุญบูชา--ผืนนี้ของ เสี่ยบอมเบย์ สุพรรณ มีสภาพสมบูรณ์รอยเท้าติดเต็ม แท้ดูง่าย แต่หายากสุดๆ ปัจจุบันราคาหลักแสนเป็นมาตรฐาน
- รู้ไว้ใช่ว่า สำหรับ คราม สีคราม ที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักแล้ว เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้ได้ สีครามน้ำเงินเข้ม จาก ต้นคราม ด้วยกรรมวิธีแบบโบราณ
- โดยผสมปูนขาวกับน้ำที่แช่กิ่งใบต้นคราม ถ้าสูตรพอดี อุณหภูมิพอดี จะได้ครามเนื้อเนียนละเอียด สีน้ำเงินสดใสเป็นเงา ซึ่งเก็บเป็นเนื้อครามเปียกหรือครามผงก็ได้ แต่สมัยนี้มีการใช้เคมีทำสีแทนสีจากครามที่ยุ่งยาก ที่พอเห็นว่ายังใช้ครามทำสีอยู่ คือการทำเสื้อย้อมคราม อย่างชุดม่อฮ่อม ของแพร่
- ต่อไปถูกใจสายเสี่ยงโชคหาลาภ เป็น พระชุดเรียกลาภ เนื้อเงิน พ.ศ.๒๔๘๖ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง จ.นนทบุรี วัตถุมงคลรุ่นยอดนิยมยุคต้น ที่หายากอีกรุ่นหนึ่ง เพราะสร้างไม่มาก
- โด่งดังด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อเน้นเด่นชัด ด้านเมตตาโชคลาภ ลักษณะเป็นองค์พระสิวลี กับพระพุทธกวัก ๓ องค์ รวมไว้เป็นชุดเดียวกัน มีพบทั้งเนื้อทองแดง เงิน ทองคำ องค์นี้ของ เสี่ยเต่า พระเครื่อง เป็น เนื้อเงิน สภาพสมบูรณ์สวยเดิมๆ
- สุดท้ายคือ พระของ หลวงปู่มหาศิลา ที่มาแรงจนสะเทือนวงการ คือ พระราหู หลังเหรียญเลื่อนยศ วัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์
- หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงสูงสุดแห่งยุค สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลทุกรุ่น ทุกแบบ มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมที่สุดในปัจจุบัน จึงทำให้วงการพระเครื่อง “พระใหม่” คึกคัก เพราะมืออาชีพลุยหาวัตถุมงคลของท่านแบบไม่เกี่ยงราคา
- จนบอกกันว่า ใครไม่มี หาไม่ได้ ถือว่าเชยแหลก (งั้นก็รวม สีกาอ่าง ด้วยคนนึง ) องค์นี้ของ เฮียตี๋ วิคตอรี่ นักนิยมพระผู้ตามทันทุกสถานการณ์ ได้มาปั๊บส่งมาโชว์ให้ชมทันที การันตีความทันสมัย
ลาเดือนหกกันด้วยเรื่องปิดท้าย ในวงนักเล่นพระ ที่พบปะกันอยู่เสมอ เจอกันทีไรก็พูดคุย ส่องพระแซวนางกัน โดยมีที่ประจำอยู่ที่ร้านพระเครื่องของ เสี่ยทรงวุฒิ มืออาชีพเจ้าถิ่น ที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยในนครปฐม
อาทิตย์ก่อนมี นายสันติ เซียนเดินสายขาประจำ พาพรรคพวก ๓-๔ คน มานั่งคุยกับ เสี่ยทรงวุฒิ เริ่มแรกก็คุยกันเรื่องพระเครื่องของขลังยอดนิยมราคาหลักพันถึงหลักแสน หลักล้าน แบบแลกเปลี่ยนความรู้จู่ๆ นายสันติ ก็ตั้งคำถามขึ้นว่า ใครรู้มั่งว่าทำไมพระเครื่องยอดนิยมจึงมีชื่อเรียกเป็นรูปลักษณ์ของผลหมากรากไม้ เยอะกว่าอื่นๆ อย่างพระเม็ดขนุน พระใบมะขาม พระขุนแผนใบพุทรา พระงบน้ำอ้อย พระเม็ดมะลื่น
เสี่ยทรงวุฒิ ตอบแบบผู้ทรงภูมิว่า คงเป็นเพราะรูปทรงองค์พระมีลักษณะเหมือนผลหมากรากไม้เหล่านั้น เพื่อง่ายกับความจดจำ และเพื่อบอกถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระนั้นๆ อย่าง พระเม็ดขนุน ก็มีลักษณะเนื้ออูมกลมยาว ชื่อก็เป็นมงคล บอกถึงอานุภาพด้าน หนุน โชคลาภ
ส่วน พระปรกใบมะขาม ก็มีรูปทรงอย่างใบมะขาม ความหมายมุ่งด้านตบะเดชะมหาอำนาจ คนเกรง ขาม
เม้าท์ถึงตรงนี้เก๊าะมีเสียง นายสมยศ ที่นั่งฟังอย่างเงียบๆยิ้มแป้น พูดเสริมว่า ผมฟังแล้วมีความคิดว่าต่อนี้ไปผมจะต้องเรียกเมียว่า “นางปากตำแย” ซะแล้ว
เพราะทุกวันจะต้องถูกเมีย ซึ่งเป็นคนที่โบราณเปรียบเทียบว่า “ปากคัน” เหมือนใบตำแย ด่าสารพัดไม่เคยซ้ำเลย เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง
คลิกอ่านคอลัมน์ “สนามพระ” เพิ่มเติม